ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1529 กระบี่พุทธะสองรุ่น
พระพุทธเจ้าที่อยู่บทปัทมาสน์สีขาวองค์นั้น ไม่ได้มีใบหน้าเปล่งแสงวิเศษเหมือนอย่างนักบวชรูปอื่นๆ ในศาสนาพุทธ กลับเหมือนหลวงจีนวัยกลางคนธรรมดาๆ ผู้หนึ่ง สีหน้าเปี่ยมชีวิตชีวา เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์
ในดวงตาของท่านไม่เห็นความกระจ่างใสสงบนิ่งจากปัญญาการตรัสรู้ สรรพวิชาล้วนว่างเปล่า กลับแฝงความรู้สึกหลากหลาย ตอนนี้เผยให้เห็นความซับซ้อนขณะมองกระบี่ลวงเซียนกับซากสังขารของอวี้ติ่งจินหยิน
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นพิเศษบนร่างของท่าน คือกระบี่ยาวที่ท่านแบกไว้
ปราณกระบี่เย็นเยียบพุ่งสู่ฟ้า ครอบคลุมโลกน้ำพุหยก ถึงขั้นที่เหยียดยื่นไปในความว่างเปล่ากลางจักรวาลที่อยู่ไกลออกไป
ความเย็นยะเยือกแห่งเจตจำนงกระบี่นั้น ถึงกับเหมือนยังเหนือกว่ากระบี่ลวงเซียนที่ขณะนี้ไร้นาย
พระพุทธเจ้าองค์นั้นย่อมเป็นกระบี่พุทธะ
ถงซินหลินกับนักพรตชิงจางตอนนั้นเคยทำความเข้าใจกับอานุภาพของกระบี่พุทธะด้วยตัวเอง แม้นไม่อาจเห็นถึงรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่าย ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ที่สามารถบดขยี้โลกน้ำพุหยกในตอนนั้น
แต่ว่าปัจจุบัน ความรู้สึกที่กลิ่นอายซึ่งกระบี่พุทธะแสดงออกมา กลับต่างไปจากเมื่อสองพันปีกว่าปีก่อน ไม่เหมือนกับวิถีอสูรที่ถือทิฐิและชมชอบเอาชนะจนคลุ้มคลั่ง และต่างจากวิถีนรกที่บ้าคลั่งกระหายเลือด เหยียบย่ำสิ่งมีชีวิต
กระบี่พุทธะในขณะนี้ถึงขั้นทำให้คนไม่รู้สึกถึงจิตเซนหลายส่วน
หากบอกว่าท่านเหมือนกับเทวกษัตริย์สำนักเต๋าที่ใช้กระบี่สำเร็จมรรคาท่านหนึ่ง เกรงว่าจะเหมาะกว่าผู้ยิ่งใหญ่ศาสนาพุทธที่สำเร็จผลพุทธ
‘วิถีมนุษย์…’ คนที่รู้จักกระบี่พุทธะอยู่บ้าง ในใจเกิดความคิดหนึ่งโดยไม่ได้นัดหมาย
กระบี่พุทธะนั่งอยู่บนบัวขาว ยื่นมือออกมาหมายจับกระบี่ลวงเซียนที่ลอยกลางอากาศ
แต่ว่ามือมหึมาที่เต็มไปด้วยคนข้างหนึ่งตบมา สภาวะคิดหักมือของกระบี่พุทธะ ไม่ยอมให้ท่านได้กระบี่ไป
“กายปีศาจของยุทธวิชัยพุทธะ ไฉนจึงมาอยู่ที่นี่์” กระบี่พุทธะสีหน้าฉายแววงุนงง แต่ว่ายังไม่ยอมถอย
ท่านยังคงยื่นมือข้างหนึ่งไปด้านหน้า มืออีกข้างชักกระบี่ด้านหลังออกเสียงดังเช้ง
จากนั้น แสงอันเจิดจ้าที่น่ากลัวราวกับฝนดาวตกก็หล่นลงจากฟากฟ้า พุ่งเข้าหาวานรปีศาจขนาดยักษ์ตนนั้นพร้อมกัน
“ถึงเป็นสองบุปผาบนกระหม่อมแล้ว แต่เทียบกับอานุภาพอันดุร้ายสะท้านโลกของมหาเทวะเสมอฟ้าในอดีตไม่ได้” กระบี่พุทธะทางหนึ่งพูด ประกายกระบี่พุ่งลง
วานรปีศาจด้านล่างอ้าปาก พ่นภาษามนุษย์ “ท่านมีสามบุปผาบนกระหม่อม ข่มเหงคนแล้ว”
วานรปีศาจยกสองมือขึ้น แสงทองรวมกลางฝ่ามือ ผนึกตัวกลายเป็นกระบองสารพัดนึกท่อนหนึ่ง แล้วหมุนวนราวกับกงล้ออัคคีวายุ
ขณะกระบองสีทองที่ดุร้ายหมุนวน ก็กวาดล้างก้อนเมฆสายลมรอบๆ ฟาดตีประกายกระบี่หลายสายที่พุ่งจากฟ้าจนแหลกสลาย
