ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1505 โลกซ้อนโลกที่เป็นเป้าหมาย
ในแสงสว่างเครื่องเคลือบ ปรากฏพระพุทธเจ้าที่มียี่สิบเศียร สิบแปดกร เป็นข่งซวนที่ปัจจุบันเข้าสู่ศาสนาพุทธ กลายเป็นเทวราชข่งซวน
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้เป็นพี่น้องร่วมมารดากับท่าน ต่างกำเนิดจากหงส์อมตะตัวแรกของโลก
ในยุคโบราณตอนกลาง ปีศาจกับพุทธทำสงครามกัน วิทยราชข่งซวนอยู่ในแดนสุขาวดีอภิรดีไม่ออกมา แสดงท่าทีไม่ช่วยเหลือสองฝ่าย
ภายหลังนักพรตจุ่นถี หรือก็คือพระยูไลแห่งเขาหลิงซานหลุดพ้น หลังจากที่แดนสุขาวดีอภิรดีกลายเป็นแดนสุขาวดีบัวขาว วิทยราชข่งซวนก็เปลี่ยนไปเข้ากับแดนสุขาวดีตะวันตก เร้นกายมาโดยตลอด ไม่เคยปรากฏตัวมานับหมื่นปี
หลายปีมานี้เผ่าปีศาจกับศาสนาพุทธสายหลักเข้าสู่ทางโลกอีกครั้ง ต่างก็ช่วยเหลือแดนสุขาวดีบัวขาวกับโถงเซียน บางครั้งก็มีศึกใหญ่ ทว่าข่งซวนไม่เคยเข้าร่วม เป็นเหตุให้หลายๆ คนนึกสงสัยว่าวิทยราชข่งซวนท่านนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ก็คิดไม่ถึงว่าจะพานพบกับข่งซวนในสถานการณ์เช่นนี้
“ทีปังกรมักข่มเหงผู้คน ท่านพี่อย่าได้ถูกเขาหลอกลวง” เผิงท่องเมฆหมื่นลี้กล่าวเสียงทุ้ม
ข่งซวนกล่าวอย่างราบเรียบ “ข้อนี้อาตมาจะระวัง”
“เมื่อเป็นแบบนี้ ท่านพี่จะสร้างความลำบากแก่พวกเราแล้ว?” เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ขมวดคิ้ว
ข่งซวนพูดกับพวกปีศาจก่อน “พวกโยมที่อยู่ที่นี่นั่งอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนอาตมาก็พอ”
จากนั้นก็พูดกับพระพุทธทั้งหลาย “พวกท่านตามสบาย”
วาจานี้พอกล่าว ผู้ยิ่งใหญ่เผ่าปีศาจต่างสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
เหล่าพระภิกษุของศาสนาพุทธไม่ได้ไต่ถามใดๆ ส่งเสียงพร้อมกัน “ตามแต่วิทยราชจะบัญชา”
เห็นยอดฝีมือศาสนาพุทธเริ่มออกจากจักรวาลแห่งนี้ มุ่งหน้าไปยังโถงเซียน พวกปีศาจที่อยู่รอบๆ ต่างอดทนไม่ไหว
ถึงข่งซวนจะมีบารมีสั่นสะท้านอดีต เรืองรองในปัจจุบัน ทว่าผู้ยิ่งใหญ่เผ่าปีศาจที่อยู่รอบๆ ก็มีไม่ต่ำกว่าหนึ่งตน ในนี้ยังมีตัวตนที่ในหมู่ยอดฝีมือชั้นมหาชาลยังนับว่ามีพลังล้ำเลิศอย่างเผิงท่องเมฆหมื่นลี้อยู่ด้วย
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ไม่ได้ลงมือในทันที จับจ้องข่งซวน ขมวดคิ้วเงียบๆ
มหาเทวะเผ่าปีศาจตนอื่นๆ พากันพุ่งไปด้านหน้า!
