ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1537 วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในอดีต
เกี่ยวกับเทวกษัติรย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอด ยอดฝีมือที่ถือกำเนิดจากสำนักเต๋าสายหลักอย่างเจ้าแม่อู๋ตัง ย่อมรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ
ก่อนหน้านี้เพียงเป็นการช่วยพวกเยี่ยนจ้าวเกออำพราง เพื่อตามหากระบี่ลวงเซียน ผู้ใดทราบว่าถึงกับทำปลอมให้เป็นจริงอย่างเหนือความคาดหมาย
เจ้าแม่อู๋ตังรวมถึงพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ต่างสนใจว่าตอนนี้ที่อยู่ของเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดอยู่ที่ใด
ถ้าเทวกษัตริย์ผู้เก่าแก่ท่านนี้ยังมีชีวิตอยู่ นั่นย่อมเป็นข่าวดีสำหรับสำนักเต๋าสายหลัก
ถึงแม้เทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดจะมีร่องรอยไม่แน่นอน เคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ แต่ว่าก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดที่จัดอยู่ในแถวหน้าบนประวัติศาสตร์ของสำนักเต๋า
หากว่าเทวกษัตรย์ที่เก่าแก่ผู้นี้เสียชีวิตลงแล้ว นั่นย่อมเป็นข่าวร้าย แต่ยิ่งรู้เร็ว ก็ยิ่งสะดวกต่อการรับมือการเปลี่ยนแปลงของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
“ถ้าเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับโถงเซียนไม่ใช่จงใจวางสถานการณ์ลวง เช่นนั้นเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดก็ไม่ใช่เทวกษัตริย์ไร้ประมาณจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ พึมพำขึ้น
เฟิงอวิ๋นเซิง เยี่ยนตี๋และเกาชิงเสวียนพยักหน้าเล็กน้อยเช่นกัน
เทวกษัตริย์ไร้ประมาณสามารถอาศัยศิลามนุษย์กำเนิดก้าวเท้าก้าวสุดท้าย หมายความว่าเดิมทีเขาเป็นเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลระดับสุดยอดของสำนักเต๋า
ตัวเลือกจะต้องมีจำกัดอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังบรมครูสามพิสุทธิ์หลุดพ้นไป ตามปกติแล้ว ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งสำนักเต๋าย่อมเป็นมหาเทวะกษัตริย์แห่งหยก
นอกจากมหาเทวกษัตริย์แห่งหยก บุคคลอันดับสองแห่งวังเทพที่ได้รับการยอมรับกว้างขวาง ก็คือจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาว หรือก็คือจักรพรรดิจื่อเวย ซึ่งเป็นผู้นำแห่งสี่เทวราช
เทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดตามปกติแล้วไม่ได้พำนักบนวังเทพ ร่องรอยยากหยั่งคาด แต่ว่ายอดฝีมือวังเทพที่รวมจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ส่วนใหญ่ยอมรับว่า พลังของเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดไม่ได้ด้อยกว่าจักรพรรดิจื่อเวยซึ่งเป็นผู้ปกครองหมู่ดาว
ปฐมเทวะนพวิญญาณเป็นบุคคลร้ายกาจไม่กี่คนในมหาเทวะของเผ่าปีศาจมานานแล้ว แต่ตอนนั้นก็ถูกเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดปราบลง
เพียงแต่ว่าปกติแล้วเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดไม่สนใจเรื่องราวในวังเทพ ทั้งลงมือไม่กี่ครั้ง จึงนับว่าลึกลับ
นอกจากผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์และวังเทพแล้ว บุคคลระดับสุดยอดที่เหลือของสำนักเต๋ายังมีเจิ้นหยวนจื่อ รวมถึงเจ้าแม่ซีหวังผู้มีอายุเท่ากับโลก
เจิ้นหยวนจื่อไม่ต้องกล่าวถึงมากความ มีอายุเทียบเท่าโลก เพียงนับถือมหามรรคา