จากนั้นเขาพลิกร่าง ยังคงฟาดใส่แขนข้างที่กระบี่พุทธะใช้คว้าหากระบี่
กระบี่พุทธะยังคงยื่นมือ แต่ว่าท่าร่างกลับพลันล่องลอยไม่แน่นอน วินาทีนี้ ท่านเหมือนกับคงอยู่ทุกที่
ด้านหลังวานรปีศาจปรากฏกระบี่เล่มหนึ่ง แทงใส่กลางหลัง
บนศีรษะของพวกเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏกระบี่หนึ่งเล่ม ราวทัณฑ์สวรรค์มาถึง
ด้านข้างกระบี่ลวงเซียนมีมือข้างหนึ่งพุ่งพรวด พริบตาเดียวถึงที่ใกล้ กำลังจะคว้ากระบี่โบราณได้แล้ว
กระบี่พุทธะที่ปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน ล้วนกลายเป็นความจริง ไม่ใช่ภาพลวงตา
เป็นความน่าอัศจรรย์ที่ยอดฝีมือชั้นมหาชาลมีทุกคน
“ฮ่า!” แต่ว่าวานรปีศาจตนนั้นส่งเสียงกู่ร้อง พลิกตัวไปกลางอากาศ ฉับพลันนั้น กลางอากาศเหมือนกับปรากฎเงาร่างของวานรปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนในเวลาเดียวกัน!
กระบี่พุทธะมีกี่รูป วานรปีศาจก็มีเท่านั้น
ปรากฏการณ์ประหลาดที่มากมายจนตาลาย ทำให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนติดในห้วงฝันชั่วขณะ
จากนั้นวินาทีต่อมา ความน่าอัศจรรย์ของทั้งสองฝ่ายก็หายไปหมด
กลางอากาศยังคงเป็นวานรขนทองตัวหนึ่ง กับหลวงจีนถือกระบี่รูปหนึ่งคุมเชิงกัน
“มหาเทวะเสมอฟ้า สมกับเป็นมหาเทวะเสมอฟ้าจริงๆ” กระบี่พุทธะถอนใจคำหนึ่ง “ขนาดตกไปอยู่ในชั้นสุญญตา กลับยังคงรักษาความน่าอัศจรรย์มากมายตอนอยู่บนชั้นมหาชาลได้ อย่างน้อยก็ใช้ออกตอนกระตุ้นได้”
ตอนนี้ท่านไม่ได้นั่งอยู่บนปัทมาสน์อีกต่อไป แต่ยืนขึ้นบนบัวขาว มือหนึ่งถือกระบี่ จีวรสีเทาถูกลมพัด มองไปเหมือนกับมือกระบี่ที่น่าเกรงขามคนหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอโผล่ขึ้นบนหัวไหล่ของมหาเทวะเสมอฟ้าที่พ่านพ่านแปลงขึ้น “กระบี่พุทธะสมกับเป็นกระบี่พุทธะ กลายร่างเป็นวิถีมนุษย์ ยังคงเป็นพลังที่อยู่ในชั้นแนวหน้าบนแดนสุขาวดี”
กระบี่พุทธะเปลี่ยนสังสารวัฏหกวิถี ตอนอยู่ในวิถีมนุษย์ วิถีอสูร กับวิถีนรก พลังทำศึกแข็งแกร่งที่สุด วิถีมนุษย์ วิถีเดรัจฉาน กับวิถีเปรตด้อยก่วาเล็กน้อย
กระนั้นแม้นจะเป็นเช่นนี้ พลังของท่านยังคงอยู่ในชั้นแถวหน้าท่ามกลางเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาล
ถึงอย่างไร ในอดีตตอนไม่เข้าสู่เส้นทางนอกรีต ก่อนจะเลื่อนสู่ชั้นมหาชาล ท่านในฐานะกระบี่โพธิสัตว์ เป็นตัวตนจำนวนน้อยท่ามกลางยอดฝีมือระดับเดียวกันของศาสนาพุทธสายหลัก
ครั้งกระโน้นในฐานะบุตรกระบี่ ไหนเลยเป็นชนชั้นธรรมดา
ทว่าน่าเสียดายที่ท่านยังคงทำอะไรกายทองมหาเทวะของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้
กายทองมหาเทวะร่างหนึ่งใช้กดดันมหาชาลเส้นทางนอกรีตอย่างราชาบันดาลใจได้อย่างดุดัน ถ้าไม่ใช่การขวางกั้นของภัยพิบัติฟ้ากำเนิด การสังหารราชาบันดาลใจยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ต่อให้ยุทธวิชัยพุทธะจะได้รับบาดเจ็บ และสะกดกายทองมหาเทวะได้ร่างหนึ่ง นั่นเป็นเพราะว่าท่านมีพลังของตัวเองแข็งแกร่งอยู่แล้ว
