ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1504 วิทยราชข่งซวน
พระพุทธเจ้าในแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีมองทีปังกรพุทธะ “ท่านยิ่งมายิ่งเผยความคมกล้า เกรงว่าไม่ใช่สิ่งที่พระอมิตาภพุทธเจ้าต้องการ”
ทีปังกรพุทธะยิ้ม “ถึงแม้ในเวลาส่วนใหญ่องค์พุทธเจ้าจะรักษาความบริสุทธิ์ไม่แก่งแย่ง แต่มีเรื่องที่ควรทำบางเรื่องยังต้องกระทำ อาตมาเพียงรับหน้าที่แทน องค์พุทธเจ้าล้วนเห็น ถ้าขัดต่อจิตเจตนาขององค์พุทธเจ้าจริงๆ อาตมาจะมาพบหน้าสหายร่วมเส้นทางท่านได้อย่างไร”
“ต่อให้ยึดถือว่าท่านพูดถูก แต่อาตมากลับไม่มีความคิดลงมือ” พระพุทธเจ้าในแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีกล่าวอย่างเรียบเฉย
ทีปังกรพุทธะเอ่ย “วันนี้อาตมามาพบสหายร่วมเส้นทาง ย่อมเตรียมของขวัญขอบคุณไว้แล้ว ไม่ทำให้สหายร่วมเส้นทางผิดหวังอย่างแน่นอน”
ว่าแล้วแสงพุทธบริสุทธิ์ด้านหลังศีรษะท่านก็สั่นไหววูบหนึ่ง สารีริกธาตุชิ้นหนึ่งลอยออกมาจากด้านในไฟตะเกียงของตะเกียงเครื่องเคลือบ
อีกฝ่ายมองดูสารีริกธาตุนั้น ในที่สุดก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จับจ้องทีปังกรพุทธะ ครู่ต่อมาค่อยถาม “ท่านยังมีอีกหลายชิ้นหรือ”
ทีปังกรพุทธยิ้มแย้ม “ในมือมีแค่ชิ้นนี้แล้ว แต่ว่ายังมีอีกสองชิ้นที่ข้าทราบตำแหน่ง แยกอยู่ในมือของเหล่าจวินกับเมตไตรย”
หลังจากเงียบงันครู่หนึ่ง แสงสว่างห้าสีก็ม้วนกลางอากาศ เก็บสารีริกธาตุที่ดูธรรมดาชิ้นนั้น
พระพุทธเจ้าในแสงสว่างผุดกายขึ้น “พูดเถอะ ต้องการให้อาตมาไปยังที่ใด”
“ศิษย์คนเล็กจะนำทางสหายร่วมเส้นทางเอง” ทีปังกรพุทธะตอบ
อีกฝ่ายไม่พูดอะไรมากอีก แสงสว่างขึ้น บินออกจากแดนสุขาวดีพุทธเกษตรในชั่วพริบตา จากนั้นก็ผละจากแดนสุขาวดีตะวันตก
ด้านนอกแดนสุขาวดีตะวันตก มีนักบวชไป๋ซยงรออยู่ที่นั่น
สองฝ่ายพอพบกันก็ออกห่างไป หายไปในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน
ในจักรวาลอันว่างเปล่า หมู่มารถอยกลับนพยมโลก ส่วนผู้ยิ่งใหญ่ชั้นมหาชาลของสำนักเต๋าเปลี่ยนมาปะทะกับผู้ยิ่งใหญ่เผ่าปีศาจที่มีเผิงท่องเมฆหมื่นลี้เป็นผู้นำ
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ต้องการล่าตัวพวกเยี่ยนจ้าวเกอเพื่อชำละแค้นสังหารบุตรชาย สุดท้ายกลับถูกเทวกษัตริย์สำนักเต๋าขวางทาง สองฝ่ายสู้รบกันดุเดือด
มียอดฝีมือจากแดนสุขาวดีตะวันตกคอยดูอยู่ด้านข้าง สองฝ่ายไม่อาจโถมพลังทั้งหมดสู้ถึงที่สุด ต้องแบ่งแยกจิตใจมาป้องกันภิกษุจากศาสนาพุทธที่อยู่ใกล้ๆ ด้วย
ทว่าไม่ทันไร ทุกฝ่ายก็ได้รับข่าวที่อยู่เหนือความคาดหมาย
