ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1501 ความยินดีพิเศษ
ราชาบันดาลใจในระดับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลยากจะหนีเอาชีวิตรอดจากฝ่ามือของมหาเทวะเสมอฟ้า
ในตอนนี้พอตบเฮ่อเหมี่ยน ก็ลบเลือนร่องรอยที่เคยคงอยู่ในโลกนี้ของอีกฝ่ายจนหมดสิ้น
กรงเล็บปีศาจขนาดมหึมาไม่หยุดสภาวะ พลันทำลายสิ่งก่อสร้างบนวังเซียนจนถล่ม
เยี่ยนจ้าวเกอมองวังเซียนตรงหน้า หัวเราะเย็นชาพลางควงกระบองสารพัดนึกรอบหนึ่ง ก่อนจะฟาดลงอีกครั้ง!
วังเทพของโถงเซียนพลันถล่มลงอีกมุมหนึ่ง มองรวมๆ แล้ว กลายเป็นซากปรักหักพลังเกือบครึ่ง
จอมยุทธ์โถงเซียนที่บาดเจ็บล้มตายมีอยู่นับไม่ถ้วน ในนี้อาจจะมีคนรุ่นหลังของโถงเซียนที่โดดเด่น มีศักยภาพเต็มเปี่ยมอยู่ด้วย
ถึงจะมาจากโถงเซียน แต่พรสวรรค์วิชาฝีมือก็ไม่ธรรมดา ต่อให้เติบโตขึ้นบนโถงเซียน ได้รับการเสริมพลังจากแสงวิเศษพลังศรัทธา ก็มีความหวังที่จะเดินไปยังที่สูง
แต่ขณะนี้มหาเทวะเสมอฟ้าที่แปลงจากเยี่ยนจ้าวเกอฟาดกระบองลง ทุกอย่างกลายเป็นเถ้าธุลี กลบฝังไว้ในประวัติศาสตร์ ไม่มีร่องรอยหลงเหลือ
วานรปีศาจขนาดใหญ่ยักษ์หันหน้าไปมองดูความว่างเปล่าที่เมื่อครู่ปรากฏสภาพพิสดารอย่างประตูเซียนและบัวขาว จากนั้นมองทิศทางที่ยุทธวิชัยพุทธะกับบุญกุศลพุทธะหนีไป สุดท้ายก็เก็บกระบอง
เขาออกแรงกระทืบ พลันถล่มดินแดนของโถงเซียนบริเวณหนึ่ง จากนั้นพลิกตัวตีลังกาหนีจากไป ออกจากจักรวาลโถงเซียน หายไปในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน
หลังเข้าสู่ความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน มหาเทวะเสมอฟ้าเดินทางอีกสักพัก ก็สั่นร่างเปลี่ยนแปลง บนร่างเกิดแสงสีทอง แบ่งหนึ่งเป็นสาม
เยี่ยนจ้าวเกอร่างจริง ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ยังมีสวีเฟยกับพ่านพ่านต่างโผล่ขึ้นมา
แสงสีทองส่องระยิบระยับบนศีรษะของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก สวีเฟย และพ่านพ่าน ก่อนจะไหลเข้าไปในรอยสักบนไหล่ของพวกเขาเหมือนกับน้ำตก
ครั้นแสงทองหายไป ปราณปีศาจอันดุร้ายที่ก่อนหน้านี้แผ่พุ่งทั่วอวกาศจนแทบทำให้คนต้องกลั้นหายใจก็พลันสลายไปด้วย
พวกสวีเฟยต่างมีสีหน้าเหนื่อยล้า ลมหายใจอ่อนแรง ดูอิดโรยถึงขีดสุด
“มืออำมหิตที่ตอนนั้นทำร้ายสหายร่วมเส้นทางเนี่ยกับสหายร่วมเส้นทางอวี่ ในที่สุดก็ถูกสังหารแล้ว” ถึงสวีเฟยจะอ่อนแอ แต่ยังคงปลุกปลอบจิตใจ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “พวกศิษย์พี่สวีท่านหยุดพักผ่อนก่อน จากนี้มอบให้ข้าจัดการเอง”
สวีเฟยพยักหน้า หลับตาไม่พูดอะไร
พ่านพ่านที่อยู่ด้านข้างขดตัวเป็นก้อน เริ่มหลับปุ๋ย
เยี่ยนจ้าวเกอสะบัดแขนเสื้อ เก็บพวกเขากับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก จากนั้นก็เดินทางต่อ