กระบี่พุทธะแม้แข็งแกร่ง สุดท้ายยังเป็นเส้นทางนอกรีต พลังไม่ว่าอย่างไรก็เทียบกับยุทธวิชัยพุทธะที่สำเร็จมรรคผลศาสนาพุทธไม่ได้
“พวกโยมเป็นใครกัน” กระบี่พุทธะกวาดมองเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋
เยี่ยนตี๋ไม่ได้อยู่กับเยี่ยนจ้าวเกอ แต่ว่ามุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของความว่างเปล่าที่ประกายกระบี่สีแดงก่ำตัดสลับ
เมฆแปลงกำเนิดแผ่ออก เหมือนกับกำลังหายใจ
พอถูกสายตาของกระบี่พุทธะทิ่มแทง เมฆแปลงกำเนิดก็เกิดความแปรปรวน
แต่กายทองมหาเทวะสั่นไหว แสงสีทองสาดขึ้น กั้นสายตาของกระบี่พุทธะ ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สัมผัสความเย็นยะเยือกนั้นไม่ได้
กระบี่พุทธะเห็นดังนันก็ขมวดคิ้ว ละสายตามาตั้งใจมองเยี่ยนจ้าวเกอกับกายทองมหาเทวะ
“ข้าชื่อเยี่ยนจ้าวเกอ ท่านนั้นคือบิดาข้า” เยี่ยนจ้าวเกอตอบสงบนิ่ง “ท่านปู่คือเยี่ยนซิงถาง ท่านย่าคือตี๋ชิงเหลียน”
พอฟังชื่อสองชื่อนี้ สองคิ้วดำสนิทของกระบี่พุทธะก็ขมวดมุ่นกว่าเดิม ตาเป็นประกายเย็นเยียบ “ที่แท้เป็นลูกหลานของเยี่ยนซิงถางกับตี๋ชิงเหลียน ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาสองคน อาตมาคงไม่เสียเวลาไปพันปี”
เสียงของท่านซับซ้อนยิ่ง แฝงความเคารพความลึกซึ้ง แต่ส่วนใหญ่เป็นความโกรธ ถึงขั้นเป็นความแค้นที่ไม่อาจควบคุม
“ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ท่านปู่กับท่านย่าคงไม่พบภัยพิบัติ” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเย็นชาเช่นกัน
กระบี่พุทธะพยักหน้าน้อยๆ “โยมคิดกำจัดอาตมา?”
จุดที่สายตาของท่านไปถึง พลันมีเส้นสายสีดำมากมาย ลอยออกมาจากในอากาศ เหมือนกับเส้นอากาศนับไม่ถ้วน
เส้นสีดำเกาะเกี่ยว ประกอบเป็นแหยักษ์ ค่อยๆ ปกคลุมอากาศ เจตจำนงกระบี่อันว้างจากความพินาศของสิ่งมีชีวิตส่งออกมาจากด้านใน
เงาร่างของเกาชิงเสวียนที่ถือกระบี่ผนึกเซียน บัดเดี๋ยวหายบัดเดี๋ยวปรากฏ
“ผนึกเซียน…” กระบี่พุทธะสายตาอยู่บนกระบี่ที่อยู่ในมือเกาชิงเสวียน จากนั้นก็มองกระบี่ลวงเซียนที่อยู่ใกล้แค่คืบหากแต่ไกลราวฟ้าและเหว ส่ายหน้าอยู่บ้าง “มีความหวังสังหารอาตมาจริงๆ แต่ว่าวันนี้พวกโยมไม่มีโอกาสแล้ว”
ท่านมองไปยังที่ไกล “ถ้าหากว่าตอนนี้แดนอภิรดีศูนย์กลางของอาตมาไม่ใช่กำลังต่อสู้กับมารร้ายโถงเซียนอยู่ อาตมาเมื่อเข้าสู่วิถีมนุษย์ ศิษย์อาตมาย่อมมาตามหาอาตมา สองพันปีผ่านไป เขาสมควรกลายเป็นพุทธะแล้ว”
เหมือนกับกำลังยืนยันคำพูดของท่าน กลางอากาศไกลออกไปถึงกับมีประกายกระบี่สว่างขึ้น!
บัวขาวดอกหนึ่งเบ่งบานในประกายกระบี่ บนบัวขาวนั่งด้วยบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง สวมจีวร กลับไว้ไว้ผมยาวถึงด้านหลัง
กระบี่ยาวเล่มหนึ่งวางพาดอยู่บนเข่าของบุรุษหนุ่ม