ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1528 ปลดตราผนึก
ลวดลายปรากฏขึ้นบนตราผนึก ประกายแสงสีแดงก่ำที่แปลกประหลาดกระจายออกมา มีเจตจำนงกระบี่ของกระบี่ลวงเซียนกับจิตแห่งหลักการอีกแบบหนึ่งส่งออกมาจากด้านใน
นักพรตชิงจางกับนักพรตจ้าวเจิน ยังมีเหยาอวิ๋นเฉิงมองภาพนี้อย่างเย็นชา
คิดเปิดตราผนึก ไม่ได้รวบรัดขนาดนั้น ต่อให้เยี่ยนจ้าวเกอจะทำลายพิธีเซ่นสรวงเลือดของพวกเขาได้อย่างง่ายดายก็ตาม
แผนการในตอนแรกของพวกนักพรตชิงจาง เป็นการลองเสี่ยงสุดกำลัง ไม่มีมีความมั่นใจว่าจะทำลายตราผนึกได้
เป็นเพราะวาสนา เยี่ยนจ้าวเกอพ่อลูกมาถึง ทำให้พวกเขาลองใช้พิธีเซ่นสรวงเลือด ค่อยมีความหวังเพิ่มสองสามส่วน แต่ก็เป็นแค่สองสามส่วนเท่านั้น
ถ้าหากว่าเปิดตราผนึกได้ง่ายดายปานนั้น โลกน้ำพุหยกไหนเลยถูกจองจำมาหลายพันปีจนกระทั่งถึงวันนี้
ถงซินหลินกับกว่างทงจื่อต่างสีหน้าซับซ้อน คิดขัดขวางเยี่ยนจ้าวเกอ
ไกลออกไป มีคนในโลกน้ำพุหยกปรากฏตัวและเข้าใกล้อย่างต่อเนื่อง ต่างแตกตื่นหน้าถอดสี
เป็นเพราะว่าการกระทำของเยี่ยนซิงถางกับตี๋ชิงเหลียนในตอนนั้น ความเห็นที่มีต่อกระบี่พุทธะกับแดนสุขาวดีบัวขาวเริ่มไม่เป็นหนึ่ง ดังนั้นหลายปีมานี้ ผู้สืบทอดกระแสตรงสายหยกพิสุทธิ์ในโลกน้ำพุหยกจึงเริ่มแบ่งออกเป็นสองพรรค
ระหว่างสองพรรคมีการกระทบกระทั่ง ความบาดหมางรุนแรงขึ้น
แต่ไม่ว่าจะเป็นพวกนักพรตชิงจาง หรือถงซินหลินต่างยอมรับเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือความแข็งแกร่งของกระบี่พุทธะ
เทียบกับสภาพในปัจจุบันที่จอมยุทธ์ระดับสูงสุดในตอนนี้บนโลกน้ำพุหยกคือเซียนลี้ลับแล้ว ยอดฝีมือระดับมหาชาลที่สำเร็จผลพุทธ มีพลังไร้ข้อสงสัยใดๆ
ถึงเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้จะดูเหมือนกับจับกุมพวกนักพรตชิงจางได้อย่างสบายๆ แต่ว่ายังคงอยู่ในระดับเซียนลี้ลับสงบนิ่ง จะต้านทานมหาชาลได้อย่างไร
ดังนั้นมีคนร้องเตือนไม่หยุด “โปรดยั้งมือ!”
“อย่าได้วู่วาม”
แม้ตามเหตุผลแล้ว เซียนลี้ลับสมควรไม่มีความสามารถในการเปิดตาผนึก ทว่าตอนนี้สีหน้ามั่นใจของเยี่ยนจ้าวเกอทำให้ทุกคนแตกตื่นลนลานแล้ว
ในตอนนั้นเอง เยี่ยนจ้าวเกอสะบัดแขนเสื้อ เงาสายหนึ่งลอยออกมาจากแขนเสื้อ ขนาดใหญ่ขึ้นกลางอากาศด้วยความเร็วสูง
ทุกคนเพ่งตามองไป กลับเป็นสัตว์ยักษ์ที่มีขนสีขาวสลับสีดำ ราวกับหมีตัวหนึ่ง
“ปี่เซียะภูเขา?” คนบนโลกน้ำพุหยกเพิ่งจะนึกถึงชื่อของสัตว์ปีศาจชนิดหนึ่งที่บันทึกอยู่บนคัมภีร์โบราณ จากนั้นก็เห็นมีแสงสีทองสาดออกมาจากบนหลังของปี่เซียะภูเขาขนาดมหึมาตัวนั้น
แสงสีทองพุ่งสู่ฟากฟ้า จากนั้นตวัดแล้วผนึกตัวอย่างรวดเร็วกลางอากาศ ปรากฏวานรปีศาจที่ใหญ่โตยิ่งกว่าตนหนึ่ง!