อีกด้านหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอยังฉุดลากสหายตัวใหญ่
อาวุธของมหาเทวะเสมอฟ้า กระบองสารพัดนึกที่เป็นของแท้
ในอดีตมหาเทวะเสมอฟ้าถูกสะกดไว้ใต้เขาเบญจคีรี แบ่งแยกซุนเห้งเจียออกมา ต่อมาพระถังซำจั๋งได้ปลดปล่อยซุนเห้งเจียออกมาตามคำชี้แนะของพระยูไล ทว่ามหาเทวะเสมอฟ้ายังคงถูกสะกด
ตอนที่ซุนเห้งเจียจากไป ก็ได้นำอาวุธเทพอย่างกระบองสารพัดนึกไปด้วย
นับแต่นั้น ระหว่างเส้นทางไปชมพูทวีปไม่ทราบว่ามีผู้เหี้ยมหาญเผ่าปีศาจจำนวนมากเท่าไหร่ตกตายใต้กระบอง เกิดฝนโลหิตพายุคาวเลือดไม่หยุด
ภายหลังซุนเห้งเจียสำเร็จมรรคผลของศาสนาพุทธ กลายเป็นยุทธวิชัยพุทธะ กระบองสารพัดนึกนี้ถูกเขาเก็บไว้ น้อยครั้งถึงจะเห็น
วันนี้เขาจนปัญญา นำออกมาใช้อีกครั้ง อาศัยพลังของของวิเศษชิ้นนี้จึงหนีรอดสำเร็จ
กระนั้น อาวุธเทพที่ชื่อเสียงสั่นสะท้านยุคโบราณและยุคอดีตชิ้นนี้ สุดท้ายก็ตกอยู่ในมือของมหาเทวะเสมอฟ้าที่เกิดจากเยี่ยนจ้าวเกอ
มองในมุมมองหนึ่ง บางทีอาจนับได้ว่าวัตถุกลับสู่เจ้าของเดิม
ขณะนี้เยี่ยนจ้าวเกอลากสหายตัวใหญ่นี้ไปด้วย รู้สึกหนักอึ้งเหลือประมาณ แทบกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่หนักที่สุด ท่ามกลางของวิเศษที่เขาเคยสัมผัสกับตัวเอง
ด้วยพลังฝึกปรือในปัจจุบันของเยี่ยนจ้าวเกอร่างจริง กำลังวังชาต้านทานเซียนกำเนิดจำนวนมากได้เหลือเฟือ แต่ยังคงรู้สึกว่าของวิเศษชิ้นนี้ไม่เหมาะมือ อย่าว่าแต่ใช้ ตอนแบกยังกินแรง
‘หนึ่งหมื่นสามพันห้าร้อยชั่งกับผีมัน’ เยี่ยนจ้าวเกอกลอกตาขาว ‘ยังเป็นฉายาเหล็กวิเศษตั้งธารสวรรค์กล่าวได้ชัดเจน’
ธารสวรรค์ ทะเลดาวไร้สิ้นสุด ดวงดาวมากมายลอยอยู่ด้านใน
พลังการโคจรของดวงดาวมหาศาลขนาดไหน ยิ่งอย่าว่าแต่ดวงดาวนับไม่ถ้วนโคจรพร้อมกัน
สิ่งที่ตั้งให้ธารสวรรค์ไม่เคลื่อนไหวได้ ต้องหนักขนาดไหน แค่คิดก็เป็นที่ทราบได้
ยิ่งอย่าว่าแต่ความน่าอัศจรรย์ของของวิเศษชิ้นนี้ ไม่ได้มีแค่น้ำหนักเท่านั้น
ตั้งแต่มันปรากฏขึ้นมาก็อาละวาดบนวังเทพ ทั้งยังได้ทำศึกกับเหล่าปีศาจตอนไปยังชมพูทวีป ยอดฝีมือระดับสุดยอดที่ถูกฟาดจนตายหรือบาดเจ็บแทบนับคำนวณไม่ได้ ปราณพิฆาตความดุร้ายสั่งสมกันมา เป็นหนึ่งนอาวุธสังหารที่มีไม่กี่ชิ้นในฟ้าดิน
ตอนนี้เมื่อไม่มีเจ้านายผลักดัน ปราณพิฆาตก็หายไปไม่น้อย ทว่ายามเยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสกระบองเทพท่อนนี้ยังคงรู้สึกจิตใจสั่นไหว
ดังนั้นในใจถึงแม้จะแขวะตำนานส่วนหนึ่งในความทรงจำของตัวเอง แต่ว่าสามารถได้รับของวิเศษอย่างนี้มา เยี่ยนจ้าวเกอยังรู้สึกลิงโลดยิ่ง
ฝ่ายตนมีกายทองมหาเทวะ ตอนนี้ยังได้กระบองสารพัดนึกนี้มาอีก ไม่ต่างอะไรกับเสือติดปีก
นี่กลับเป็นผลพวงที่เยี่ยนจ้าวเกอคาดไม่ถึงตอนมายังโถงเซียน
