ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1512 เทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอด
พอได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอพูดถึงชื่อปฐมเทวะนพวิญญาณ เสวี่ยชูฉิงก็ลดเสียงลง “เทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอด…”
เทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอด มีอีกชื่อว่าจักรพรรดิตงจี๋ชิงหัว เทวกษัตริย์ค้นเสียงผู้ช่วยให้รอด หรือจักรพรรดิเก้าอาทิตย์เขียวดำ
ปฐมเทวะนพวิญญาณเป็นราชสีห์เก้าหัวพาหนะหลังจากถูกท่านสยบ
ตัวตนเช่นนี้เป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ไม่กี่คนในประวัติศาสตร์สำนักเต๋า ขณะเดียวกันก็เป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายที่มีอำนาจมากที่สุดบนวังเทพ
กระนั้น เทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดปกติแล้วจะไม่ได้อยู่บนวังเทพ แต่ว่าออกท่องไปทั่วจักรวาล น้อยครั้งจะถามไถ่เรื่องของวังเทพ
แน่นอนว่าไม่ว่าใครก็ไม่กล้าดูแคลนเทวกษัตริย์ผู้เก่าแก่ที่เกิดขึ้นมาก่อนฟากฟ้าผู้นี้
เพียงแต่ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ปกติแล้วมีร่องรอยไม่แน่นอน ทำให้คนยากจะหยั่งถึง หนำซ้ำน้อยครั้งมากๆ จึงจะสอดมือเข้ามาในเรื่องราวบนโลก จึงค่อนข้างลี้ลับ
เสวี่ยชูฉิงมองเยี่ยนจ้าวเกอ “เจ้าคิดใช้ชื่อของจักรพรรดิตงจี๋ชิงหัว ปลอมร่องรอยของเขา ปล่อยข่าวออกมาว่าจักรพรรดิตงจี๋ชิงหัวมีชิ้นส่วนศิลามนุษย์กำเนิดอยู่ในมือ เพื่อดึงดูดความสนใจของโถงเซียนและแดนสุขาวดีบัวขาว อย่างดีที่สุดสามารถหาวิธียุให้พวกเขาเปิดสงครามกันงั้นหรือ”
“ไม่ผิด” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า
เสวี่ยชูฉิงมองเขาครู่หนึ่ง ถามอย่างแช่มช้า “เจ้าได้คิดหรือไม่ว่านี่อาจมีปัญหาสองอย่าง”
เยี่ยนจ้าวเกอเผชิญสายตาของนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้อแรกตอนนี้ปฐมเทวะนพวิญญาณได้เป็นอิสระจากเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอด เข้าสู่เขาดาราทะเลดวงดาวของเผ่าปีศาจแล้ว ข้อสอง เทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอด อาจจะเป็นเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกระมัง”
“ดูท่าเจ้าจะมีการพิจารณาอยู่แล้วสินะ” เสวี่ยชูฉิงผงกศีรษะถาม
เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “ปฐมเทวะนพวิญญาณถ้าหากยังมีชีวิตอยู่ ทั้งได้รับอิสระเข้าสู่เขาดาราทะเลดวงดาว เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สองประการ ถ้าเศษศิลามนุษย์กำเนิดในมือเขาไม่อยู่ในมือเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอด ก็ต้องกลับคืนสู่กษัตริย์บูรพา ผลลัพธ์ของความเป็นไปได้อย่างหลังก็คือ หลังจากเขาได้ทราบข่าวที่พวกเราออกไป จะแยกแยะจริงลวงได้ แล้วบอกต่อแดนสุขาวดีบัวขาว แต่ถ้าหากว่าเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดเป็นเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ หากทราบเข้า คงมองปาหี่ของข้าออกได้ง่าย”
