ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1540 สี่สิบเก้าปีให้หลัง
บนที่ราบอันกว้างใหญ่ เขาสูงลูกหนึ่งตั้งตระหง่าน
ยอดเขาเปล่งประกายระยิบระยับทั้งกลางวันกลางคืน ทำให้ฟ้าดินรอบๆ ล้วนสว่างเหมือนกับกลางวันอยู่ตลอดเวลา
บนท้องฟ้าไกลออกไปพลันมีเงาคนวูบไหว มาถึงที่ใกล้ ลักษณะภายนอกที่ปรากฏ กลับเป็นสตรีอาภรณ์ขาวคนหนึ่ง ในสองตาที่อ่อนโยนปราดเปรียวแฝงความฉลาดเจ้าเล่ห์ ใบหน้างดงามเลิศล้ำ เหมือนรวมความงามทั้งหมดบนโลกไว้
สตรีชุดขาวเข้าใกล้ยอดเขาที่ประกายแสงสาดส่อง บนยอดเขามีเสียงดังมา “ศิษย์น้องเมิ่ง”
เส้นทางเรืองแสงสายหนึ่งยื่นออกมาจากยอดเขา เหมือนกับผนึกตัวเป็นสสาร
สตรีอาภรณ์ขาวก้าวขึ้นเส้นทางเรืองแสงนั้น จากนั้นประกายแสงก็ชักกลับ พานางไปถึงยอดเขา
หลังจากผ่านการผนึกป้องกันของค่ายกลป้องกันภูเขา ประกายแสงตรงหน้าสลายไป สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าสตรี คือกลุ่มสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่งดงาม
ระหว่างสิ่งก่อสร้างมีเงาคนเดินอยู่ เป็นสภาวะยิ่งใหญ่ แต่ว่าไม่สูญเสียความมั่นคง ผู้คนพอเห็นสตรีอาภรณ์ขาวก็พากันคำนับทักทาย เป็นระเบียบเรียบร้อย
นางรู้จักที่นี่ ยิ้มให้พลางพยักหน้า
มีคนมารอต้อนรับด้วยความนอบน้อม นำนางเข้าไปในตำหนักใหญ่ตรงกลางยอดเขา
ในตำหนักใหญ่ บุรุษอาภรณ์ขาวคนหนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อีกเดี๋ยวจะออกเดินทางแล้ว จึงไม่ได้เตรียมของขวัญใหญ่ต้อนรับเจ้า”
สตรียิ้มเช่นกัน “สมเหตุสมผลแล้ว ศิษย์พี่ถังไฉนต้องเกรงใจกับข้า”
‘ศิษย์พี่ถัง’ ที่นางว่าเป็นบุรุษองอาจที่ใบหน้าหล่อเหลา สง่าผ่าเผย ไม่มีจุดให้ตำหนิ เพียงแต่บุคลิกของเขาทำให้ผู้คนยากทำความเข้าใจอยู่บ้าง มองไปเหมือนภูผาเงียบสงัด ยิ่งใหญ่ราวกับเขาสูงแผนดินใหญ่ ทั้งคล้ายคมกล้าคุกคามคนเหมือนกับกระบี่ออกจากฝัก
บุรุษวัยกลางคนที่คล้ายกับขุนเขา มองจากรูปลักษณ์ภายนอก ไม่อาจตัดสินอายุ เหมือนคนอายุสี่สิบกว่า หนักแน่นสัตย์ซื่อ และเหมือนมีอายุยี่สิบต้นๆ องอาจเปิดเผย น่าเกรงขามกระฉับกระเฉง
แต่ว่าถ้ามีจอมยุทธ์ที่เคยอยู่บนโลกแปดพิภพเห็นรูปร่างหน้าตาของบุรุษผู้นี้ จะต้องจำได้อย่างแน่นอน
ถังหย่งฮ่าว
อัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในหมู่คนรุ่นหนุ่มสาวของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์บนโลกแปดพิภพ ภายหลังมาถึงโลกซ้อนโลก เป็นเพราะได้รับกระดูกหงส์อมตะมา สุดท้ายประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยบนโลกซ้อนโลกรับเข้าสำนัก กลายเป็นศิษย์ในสำนักของเขา
กาลเวลายาวนานเคลื่อนคล้อย ปัจจุบันผ่านไปหลายสิบปีแล้ว
สตรีอาภรณ์ขาวที่อยู่ตรงหน้าเขา ย่อมเป็นเมิ่งหวานที่เคยเป็นศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์บนโลกแปดพิภพเหมือนกัน