วานรปีศาจตอนนั้นเพิ่งปรากฏตัว เท้าหยัดยืนบนพื้น ศีรษะค้ำท้องฟ้า
ฟ้าดินบริเวณหนึ่งบนโลกน้ำพุหยกที่ใหญ่ยักษ์ ถึงกับมอบความรู้สึกบรรจุวานรยักษ์ตัวนี้ไว้ไม่ได้ให้แก่ผู้คน!
“มะ…มหาเทวะเสมอฟ้า?!” ทุกคนเพ่งตามองดูเครื่องแต่งกายและลักษณะภายนอกของวานรปีศาจตนนั้น ชื่อในตำนานชื่อหนึ่งโผล่ขึ้นในห้วงสมอง ต่างตกอกตกใจ
เห็นวานรปีศาจตนนั้นชูสองมือสู่ท้องนภา
ตราผนึกบนฟ้าด้านบนสั่นสะเทือนไม่หยุด ลำแสงหลายสายตัดกันเหมือนกับคมมีด กรีดมือของวานรปีศาจ
แต่ว่าขนสีทองลุกตั้งขึ้นทั่วร่างวานรปีศาจ ลำแสงสีทองหลายสายหมุนเวียน ถึงกับป้องกันคมกระบี่สีแดงก่ำที่พาดขวางตัดสลับนั้น
ถึงกระบี่ลวงเซียนจะแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้พลังหลักใช้มาผนึกกระบี่พุทธะ กายทองมหาเทวะที่พ่านพ่านแสดงออกมา ป้องกันคมกระบี่ของมันอย่างหักโหม มือยักษ์ที่เต็มไปด้วยขนสองข้างยื่นเข้าไปในส่วนลึกของตราผนึก
ท่ามกลางการอ้าปากตาค้างของคนบนโลกน้ำพุหยก เยี่ยนจ้าวเกอยกมือขึ้น ตวัดนิ้วกลางอากาศ ประกายกระบี่สีแดงก่ำสายแล้วสายเล่าส่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
เยี่ยนตี๋ที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่พูดแม้แต่คำเดียว ปล่อยประกายดาบหลายสายออกมา ลอยเข้าไปในตราผนึกเหมือนกับประกายกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอ
ตราผนึกกลางท้องฟ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่หยุด
กายทองมหาเทวะที่เกิดจากพ่านพ่านอาศัยพลังของตัวเองหยุดตราผนึกอย่างหักโหม ทำให้ตราผนึกไม่อาจป้องกันการเคลื่อนไหวของเยี่ยนจ้าวเกอ
มีเยี่ยนจ้าวเกอแก้ไขตราผนึก พ่านพ่านไม่ต้องปะทะกับตราผนึก ใช้พลังทำลายความแยบยล
ไม่ทันไร ภายใต้การมองดูด้วยสายตาแตกตื่นของคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ท้องฟ้าของโลกน้ำพุหยกเกิดการเปลี่ยนแปลง
ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงก่ำ ลำแสงหลายสายเคลื่อนไหวอยู่ด้านในไม่หยุด ปรากฏสีสันแสงหยกเลือนราง
จากนั้นแสงสว่างเหล่านี้ก็เริ่มค่อยๆ สลาย
ท้องฟ้าบนโลกน้ำพุหยกค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเดิม
พายุพัดเมฆเคลื่อน อุปสรรคที่ผนึกโลกใบนี้มานับสองพันกว่าปี ในที่สุดก็สลายไป
อย่าว่าแต่พวกนักพรตชิงจางตกอยู่ในความงุนงง แม้แต่พวกถงซินหลินกับกว่างทงจื่อก็เงียบงันไร้วาจา ใบหน้าปรากฏความสับสน
กลางท้องฟ้าในขณะนี้มีเพียงแค่เหนือเขาเมฆทองที่อยู่ตรงข้าม ยังคงเปล่งแสงสีแดงก่ำระยิบระยับ
ภายใต้การแผ่พุ่งของกลิ่นอายที่สั่นสะท้านจิตใจคน ในแสงสีแดงค่อยๆ ปรากฏเงาสองสาย กระบี่ยาวเล่มหนึ่ง และคนผู้หนึ่ง
กระบี่ยาวลักษณะเก่าแก่โบราณ แต่กลับเป็นที่มาของประกายกระบี่สีแดงก่ำหลายสาย!