เขายกสองมือขึ้น แต่ละข้างตั้งนิ้วชี้หนึ่งนิ้ว จากนั้นก็ยื่นเข้าหาตรงกลาง “สองอย่างนี้ไม่ว่าเป็นอย่างไหน ความจริงจะเกิดผลลัพธ์เดียวกัน” จากนั้นเขาก็หัวเราะ “แต่ไม่ส่งผลต่อเป้าหมายที่พวกเราต้องการบรรลุ”
ในฐานะคนที่ระหกระเหเร่รอน หนีตายเพียงคนเดียวมาหลายปี วิธีที่เสวี่ยชูฉิงพิจารณาปัญหา กล่าวได้ในระดับหนึ่งว่าใกล้เคียงกับเยี่ยนจ้าวเกอ
พอฟังคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ นางก็เลิกคิ้วเล็กน้อย “แผนซ้อนแผน? จ้าวเกอไม่กี่ปีมานี้เจ้าโดดเด่นมากขึ้น สำหรับผู้ยิ่งใหญ่ส่วนหนึ่งของเส้นทางนอกรีต หรือแม้แต่แดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจ ต่างเหมือนหนามตำตา หากมีโอกาสกำจัดเจ้า พวกเขาไม่ยอมพลาด เจ้าวางแผนใช้ชื่อของจักรพรรดิตงจี๋ชิงหัววางทัพลวง อีกฝ่ายมองจริงลวงออก อาจจะแสร้งเป็นไม่รู้ ใช้แผนซ้อนแผน อาศัยเรื่องนี้หลอกล่อให้เจ้าหรือว่าคนในจักรวาลฟ้าฟื้นปรากฏตัว จากนั้นฉวยโอกาสฆ่าทิ้ง”
เสวี่ยชูฉิงมองเยี่ยนจ้าวเกอ “แต่ว่านี่ตรงใจของพวกเราพอดี เป็นเพราะว่าเป้าหมายที่พวกเราต้องการบรรลุ คือการแบ่งแยกความสนใจของอีกฝ่าย เพื่อให้เราอาศัยกระบี่ผนึกเซียน ไปตามหากระบี่วิเศษอีกสามเล่มได้สะดวก ข่าวของจักรพรรดิตงจี๋ชิงหัว เดิมเป็นวิธีการบังสายตาด้วยหอกลวง”
“เป็นเช่นนี้ไม่ผิด” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า
เสวี่ยชูฉิงถอนใจถอนใจคำหนึ่ง กล่าวอย่างใคร่ครวญ “แต่ถ้าหากว่าไม่อาจยั่วยุให้สองเส้นางนอกรีตเปิดสงครามกันได้ใหม่ แม้นอีกฝ่ายจะติดกับ ถูกพวกเราล่อเสือออกจากเขาได้ชั่วคราว เวลาเกรงว่าจะมีจำกัดยิ่ง ใช่ว่าจะมีพอให้พวกเราไปตามหากระบี่”
“เรื่องราวบนโลกน้อยครั้งจะสมบูรณ์ แต่สามารถเพิ่มโอกาสชนะส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ดีกว่าน้อยไปส่วนหนึ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “มีคำกล่าวว่าซ่อมแซมประตูหน้าต่างก่อนฝนตก การเตรียมการอย่างเต็มที่ไม่ใช่เช่นนี้หรอกหรือ ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ติดกับพวกเราก็หาเป็นไรไม่ ทุกๆ ครั้งที่ชิงโอกาสสำเร็จได้ส่วนหนนึ่ง อย่างนั้นก็กำไรแล้ว”
เสวี่ยชูฉิงพอฟังพยักหน้าก่อน จากนั้นก็ส่ายหน้า เตือนว่า “กระทำน้อยผิดพลาดน้อย กระทำมากผิดพลาดมาก ทำอะไรยากจะหลีกเลี่ยงไม่หลงเหลือร่องรอย อาจทำให้อีกฝายจับจุดอ่อนได้ ใช่ว่าจะไม่มีความเสียหายหรือความเสี่ยงเลย”
นางมองเยี่ยนจ้าวเกอ กล่าวอย่างสะท้อนใจ “สภาพของผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์สายหลักอย่างพวกเราเทียบกับเมื่อก่อน ยิ่งมายิ่งดีจริงๆ แต่ว่าสำหรับสภาพแวดล้อมใหญ่ในปัจจุบัน พวกเรายังคงตกเป็นฝ่ายตามหลัง ยังต้องระวังตัว ไม่อย่างนั้นความสำเร็จก่อนหน้าจะเสียเปล่าหมดสิ้น”