เยี่ยนจ้าวเกอถึงกับแสดงกายทองมหาเทวะเสมอฟ้าระดับมหาชาลสำเร็จ ทำลายโถงเซียนอย่างหักโหม สังหารยอดฝีมือโถงเซียนจำนวนมาก ทำให้โถงเซียนเสียหน้า ถึงขั้นที่อาจโยกคลอนถึงรากฐานของโถงเซียน
สมดุลอันเปราะบางระหว่างเส้นทางนอกรีตสองเส้นทางถูกทำลายอีกครั้ง
โถงเซียนต่างมีความเป็นไปได้ที่จะพ่ายแพ้ราบคาบตลอดเวลา
สถานการณ์ของยอดฝีมือสามฝ่ายพลันเปลี่ยนเป็นละเอียดอ่อนกว่าเดิม
จอมปีศาจตนอื่นๆ ยังคงคิดจะไปโถงเซียน สงครามที่อยู่ที่นั่นจะต้องดุเดือดมากขึ้นแน่
ทางเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ เป็นเพราะเยี่ยนจ้าวเกอออกจากโถงเซียนแล้ว กลับไม่ได้เร่งร้อนเหมือนเดิม เปลี่ยนเป้าหมายไปที่พวกสั่วหมิงจางที่อยู่ตรงหน้าแทน หวังว่าจะได้รับที่อยู่ของเยี่ยนจ้าวเกอและจักรวาลฟ้าฟื้นจากพวกเขา
เหล่าพระภิกษุศาสนาพุทธที่ตอนแรกคอยคุมเชิงอยู่ด้านข้าง มีความเห็นต่างกัน บางคนต้องการกลับไปช่วยเหลือโถงเซียน บางคนคิดจับตาขัดขวางผู้ยิ่งใหญ่เผ่าปีศาจที่อยู่ที่นี่ต่อ ป้องกันไม่ให้พวกเขาไปช่วยเหลือแดนสุขาวดีบัวขาว
ยอดฝีมือชั้นมหาชาลสำนักเต๋าคิดรวบรัดกว่ามาก ในเมื่อเยี่ยนจ้าวเกอบรรลุเป้าหมายอย่างราบรื่นและออกจากโถงเซียนแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องพัวพันกับยอดฝีมือจากเผ่าปีศาจและศาสนาพุทธที่อยู่ที่นี่ต่ออีก
หลังจากถอนตัว ค่อยๆ วางแผนการเคลื่อนไหวตามสถานการณ์ก็ไม่สายไป
สถานการณ์รบที่เดิมทีเกิดการชะงัก พลันค่อยๆ พังทลายตามการถอนตัวของยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจ
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้จนปัญญา คนคนเดียวไม่อาจสำเร็จการณ์ใหญ่ ได้แต่ละวางความแค้นส่วนตัวชั่วคราว ถอยออกจากสนามรบ มุ่งหน้าไปยังโถงเซียน
กลับเป็นพระภิกษุจากศาสนาพุทธ ตอนแรกคิดสกัดพวกเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ ทว่าภายหลังคล้ายได้รับข่าวใหม่ พากันเปลี่ยนแปลงความคิด ไปสกัดพวกเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลของสำนักเต๋าแทน
การเปลี่ยนแปลงอันน่าประหลาด ทำให้สั่วหมิงจาง เจ้าแม่อู๋ตัง จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋อดมองหน้ากันไม่ได้ เกิดความเคลือบแคลงขึ้นในใจ
โถงเซียนเกิดสถานการณ์คับขัน มองอย่างไรพระพุทธเจ้าของแดนสุขาวดีตะวันตกล้วนสมควรรับมือยอดฝีมือจากแดนสุขาวดีบัวขาวกับเผ่าปีศาจก่อน
สุดท้ายตอนนี้ขณะมองดูพวกเผิงท่องเมฆหมื่นลี้จากไป กลับเปลี่ยนมาหยุดยั้งยอดฝีมือสำนักเต๋าเช่นพวกเขา?