มีกลิ่นอายเย็นเยียบอ้างว้างจากการที่เวลาเคลื่อนสู่ปลายทาง เดือนปีมุ่งหน้าสู่จุดจบส่งออกมา
อากาศรอบๆ กระบี่ยาวค่อยๆ มุงสู่การพังทลาย กระตุ้นให้วัตถุเรื่องราวซึ่งอยู่โดยรอบเข้าใกล้มัน
เหมือนกับตำแหน่งมิติเวลาที่มันอยู่กำลังล่มสลาย
ทุกคนเพ่งตามองกระบี่โบราณเล่มนั้น ต่างเกิดความรู้สึกไม่อยู่ในมิติเวลาเดียวกับมัน อยู่ห่างไกลไร้สิ้นสุด ไม่ว่าจะเข้าใกล้อย่างไรต่างไม่อาจคว้ามาได้ขึ้น
หนึ่งในสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียน กระบี่ลวงเซียน!
กระบี่ลวงเซียนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับกระบี่ผนึกเซียน ใช้กางค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่สมบูรณ์
เงาร่างที่อยู่ห่างจากกระบี่ลวงเซียน กลับเป็นนักพรตผู้หนึ่งที่นั่งหลับตาขัดสมาธิ ไม่ส่งเสียงไม่มีลมหายใจ
นักพรตผู้นี้บนร่างไร้พลังชีวิต แต่ว่ากายไม่เน่าเปื่อย บนผิวกับส่องแสงที่เหมือนหยกขาวเหมือนโลหะระยิบระบับ
ถึงแม้จะเงียบงัน แต่ยามลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ ความรู้สึกการดำรงอยู่คล้ายกับไม่ด้อยไปกว่ากระบี่ลวงเซียนที่อยู่ด้านข้าง เพียงแต่ไม่มีพลังชีวิตให้พูดถึง กลับเหมือนกระบี่เล่มหนึ่งยิ่งกว่ากระบี่ลวงเซียนที่ความยิ่งใหญ่แผ่ซ่านออกมาเสียอีก
แต่ว่าปราณพิฆาตที่ทั้งสูงส่งและเย็นยะเยือกด้านใน ยังคงทำให้คนรู้สึกสั่นสะท้าน
คนบนโลกน้ำพุหยกเช่นพวกถงซินหลินพากันคำนับ “บูรพาจารย์ผู้สูงส่ง!”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าร่างของนักพรตผู้นั้น เป็นซากสังขารหลังจากอวี้ติ่งจินหยินผู้ยิ่งใหญ่สายหยกพิสุทธิ์นั่งมรณะ
“อวี้ติ่งจินหยินอยู่ตรงหน้า ผู้เยาว์ขอคารวะ” เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ต่างคำนับซากสังขารนั้นต่างจริงใจ
ทว่าทันใดนั้นเอง แสงพุทธเคลื่องเคลือบพลันทะลักขึ้นระหว่างกระบี่ลวงเซียนกับซากสังขารของอวี้ติ่งจินหยิน
บัวขาวดอกหนึ่งเบ่งบานอย่างฉับพลันกลางประกายกระบี่สีแดงก่ำ
ขณะที่บัวขาวส่งกลิ่นหอม เสียงสวดมนต์ก็ดังขึ้นตาม กลิ่นอายที่กล้าแข็งมาถึง แทบสะกดคนที่อยู่รอบๆ จนไม่อาจกระดิกกระเดี้ย
‘กระบี่พุทธะ!’ พวกถงซินหลินต่างจิตใจหนักอึ้ง
ตราผนึกเปิดออก กระบี่ลวงเซียนกับซากสังขารของอวี้ติ่งจินหยินได้เห็นดวงอาทิตย์และท้องฟ้าอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน กระบี่พุทธะที่ถูกผนึกตรามานานสองพันปีบนโลกน้ำพุหยกก็มาถึงอีกครั้ง!
เห็นบัวขาวดอกนั้นเลี้ยวกลางอากาศ พุ่งเข้าหากระบี่ลวงเซียน
ทว่าขณะเดียวกัน เสียงกู่ร้องที่สั่นสะเทือนแก้วหูแทบแตกก็ดังขึ้น ปราณปีศาจไร้สิ้นสุดพุ่งสู่ฟากฟ้า วานรปีศาจขนาดมหึมากระโจนตัวขึ้นไปคว้ามือใส่บัวขาว
พร้อมกับเสียงคำรามของวานรปีศาจ แรงกดดันบนร่างของคนในโลกน้ำพุหยกพลันเบาลง การเคลื่อนไหวไร้อุปสรรค
บัวขาวถูกปราณปีศาจกระแทกสั่น พลันส่ายวูบ แสงพุทธที่เป็นสีเครื่องเคลือบด้านบนเคลื่อนไหว ความน่าอัศจรรย์หายไปมากมาย
บนปัทมาสน์ปรากฏเงาร่างของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง
พระพุทธเจ้าองค์นั้นใส่จีวรสีเทา ใบหน้าเหมือนคนธรรมดา ด้านหลังหัวไหล่ปรากฏด้ามกระบี่ที่แขวนไว้เอียงๆ