ส่วนเจ้าแม่ซีหวังที่แล้วมาอาศัยอยู่บนเขาซีคุนในตำนาน ห่างเหินกับเขาตุงคนที่เหล่าผู้สืบทอดหยกพิสุทธิ์อยู่ ทั้งถูกเรียกเป็นเจ้าแม่ทองบึงหยก มีฉายาว่าผู้นำเซียนสตรีแห่งใต้หล้า
และมีคนเรียกนางว่าเจ้าแม่หวังหมู่ แต่ว่านางกับมหาเทวกษัตริย์แห่งหยกไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆ และไม่ใช่คนในวังเทพ
หากต้องกล่าวจริงๆ ครั้งยุคบุพกาลอันแสนยาวไกลในอดีต มีเรื่องเล่าว่านางกับสามกษัตริย์โบราณมักไปมาหาสู่กันบ่อยๆ
หลังยุคบุพกาล เจ้าแม่ซีหวังเหมือนกับเจิ้นหยวนจื่อ ในเวลาส่วนใหญ่แล้วมีนิสัยไม่เหมือนใคร แตกต่างกับผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์และวังเทพ
แต่เทียบกันแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับผู้ยิ่งใหญ่สำนักเต๋าคนอื่นๆ บนวังเทพ แนบแน่นยิ่งกว่าเจิ้นหยวนจื่อ
ดังนั้นตามปกติแล้ว จักรพรรดิจื่อเวย เทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอด เจิ้นหยวนจื่อ และเจ้าแม่ซีหวังถูกคิดว่าเป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดของสำนักเต๋ารองจากมหาเทวกษัตริย์แห่งหยก เมื่อพูดถึงขีดความสามารถส่วนตัว นอกจากจักรพรรดิจื่อเวยแล้ว แต่ละคนล้วนเป็นตัวตนที่ถือกำเนิดก่อนฟากฟ้า เก่าแก่หาใดเปรียบ
ถ้าหากว่าต้องจัดลำดับยอดฝีมือชั้นมหาชาลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เช่นนั้นมหาเทวกษัตริย์แห่งหยกสามารถช่วงชิงตำแหน่งอันดับแรกในระดับมรรคาได้ ส่วนยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักเต๋าสี่คนนี้ต่างมีโอกาสเป็นบุคคลในสิบอันดับแรก
ต่อให้บรมครูสามพิสุทธิ์จะหลุดพ้น ก็ยังสามารถเห็นถึงความรุ่งโรจน์ของสำนักเต๋าในวันวานได้จากเรื่องนี้
นอกจากนี้แล้ว นักพรตหรานติงคือร่างแปลงของพระพุทธกัลป์อดีต นักพรตลู่ยาก้าวข้ามไปข้ามมาระหว่างเต๋า พุทธ ปีศาจ ยังยึดถือพวกเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่สำนักเต๋าโดยใช้ความเคยชินไม่ใช่ความบริสุทธิ์
ทางเทวกษัตริย์วิเศษคณานับที่ได้ฝึกฝนคัมภีร์โกลาหลสูญในยุคโบราณตอนกลางเพียงปรากฏตัวขึ้นไม่กี่ครั้ง ทุกคนล้วนไม่ทราบการเปลี่ยนแปลงด้านพลังของเขา ยิ่งไปกว่านั้นปัจจุบันยังทราบว่าเขาได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของยุคโบราณตอนกลางแล้ว
นอกจากเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงก็คือ ยังมีพระอาจารย์เสวียนตูผู้สืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ กับหยางเจี่ยนผู้สืบทอดที่โดดเด่นที่สุดของสายหยกพิสุทธิ์
แต่คนแรกลงมือไม่กี่ครั้ง ลี้ลับเกินไปจนยากหยั่งถึง
คนหลังมีผลการรบเจิดจ้า ขีดความสามาถรเหี้ยมหาญ เป็นผู้เกิดหลังจากฟ้าที่เหนือกว่าผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเกิดขึ้นก่อนฟากฟ้าจำนวนมากเหมือนกับจักรพรรดิจื่อเวย แต่เคยปรากฏตัวขึ้นในวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ช่วงแรก
ครั้งนั้น วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เริ่มแล้ว วังเทพพังทลายไปมากกว่าครึ่ง หยางเจี่ยนจึงค่อยสอดมือร่วมสงคราม แม้นปัจจุบันจะไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน แต่ร่องรอยในตอนนั้นกระจ่างชัด
ตอนที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอได้กระบี่ลวงเซียนมา แล้วกลับจักรวาลฟ้าฟื้นเป็นผลสำเร็จ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเขาก็กำลังอยู่ในมิติเวลาของจักรวาลอีกฟากหนึ่ง