“ข้าเข้าใจ” เยี่ยนจ้าวเกอปั้นสีหน้าจริงจัง กล่าวอย่าวจริงจัง
เสวี่ยชูฉิงยิ้ม “อย่ารำคาญคำบ่นของข้าเลย ข้าเพียงแต่ปากมากไปบ้าง ตอนนี้จ้าวเกอเจ้าเป็นเสาค้ำยันที่แท้จริงของผู้สืบทอดกระแสตรงสำนักเต๋าแล้ว เมื่อมีแผนการ ก็ไปกระทำให้เต็มที่เถอะ”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านวางใจ”
เยี่ยนจ้าวเกอบอกลาเสวี่ยชูฉิง จากนั้นก็ไปหาเฟิงอวิ๋นเซิง
ตอนนี้นางยังคงสงบใจปรับลมหายใจ เยี่ยนจ้าวเกอเห็นผลลัพธ์น่ายินดี ก็ไม่ได้รบกวนนาง จากมาเงียบๆ
สวีเฟย พ่านพ่าน กับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็กำลังพักผ่อนอยู่
สือจวินรับบาดเจ็บหนัก วันนี้อาการบาดเจ็บเรียบร้อยดีแล้ว ตอนนี้ปัญหาที่ต้องพิจารณาก็คือ ทำอย่างไรจึงจะไม่ทิ้งความทุพพลภาพไว้
“ไม่ไหวจริงๆ ข้าคงต้องฝึกวิชากระบี่แขนเดียว กับวิชาขาเดียวแล้ว” หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอตรวจสอบสภาพของเขาแล้ว สือจวินก็ยิ้มเยาะตัวเอง
เยี่ยนจ้าวเกอสังเกตอีกสักครู่ บุรุษหนุ่มผู้นี้หลังทราบว่าสวีเฟยอาจารย์ของเขาไม่เป็นไร อารมณ์กลับนับว่าค่อนข้างมั่นคง
ถึงจะอึดอัดกับอาการบาดเจ็บจากการเสียตาขวา แขนขวา และขาขวาไป แต่ว่ามารดากับอาจารย์ต่างปลอดภัยไร้เรื่องราว ทำให้ยามปกติสือจวินมีเวลาสบายใจมากกว่า
“เด็กโง่ อย่าคิดเหลวไหล ข้าอาจารย์อาของเจ้าตอนนี้คิดหาวิธีได้หลายวิธีแล้ว เพียงแต่กำลังพิจารณาว่าวิธีไหนเหมาะสมและส่งผลดีต่อเจ้าในภายหลังมากกว่า” เยี่ยนจ้าวเกอตบไหล่ของเขา
สือจวินก็ยิ้มแหยๆ แต่ไม่ทันไรก็ถามอย่างหวาดวิตก “อาจารย์อา มารดาข้าจะตื่นขึ้นมาเวลาไหน”
“พี่สะใภ้อวี่เจินไม่เป็นไรแล้ว สามารถปลุกนางได้ทุกเวลา” เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เพียงแต่คิดถึงว่าก่อนหน้านี้อย่างไรมารดินโบ่วก็อาละวาดรอบหนึ่ง นางมีระดับพลังฝึกปรือต่ำเกินไป ดังนั้นเพื่อความเหมาะสม จึงให้นางหลับต่อ ฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่”
“เช่นนั้นก็ดีๆ” สือจวินระบายลมหายใจออกยาวๆ
เยี่ยนจ้าวเกอบอกลาผละมา หลังจากจัดการเรื่องราวในฟ้าเหนือฟ้าเรียบร้อยดีแล้ว ก็ออกจากฟ้าเหนือฟ้า มุ่งหน้าไปยังมรกตท่องฟ้า
สือจวินแม่ลูกไม่เป็นไรแล้ว ทว่าสภาพของอวี่เยี่ยในมรกตท่องฟ้ายังไม่น่าดูชมเท่าไหรนัก
ถ้าหากไม่ใช่ตอนอยู่บนนพยมโลก เนี่ยจิงเสินที่อาการบาดเจ็บหายดีเป็นปลิดทิ้ง อีกทั้งฝึกฝนสำเร็จเพิ่มขึ้นอีกขั้นเพราะกลายเป็นมาร ใช้ปราณกระบี่ปกป้อง เกรงว่าอวี่เยี่ยจะคงเสียชีวิตแต่แรกแล้ว
ในปัจจุบัน อาการบาดเจ็บของนางเรียกได้ว่าสาหัสสากรรจ์ ซับซ้อนยิ่งกว่าอิ๋งอวี่เจินในตอนแรกเสียอีก
เยี่ยนจ้าวเกอพอไปถึงมรกตท่องฟ้า หลังจากเยี่ยมเยือนพวกผู้อาวุโสสายเหนือพิสุทธิ์ที่อยู่ที่นี่ ก็ร่วมพิจารณาวิธีการวินิจฉัยรักษาอวี่เยี่ยทันที
จนกระทั่งครบสี่สิบเก้าวันตามที่นัดกับเกาชิงเสวียนไว้ เยี่ยนจ้าวเกอค่อยไปพบเกาชิงเสวียน
“มีการเคลื่อนไหวแล้ว” หลังพบกัน เกาชิงเสวียนก็กล่าวรวบรัด