นี่เป็นทัพจากเผ่าปีศาจสองทัพที่ก่อนหน้าทำสงครามกับแดนสุขาวดี แล้วเหลือกำลังไว้กลุ้มรุมในสงครามนพยมโลกรวมตัวกัน
ยามเผชิญกับยอดฝีมือชั้นมหาชาลอย่างข่งซวน อนุเทวะต่างไม่คิดเข้าไปหาความอัปยศ
ทว่าถึงจะเป็นเช่นนี้ การจัดการทัพก็น่ากลัวถึงขั้นที่ว่าถ้าเผิงท่องเมฆหมื่นลี้เจอ ก็ได้แต่อาศัยความเร็วต่อสู้ ค่อยๆ ค้นหามาตรการรับมือ ไม่กล้าปะทะโดยตรง
ยามประจัญหน้ากับเผ่าปีศาจ ข่งซวนที่อยู่ในร่างธรรมพุทธะ ยังคงนั่งตัวตรงบนบัวเขียว
เพียงแต่แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีรอบๆ ตัวท่าน เริ่มเปลี่ยนเป็นยิ่งมายิ่งแจ่มชัด
…
“ถึงกับเป็นวิทยราชข่งซวนออกจากเขา?” เยี่ยนจ้าวเกอพักรักษาตัวในฟ้าเหนือฟ้า ได้รับข่าวที่ส่งกลับมาจากภายนอกก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
ถึงอย่างไรตอนที่ทำสงครามกับเผ่าปีศาจขณะที่พุทธตะวันตกเข้าสู่ตะวันออกในยุคโบราณตอนกลาง ข่งซวนหาได้เข้าร่วมไม่ ต่างแสดงท่าทีไม่ช่วยเหลือสองฝ่ายตั้งแต่ต้นจนจบ
ถึงขั้นกล่าวได้ว่า ครั้งนี้พอปรากฏตัวขึ้น ทุกคนค่อยทราบว่าข่งซวนเข้าสู่แดนสุขาวดีตะวันตกแล้ว เป็นเพราะหลังจากยุคโบราณตอนกลางก็ไม่เคยมีข่าวคราวมาโดยตลอด ดังนั้นที่อยู่เบาะแสของยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยเป็นผู้บำเพ็ญพเนจรแห่งเผ่าปีศาจท่านนี้ จึงเป็นปริศนาที่คนไม่น้อยให้ความสนใจ
ตอนนี้ท่านปรากฏตัวขึ้น กลับทำให้ความคาใจของคนไม่น้อยหายไป แน่นอนว่าหลังจากนี้ ต้องใคร่ครวญว่าจะรับมืออย่างไรแล้ว
“พูดถึงที่สุด เซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลทั่วไปไม่อาจเทียบกับคนผู้นี้ได้” ในตำหนักโอสถ เสวี่ยชูฉิงจุ๊ปากชมเชย
เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ “ถูกต้อง ข่าวที่ส่งกลับมาพิสูจน์ว่าผู้มีชื่อเสียงไร้วิญญูชนจอมปลอม”
ว่ากันว่าข่งซวนคนเดียวป้องกันมหาเทวะเผ่าปีศาจที่รวมเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ ใช้หนึ่งสู้ศัตรูพวกมาก สุดท้ายแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีไม่มีสิ่งใดขจัดไม่ได้ กวาดล้างสนามรบ เล่นงานจนเผ่าปีศาจหมวกรบหล่นเกราะรบปลิว
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ตอนแรกเพียงชมดูอยู่ด้านข้าง ต่อมาถูกกดดันอย่างจนปัญญา ไม่อาจไม่ลงมือด้วยตัวเอง
ความได้เปรียบด้านความเร็วของเขาแทบเป็นหนึ่งบนชั้นมหาชาล แม้แต่พี่ชายแท้ๆ ที่มีปีกเหมือนกันอย่างข่งซวนก็สู้ไม่ได้
ภายใต้การโจมตีราวพายุบุแคมของเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ ตามเหตุผลแล้วสมควรเห็นประสิทธิภาพส่วนหนึ่ง เป็นเพราะหากยึดตามตำนานในยุคสงครามสถาปนาเทพโบราณตอนต้น แม้นแสงศักดิ์สิทธิ์้ห้าสีของข่งซวนจะแข็งแกร่ง แต่ยามเผชิญกับการกลุ้มรุมจากยอดยอดฝีมือด้านวิชาเร้นกายที่สลับกันมาไม่ขาดสาย ชนิดเทพโผล่ผีหาย ก็เกิดสถานการณ์รับมือไม่ทัน ห่วงหน้าพะวงหลัง
กล่าวในระดับหนึ่งแล้ว ต่อให้เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งกว่านี้ ถ้าโจมตีไม่โดนก็ไร้ความหมาย
ในเวลานี้ มีความเป็นไปได้ที่จะมอบโอกาสให้อีกฝ่ายฉกฉวย
ถ้าหากว่าภายใต้สถานการณ์ที่ถอนแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีออก ถึงแม้ว่าข่งซวนจะมีวิชาฝีมืออย่างอื่นโดดเด่นท่ามกลางยอดฝีมือระดับมหาชาลเช่นกัน แต่กลับไม่อาจทำถึงขั้นมีอำนาจก้มมองใต้หล้าได้