เมิ่งหวานเป็นบุตรีคนรองของจักรพรรดิแพรงามฟู่อวิ๋นฉือแห่งโลกซ้อนโลก พลัดพรากกันตั้งแต่เป็นทารก ภายหลังได้ทำความรู้จักกันบนโลกซ้อนโลก
แต่ถึงแม้บิดาและบุตรีได้พบกันแล้ว นางก็ไม่ได้เปลี่ยนเป็นแซ่ฟู่ ยังคงใช้ชื่อว่าเมิ่งหวาน ฟู่อวิ๋นฉือก็ไม่ได้ว่าอะไร ยังคงรักใคร่เอ็นดู วันนี้ผู้คนล้วนทราบถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาพ่อลูก
ถังหย่งฮ่าวจึงยังเรียกนางว่า ‘ศิษย์น้องเมิ่ง’
“ถ้าหากเจ้าไม่ต้องพักผ่อน พวกเราก็ไปยังเขาโถงทองกันเลยเถอะ” ถังหย่งฮ่าวว่า
“ย่อมออกเดินทางทันที” เมิ่งหวานตอบ “ถ้าไม่ใช่รอผู้น้องร่วมทาง ศิษย์พี่ถังท่านจะต้องไปเขาโถงทองแต่แรกแล้ว อาจารย์ท่านผลักเปิดประตูเซียน เป็นเรื่องน่ายินดีขนาดไหน”
ถังหย่งฮ่าวพยักหน้า “ถูกต้อง”
ในอดีตเยี่ยนจ้าวเกอบิดเปลี่ยนเอกภพ ย้ายโลกซ้อนโลกมากกว่าครึ่งเข้าไปในตำหนักโอสถ ออกจากจักรวาลสำนักเต๋า
ตอนนั้นเขตสุราลัยบูรพา เขตตะวันอาคเนย์ เขตสารทอิสาน เขตเพลิงทักษิณ เขตฟ้าแดงหรดี แม้แต่ส่วนหนึ่งของเขตมหานภากลาง ล้วนหลุดจากโลกซ้อนโลก
ผ่านไปยี่สิบปี มรกตท่องฟ้าเข้าไปในตำหนักโอสถ เยี่ยนจ้าวเกอเลื่อนเป็นเซียน แสดงวีรกรรมบุกเบิกโลก เปลี่ยนตำหนักโอสถเป็นจักรวาลฟ้าฟื้น ทั้งเปลี่ยนอาณาเขตที่หลุดจากโลกซ้อนโลกในครั้งนั้นเป็นฟ้าเหนือฟ้า
นับตั้งแต่นั้นก็เป็นการประกาศจุดจบของยุคเก่า และการเริ่มต้นของยุคใหม่สำหรับผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์สายหลัก
ฟ้าเหนือฟ้าแห่งใหม่ถูกแบ่งออกเป็นห้าแดนทิพย์
ส่วนหนึ่งของเขตมหานภากลางและเขตสุราลัยบูรพาบนโลกซ้อนโลกในตอนแรกกลายเป็นแดนศูนย์กลางที่อยู่ตรงกลางห้าเขต เทือกเขากว่างเฉิงอันเป็นใจกลางฟ้าเหนือฟ้าตั้งอยู่ที่นี่ ตั้งแต่ใต้จรดเหนือแทบพาดขวางแดนศูนย์กลางทั้งหมด
เขตตะวันอาคเนย์บนโลกซ้อนโลกในตอนแรกกลายเป็นแคว้นบูรพาแห่งฟ้าเหนือฟ้า
เขตสารทอิสานกลายเป็นแคว้นเหนือ เขตเพลิงทักษิณกลายเป็นแคว้นใต้ เขตฟ้าแดงหรดีกลายเป็นแคว้นประจิม
ต่อจากนั้น อาณาเขตของฟ้าเหนือฟ้าก็มั่นคง พัฒนามาจวบจนวันนี้
โลกเบื้องล่างนับร้อยนับพันอย่างโลกแปดพิภพ โลกผืนสมุทร โลกยมทะยานยังคงแยกกันเชื่อมต่อกับบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ในแต่ละสถานที่บนห้าเขตของโลกซ้อนโลก
ด้านนอกจักรวาลฟ้าฟื้น โถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาวต่อสู้กันไม่ขาด เผ่าปีศาจกับแดนสุขาวดีตะวันตกตัดสินสูงต่ำ ยังมีนพยมโลกออกเคลื่อนไหวเพื่อการคืนชีพของจอมมาร
แต่ว่าในจักรวาลฟ้าฟื้นสงบสุข มั่นคงเป็นระเบียบเรียบร้อย
ในตอนที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอนำกระบี่ลวงเซียนกลับมา ก็ไม่ได้ออกไปไหนอีก จักรวาลฟ้าฟื้นยิ่งสงบสันติกว่าเดิม
กาลเวลาอันยาวนานเคลื่อนคล้อย จวบจนวันนี้ก็ผ่านไปสี่สิบเก้าปีแล้ว
ยอดเขาที่ถังหย่งฮ่าวกับเมิ่งหวานอยู่ในตอนนี้ อยู่ด้านในแคว้นบูรพาของฟ้าเหนือฟ้า