การสังหารพวกเฮ่อเหมี่ยนกับจ้าวสวรรค์อัสนีเขียวเป็นเป้าหมายในครั้งนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ หากทำไม่สำเร็จก็ล้มเหลว
กระบองสารพัดนึกนี้เป็นเรื่องประหลาดใจพิเศษหลังจากบรรลุเป้าหมายที่วางไว้แล้ว
ถึงจะควบคุมกายทองมหาเทวะ ก็มีความไม่สะดวกกับการจำกัดมากมาย แต่เมื่อมีกายทองมหาเทวะกับกระบองสารพัดนึกอยู่ในมือ เรื่องราวมากมายที่ก่อนหน้านี้ทำไม่ได้ ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอล้วนคิดลองดู
“นพยมโลก โถงเซียน…” เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตา ระบายลมหายใจออกยาวๆ
ในสายตาของเขา อารมณ์มากมายที่ปรากฏขึ้นในพริบตานี้ พอถึงเวลาต่างซ่อนอยู่ในความสงบ เหมือนกับผิวทะเลราบเรียบที่มีคลื่นใต้น้ำซัดโหม
ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจพิจารณาสภาพแวดล้อมรอบๆ ก็ไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว รีบกลับจักรวาลฟ้าฟื้น
ไม่เพียงแต่พวกสวีเฟยจะหมดแรง เยี่ยนจ้าวเกอที่ก่อนหน้านี้อาศัยการเปลี่ยนแปลงของหนึ่งปราณสามพิสุทธ์จากดัชนีเทพปฐมกำเนิดย้อนทวน รวมกับกายทองมหาเทวะสามร่าง จิตใจก็เหนื่อยล้าเช่นกัน
ยิ่งเป็นสถานการณ์แบบนี้ ยิ่งต้องระวังไม่ให้ถูกศัตรูฉกฉวย หรือถูกคนอื่นๆ เอาเปรียบ
“หือ?” ขณะเดินทางอยู่ เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าสั่นไหวเล็กน้อย
เขาหันหน้าไปมอง ในความว่างเปล่าอันดำสนิทไกลออกไปพลันเกิดแสงอาทิตย์สว่างขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูการเข้าใกล้ของแสงอาทิตย์นั้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ทราบว่านั่นย่อมเป็นราชันพระอาทิตย์เกาหานอย่างไม่ต้องสงสัย
แสงอาทิตย์ถดถอยไป ปรากฏเงาร่างของคนหนุ่มอาภรณ์ขาวคนหนึ่ง
คนหนุ่มอาภรณ์ขาวมองเยี่ยนจ้าวเกอ สีหน้าฉายแววจนปัญญา ถอนใจคำหนึ่ง “เทวกษัตริย์น้อยไม่ธรรมดาจริงๆ มักก่อเกิดการเคลื่อนไหวที่คนธรรมดาคิดยังไม่กล้าคิดเสมอ”
ถึงน้ำเสียงของเกาหานจะมีลักษณะจริงใจสัตย์ซื่อตลอดกาล แต่นาทีนี้พอเขาพูดคำว่า ‘เทวกษัตริย์น้อย’ อีกครั้ง บางทีไม่ได้มีความคิดเหน็บแนมอีก
“ทำให้ราชันพระอาทิตย์หัวเราะเยาะแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ “ราชันพระอาทิตย์ปรากฏตัวในตอนนี้ มีจุดประสงค์ใด มาเพื่อรับข้าหรือมาเพื่อกล่าวโทษ”
เกาหานเงียบงันเล็กน้อย ค่อยหัวเราะพลางเอ่ย “กล่าวโทษมิกล้า เทวกษัตริย์คล้ายมีแผนการแต่แรก ไม่จำเป็นต้องให้ข้าข้ามเขียงทำแทนพ่อครัว”
ระหว่างที่สองคนสนทนากัน ในความว่างเปล่าอีกด้านหนึ่งมีประกายกระบี่สว่างขึ้น
ในประกายกระบี่ สตรีอาภณณ์เขียวคนหนึ่งค่อยๆ เดินมาใกล้พวกเขา ด้านข้างติดตามไว้ด้วยกระบี่โบราณที่มีปราณสีดำหอบหนึ่งวนเวียน กลับเป็นเกาชิงเสวียนพากระบี่ผนึกเซียนมาถึงแล้ว