หรือว่าจะกลัวพวกเขาเกิดความคิดไปบุกโถงเซียนเหมือนอย่างเยี่ยนจ้าวเกอ ร่วมมือกับแดนสุขาวดีบัวขาวกับเผ่าปีศาจทำลายระบบมรรคาของโถงเซียนโดยสมบูรณ์
ถึงนั่นจะเป็นการแก้แค้นที่สาแก่ใจอย่างยิ่ง แต่ว่าเหล่าจวินมีจิตใจไม่แน่ชัด ก่อนที่สำนักเต๋าสายหลักจะมีเจ้ามรรคาที่เป็นตัวแทนของตัวเองคอยคุ้มครอง ผลลัพธ์อย่างนั้นยากจะคาดคิดถึงจริงๆ
เป็นเพราะเทวกษัตริย์ไร้ประมาณยังคงอยู่
ถ้าเขาไม่ช่วงชิงความศรัทธากับพระศรีอาริย์ต่อ เปลี่ยนมาเพ่งความสนใจกับเรื่องอื่นๆ ที่เจ้ามรรคาเช่นนี้ทำได้มีมากมายเกินไป
“แดนสุขาวดีตะวันตกไม่มีทางไม่คิดถึงข้อนี้” จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋เอ่ยอย่างแช่มช้า “พวกเขาสมควรมีการเตรียมการอย่างอื่น ศักยภาพของแดนสุขาวดีตะวันตกไม่ได้มีเต็มเปี่ยมธรรมดาๆ”
…
โถงเซียนในตอนนี้หลังจากถูกเยี่ยนจ้าวเกออาละวาดรอบหนึ่ง ก็เจอภัยพิบัติใหม่ทันที
แดนสุขาวดีบัวขาวฉวยโอกาสพัดกระพือสภาวะโจมตีที่ดุร้ายใหม่
พร้อมกับที่โถงเซียนกัดฟันต้านทาน กลับเริ่มรู้สึกเรี่ยวแรงไม่เป็นไปดั่งใจ ไม่เพียงเพราะสูญเสียยอดฝีมือเช่นราชาบันดาลใจเท่านั้น สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าอยู่ที่เป็นเพราะว่าแสงวิเศษพลังศรัทธาจากโลกจำนวนมากของโถงเซียนลดน้อยลง ทำให้เหล่าเซียนในโถงเซียนเริ่มอ่อนแอ แนวรบที่ก่อนหน้าแข็งแกร่งพลันเริ่มสั่นคลอน
ในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนที่อยู่ด้านนอกจักรวาลโถงเซียน แดนสุขาวดีตะวันตกศาสนาพุทธสายหลักกับพวกจอมปีศาจจากเขาดาราทะเลดวงดาวก็เปิดสมรภูมิขึ้น
ไม่ทันไร ปราณปีศาจยิ่งใหญ่ก็ปรากฏ พวกปีศาจที่มีเผิงท่องเมฆหมื่นลี้เป็นผู้นำรุดมาสนับสนุน
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ที่กำลังเคียดแค้นพลันเข่นฆ่าอย่างเหี้ยมโหด
พระภิกษุศาสนาพุทธที่ฝ่ายตนกลับไม่มีกำลังมาช่วยเหลือ ได้แต่ฝืนต้าน ค่อยๆ ปรากฏสภาพพ่ายแพ้ล่าถอย
หลังสูญเสียการช่วยเหลือจากพวกเขา โถงเซียนก็กันไว้ไม่อยู่
ทว่าทันใดนั้น กลางความว่างเปล่าพลันมีแสงพุทธเครื่องเคลือบเบ่งบาน ในแสงพุทธแฝงแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีไหลเวียนไม่หยุด
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ ผู้ยิ่งใหญ่ไม่กี่คนในเผ่าปีศาจ ณ ปัจจุบันเห็นดังนั้น สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่าดู
คนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ๆ เห็นแล้วก็เร่งประมวลผล พลันนึกถึงชื่อชื่อหนึ่งโดยไม่ได้นัดหมาย
ข่งซวนผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นเซียนพเนจรในยุคโบราณตอนต้น หรือวิทยราชข่งซวนแห่งศาสนาพุทธในภายหลัง
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่เคยสั่นสะเทือนจักรวาล กวาดล้างเหล่ายอดฝีมือในยุคสถาปนาเทพโบราณตอนนั้น แม้แต่นักพรตลู่ยากับทีปังกรพุทธะยังต้องพ่ายแพ้หลบหนี
แม้แต่นักพรตจุ่นถีผู้เป็นเจ้ามรรคาก็เคยถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของเขาสาดใส่ เพียงแต่ภายหลังทานอานุภาพของระดับมรรคาไม่ไหว นักพรตจุ่นถีหนีออกมาได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จับเขาไว้ ข่งซวนจึงเข้าสู่ศาสนาพุทธเพราะสาเหตุนี้
ทว่านั่นถึงอย่างไรเป็นเขาเผชิญกับผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคา คนที่อยู่ต่ำกว่าระดับมรรคาหากเผชิญกับแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีนี้ ต่างต้องเพิ่มความระมัดระวัง
ในฐานะยอดฝีมือระดับมหาชาลเหมือนกัน ผู้ที่ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของข่งซวนแล้วพลิกคว่ำกับพื้น มีอยู่นับไม่ถ้วน
“ท่านพี่ ไฉนท่านออกเขาแล้ว” เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ถามเสียงทุ้ม “ที่แล้วมาท่านไม่ใช่ไม่ช่วยเหลือฝ่ายไหนหรอกหรือ”
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีไหลเวียนในแสงสว่างเครื่องเคลือบ เงาร่างของพระพุทธเจ้าสายหนึ่งปรากฏขึ้นด้านใน
“อาตมามีวาสนาสำเร็จมรรคา ครั้งนี้ไม่อาจไม่ช่วงชิง ดังนั้นขอลงมือสักครั้ง”