สถานที่แห่งนี้ชื่อว่า ยอดเขาเรืองรอง
ที่นี่คือสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นใหม่
หากต้องบอกว่ามีความเกี่ยวพันใดกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ในครั้งกระโน้น นอกจากจำนวนคนที่มีจำกัดกับการสืบทอดวรยุทธ์ที่คล้ายๆ กันแล้ว เกรงว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันเท่าใดนัก
สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์บนโลกแปดพิภพล่มสลายมานานแล้ว พวกเดนตายที่เคยต่อสู้กับเขากว่างเฉิงถึงที่สุด โดยพื้นฐานบาดเจ็บล้มตายหมดสิ้น คนที่เหลือส่วนใหญ่เข้ากับสำนักอื่นๆ บนโลกแปดพิภพ หรือว่าถือโอกาสซ่อนชื่อแซ่
เมื่อถังหย่งฮ่าวเปิดสำนักใหม่อีกครั้ง สหายร่วมสำนักในอดีตก็เหลือไม่กี่คนแล้ว
อย่างเช่นเฉินหมิงอิง อาจารย์ผู้ประสาทวิชาของเมิ่งหวานในสำนักสุริยันศักดิสิทธิ์ก็อยู่ที่หอคลื่นโหม ไม่เคยกลับมา แต่ว่าสถานการณ์อย่างนางมีอยู่ไม่น้อย
เขากว่างเฉิงคู่ต่อสู้ในอดีตกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ไกลเกินคว้า ย่อมทำให้จิตใจที่ต้องการฟื้นฟูสำนักของคนจำนวนมากเจือจางลง
ถังหย่งฮ่าวไม่ได้รับผลกระทบ สร้างสำนักสุริยันศักดิสิทธิ์โดยแทบเริ่มใหม่จากศูนย์ เริ่มไถดินถอนหญ้าตั้งแต่โลกแปดพิภพ จนต่อมาแยกตัวจากโลกซ้อนโลก ฟ้าเหนือฟ้าถูกบุกเบิก เขาก็นำสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มาเปิดเขาตั้งเท้าบนฟ้าเหนือฟ้า
เวลามาถึงวันนี้ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้กลายเป็นขุมกำลังใหม่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังบนแคว้นบูรพาของฟ้าเหนือฟ้าแล้ว
แน่นอนว่าในนี้มีเงาหลังของเขาโถงทองอยู่ด้วย
ถังหย่งฮ่าวสำนึกบุญคุณของเฉาเจี๋ยอาจารย์คนปัจจุบันและเขาโถงทอง ในใจยึดถือตนเองเป็นผู้สืบทอดเขาโถงทอง
ขณะที่สำนักสุริยันศักดิสิทธิ์ในตอนนี้ตั้งหลักอยู่บนฟ้าเหนือฟ้า ถังหย่งฮ่าวก็ได้ชุบเลี้ยงผู้คุมหางเสือคนใหม่ขึ้นมา เพื่อที่เขาจะได้วางมืออย่างสบายใจ
การเชื่อมต่อระหว่างสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับเขาโถงทองย่อมไม่อาจแยกจากกันได้ง่ายดาย ในสายตาของคนจำนวนมาก สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เป็นสาขาของเขาโถงทอง หรือสถานบำเพ็ญนิวาสสถานส่วนตัวของถังหย่งฮ่าว แต่ว่าถ้าถังหย่งฮ่าวกลับเขาโถงทองไปเข้าฌานฝึกฝนไม่ออกมา สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถดำเนินงานและพัฒนาได้เอง
ถังหย่งฮ่าวย่อมซาบซึ้งต่อการดูแลของเฉาเจี๋ยผู้เป็นอาจารย์
เขาได้ยินเมิ่งหวานอวยพรให้ก็ทอดถอนใจ “ศิษย์น้องเมิ่งเกรงใจแล้ว อาจารย์ก้าวเท้าก้าวนี้สำเร็จ ข้าย่อมยินดียิ่ง”
“อย่าว่าแต่แคว้นบูรพา แม้แต่ทั้งฟ้าเหนือฟ้า นี่ก็เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ไม่กี่เรื่องในหลายปีมานี้” เมิ่งหวานกล่าวด้วยรอยยิ้ม