แน่นอนว่าแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของข่งซวนก็แข็งแกร่งจริงๆ จึงมีน้อยครั้งที่เขาถูกคนหาช่องโหว่วเจอ โดยเฉพาะถ้าสู้หนึ่งต่อหนึ่ง ไม่ว่าไปที่ไหนก็ไม่มีทางเสียเปรียบ
ทว่าเผิงท่องเมฆหมื่นลี้เป็นยอดฝีมือด้านวิชาเร้นกายที่สุดยอดที่สุดใต้ระดับมรรคาจริงๆ เขาอาศัยการอำพรางจากการกลุ้มรุมของมหาเทวะเผ่าปีศาจตนอื่นๆ ใช่ว่าไม่อาจมุดช่องว่างของข่งซวน
“น่าเสียดาย วิทยราชข่งซวนสำเร็จกายทองศาสนาพุทธ แก้ไขจุดอ่อนของตัวเองแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอแยกเขี้ยว แสดงสีหน้าเข็ดฟัน “จุดแข็งยังคงเป็นจุดแข็ง จุดอ่อนไม่ใช่จุดอ่อนอีกต่อไป เทียบกับข่งซวนในอดีตแล้ว วิทยราชข่งซวนในตอนนี้เกรงว่าเลื่อนขึ้นมาอยู่ในสามอันดับแรกบนประวัตศาสตร์ท่ามกลางเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลแล้ว”
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้เองก็ทราบว่าพี่ชายของตนเองมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นระดับหนึ่งหลังจากฝึกฝนกายทองพุทธศาสนาจนสำเร็จ
ทว่าก่อนหน้านี้ถึงอย่างไรก็ไม่เคยต่อสู้ด้วยตัวเอง จึงอดทดลองไม่ได้ ผลลัพธ์ทำอะไรข่งซวนไม่ได้ ตนเองเกือบเสียท่าเพราะแสงศักดิ์สิทธิห้าสี ท้ายที่สุดพ่ายแพ้แล้วหลบหนีไป
เป็นบทเรียนประสบการณ์ที่เซียนอวี่อวี้แห่งสายเหนือพิสุทธิ์ซึ่งเป็นเผ่าเดียวกันกับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ในยุคโบราณตอนต้นเหลือเอาไว้ ถ้าหากพัวกันนานเกินไปไม่ยอมถอนตัว ต่อให้เป็นนกเผิงยักษ์ปีกทองที่มีความเร็วสูงสุดขีดก็จะถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีจับได้
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้หลบรอดภัยพิบัติ มหาเทวะเผ่าปีศาจคนอื่นๆ ไม่ได้โชคดีขนาดนั้น ที่ข่งซวนจับได้ก็จับ คว้าได้ก็คว้า ผู้ที่รอดไปได้ยังมีไม่ถึงครึ่ง
สำหรับเผ่าปีศาจที่อยู่ต่ำกว่าระดับมหาชาล ยิ่งถูกข่งซวนจับไว้หมดสิ้น
“แต่ว่าถ้าไม่อาจจับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ได้ในทันที แล้วเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ไม่คิดต่อยตีกับท่านต่อ ข่งซวนก็ทำอะไรไม่ได้” เยี่ยนตี๋นั่งอยู่ด้านข้าง ทางหนึ่งปรับลมหายใจ ทางหนึ่งพูด
“ถูกต้อง ถึงอย่างไรท่านก็ไล่ตามเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ไม่ทัน แต่ดูท่าทางแล้ว ท่านเพียงแค่ปกป้องโถงเซียน ไม่ให้พวกเผิงท่องเมฆหมื่นลี้เข้าใกล้เท่านั้น” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ด้วยวาสนาของท่านกับเผ่าปีศาจ หลังจากจบเรื่องอาจปลดปล่อยจอมปีศาจที่จับไว้หมดสิ้น”
เยี่ยนตี๋ขมวดคิ้ว “วิทยราชข่งซวนปรากฏตัวอย่างเหนือความคาดหมาย ใช้น้อยสู้มาก คนเดียวขวางด่านหมื่นคนเข้าไม่ได้ แต่ว่าทิศทางของยอดฝีมือศาสนาพุทธคนอื่นๆ จากแดนสุขาวดีตะวันตกกลับพิกลอยู่บ้าง พัวพันกับคนในสำนักเต๋าเราเพราะอะไร กลัวมีศัตรูไม่พอ หรือมั่นใจว่าจะสามารถจัดการพวกเราทั้งหมดได้”
เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญพลางกล่าว “เหมือนกับว่าจะตรึงกำลังพวกผู้อาวุโสสั่วมากกว่า หากบอกว่าจะกวาดล้างพวกเราไปพร้อมกับเผ่าปีศาจและแดนสุขาวดีบัวขาว กลับดูไม่เหมือนนัก แต่ว่าการเคลื่อนไหวนี้ต้องมีจุดประสงค์บางอย่าง…”
ดวงตาเขาเปลี่ยนเป็นล้ำลึกอยู่บ้าง “ถ้าหากไม่ใช่พวกเรา ก็เป็นโลกซ้อนโลกกระมัง”