‘ยิ่งสู้ยิ่งดุเดือดจริงๆ เพียงแต่นอกจากทีปังกรพุทธะแล้ว ไม่ทราบว่าแดนสุขาวดีตะวันตกจะมีผู้ใดมาหักหาญกับปฐมเทวะนพกำเนิดหรือไม่’ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมองไปยังที่ไกล
ณ ที่แห่งนั้นเห็นลำแสงที่สับสนเกาะเกี่ยว ทำลาายมิติเวลา บดขยี้ดวงดาว เป็นสงครามที่ดุเดือดครั้งหนึ่ง
สภาพแวดล้อมที่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอยู่ในตอนนี้ กลับเป็นโลกที่เป็นสีเขียวจางๆ ใบหนึ่ง ตัดขาดออกจากมิติไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน
แต่ว่าภายนอกกลับยากจะค้นพบว่า ที่นี่มีเอกภพอีกแห่งหนึ่ง
ในโลกสีเขียวจางๆ หนาแน่นด้วยปราณกระบี่ กลับเหมือนมีปรากฏการณ์นับพันนับหมื่นอย่าง
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมองที่ไกลสักพัก ลดเสียงถามว่า “เจ้าแม่อู๋ตัง เกี่ยวกับเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดยังอยู่บนโลกใบนี้หรือไม่ ตอนนี้ยังคงไม่อาจยืนยันหรือ”
ฟ้าดินที่เกิดจากปราณกระบี่ใบนี้ถึงกับเป็นความสามารถที่เจ้าแม่อู๋ตังแสดงออกมา
ขณะนี้ เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก จังหวะเสียงแปลกพิกล แต่ว่าสามารถทำให้เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจความหมายที่อยู่ด้านใน
“ความวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ตอนนั้นประตูหยกบานหนึ่งโผล่ขึ้นบนวังเทพ สะกดสวรรค์ไว้ พวกเราได้รับผลกระทบ ตอนกำลังจะต่อต้าน พลังการสะกดกลับอ่อนแอลงอย่างฉับพลัน”
“ความวุ่นวายในวันวาน เริ่มจากวังเทพอย่างไม่ต้องสงสัย ข้าไม่ได้ประสบด้วยตัวเองในทันที สภาพของวังเทพในตอนนั้นล้วนเป็นสหายร่วมเส้นทางหนานจี๋กับโกวเฉินบอกเล่าหลังเกิดเรื่องราว”
เจ้าแม่อู๋ตังว่า “ตามคำพูดของพวกเขา ประตูหยกพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง ในประตูหยกเห็นเงาคนวับแวม ยากจะแยกแยะความเป็นมา ถึงขั้นที่จำนวนคนยากจะยืนยัน”
“ทุกเรื่องราวเกิดขึ้นในชั่วอึดใจ หลังประตูหยกสั่นไหว พวกหนานจี๋ โกวฉิน และโฮ่วถู่คิดเข้าไปหาหาสาเหตุในประตูหยก แต่ตอนนั้นเอง จู่ๆ พระศรีอริยเมตไตรยก็มาอย่างกะทันหัน ฝ่ามือหนึ่งครอบคลุมวังเทพ”
เยี่ยนจ้าวเกอฟังเงียบๆ ในห้วงสมองปรากฏฝ่ามือในความทรงจำของที่น่ากลัวล้ำเลิศร่วงหล่นจากฟ้า
ในความทรงจำตอนเขาเป็นวิญญาณของหอเก็บหนังสือ ไม่มีการดำรงอยู่ของประตูหยกบานนั้น คิดว่าเป็นเพราะตอนนั้นได้รับการสะกด ความคิดจึงติดขัด
วิญญาณตำหนักโอสถกลับเป็นเพราะว่าอยู่ใกล้ๆ จึงสัมผัสได้ถึงเลศนัยในตอนแรกสุดของเรื่องราวก่อนประตูหยกจะปรากฏ
ภายหลังเป็นเพราะว่าอยู่ใกล้กับประตูหยก ตำหนักโอสถจึงรอดพ้นภัยพิบัติในตอนพระศรีอาริย์ลงมือ
วังเทพพินาศเพราะความวุ่นวายภายในจริงๆ
หวนนึกถึงประตูหยกที่ถูกบัวขาวต้านไว้ตอนตนอาละวาดบนโถงเซียน สังเกตเห็นได้ว่า เทวกษัตริย์ไร้ประมาณถือกำเนิดขึ้นก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
บางทีเพื่อขัดขวางการถือกำเนิดของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ พระศรีอาริย์จึงโจมตีวังเทพ
น่าเสียดายแม้นว่าจะได้รับการรบกวนติดต่อกัน แต่เทวกษัตริย์ไร้ประมาณก็ยังจุติมายังโลกใบนี้สำเร็จ ภายหลังทำสงครามใหญ่กับพระศรีอาริย์ ฟ้าพังทลายผืนดินแตกร้าว ผลกระทบจากการศึกขยายใหญ่ไม่หยุด จนกระทั่งไม่อาจควบคุม ม้วนพัดไปทั่วมหาจักรวาล
คนยิ่งมายิ่งมากบ้างเคลื่อนไหวเองบ้างถูกกดดันเข้าสู่ไฟสงคราม บาดเจ็บล้มตายมากมาย
ผลลัพธ์สุดท้ายเป็นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ครั้งนั้นแทบเปลี่ยนแปลงฟ้าดินใหม่