ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1550 โต้กลับ
เกาเสวี่ยพอร่วมทางกับเยี่ยนจ้าวเกอและสวีเฟยมาถึงเขากว่างเฉิง
เวลานี้พอได้ยินคำพูดของสวีเฟยที่ด้านข้าง ก็พยักหน้ากับตัวเอง
สายเขากว่างเฉิงในปัจจุบันโดดเด่นมากบนฟ้าเหนือฟ้า
อารามคลื่นยะเยือกยอดเขาเมฆมรกตมีสถานการณ์พิเศษไม่ต้องนับ ที่เหลืออยู่นอกจากเขานครหยกที่เป็นสำนักของกษัตริย์กระบี่ ขุมกำลังอื่นๆ อย่าว่าแต่เทียบกับเขากว่างเฉิง แม้แต่จะมองให้เห็นเงาหลังยังยากเย็น
บนฟ้าเหนือฟ้า เขากว่างเฉิงไม่นับว่าเป็นใหญ่เพียงผู้เดียว แต่ก็ต่างกันไม่มาก
ในสถานการณ์เช่นนี้ ส่วนในของฟ้าเหนือฟ้ายากจะมอบแรงกดดันต่อเขากว่างเฉิง
โลกที่ติดต่อกับฟ้าเหนือฟ้า มิได้แสดงความรังเกียจต่อศิษย์กว่างเฉิงที่มีระดับค่อนข้างต่ำ
ดังนั้นสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขในการเติบโตของศิษย์อายุเยาว์ของเขากว่างเฉิงในปัจจุบันจึงสมบูรณ์พร้อม ทว่าก็ออกจะสบายเกินไป
ดังนั้นการเน้นหนักที่ความสำคัญของการทำศึกจริง จึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นมาก
การประลองในสำนักย่อมต้องให้ความสำคัญ การบัญญัติกฎใหม่จำเป็นต้องให้วิหารปฏิบัติกิจ วิหารถ่ายทอดวิชา และวิหายอาญาตกลงหารือร่วมกัน
ทว่าเกี่ยวกับช่วงเริ่มต้นของการเตรียมการ ตามปกติจะเป็นวิหารปฏิบัติกิจออกกฎก่อน
เกาเสวี่ยพอมองหลานเหวินเหยียนด้วยความสนอกสนใจ คนผู้นี้นับว่าเป็นบุคคลในตำนานคนหนึ่งทั้งนอกในเขากว่างเฉิง
พูดถึงสถานะและพรสวรรค์ หากไปอยู่ด้านนอกเขากว่างเฉิง หลานเหวินเหยียนเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะผู้โดดเด่น แต่ว่าในเขากว่างเฉิงกลับมิได้มีความพิเศษนัก
หากแต่เขาขยันหมั่นเพียร ไม่เคยย่อหย่อน เดินทีละก้าวๆ จากศิษย์ทั่วไปที่ใส่อาภรณ์ขาว มาถึงสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงิน กลายเป็นศิษย์หัวกะทิ สุดท้ายขลิบขอบดำบนเสื้อคลุมน้ำเงิน กลายเป็นผู้สืบทอดแกนหลักของกว่างเฉิง
หลายสิบปีมานี้ เขารับตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสควบคุมเรื่องราวบนโลกแปดพิภพของเขากว่างเฉิง เป็นผู้อาวุโสระดับหนึ่งบนเกาะนภาเหนือบนนภาพิภพของโลกแปดพิภพ เป็นผู้อาวุโสระดับหนึ่งบนโลกผืนสมุทรของเขากว่างเฉิง เป็นผู้อาวุโสเฝ้าโถงบรรพบุรุษบนโลกแปดพิภพของเขากว่างเฉิง จากนั้นก็มาเป็นผู้อาวุโสระดับหนึ่งที่รับหน้าที่ควบคุมเขตเขตหนึ่งบนฟ้าเหนือฟ้าของเขากว่างเฉิง
สุดท้ายก่อนหน้านี้หลายปี ก็รับหน้าที่ผู้นำภาคในวิหารปฏิบัติกิจแห่งกว่างเฉิง
สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงก็คือ เทียบกับซือคงจิงผู้นำภาคของวิหารถ่ายทอดวิชาและเซี่ยกวงผู้นำภาคของวิหารอาญาแล้ว ระดับขอบเขตของหลานเหวินเหยียนยังต่ำกว่าพวกเขาไม่น้อย
ในสำนักก็มิใช่ว่าไม่มีผู้เข้มแข็งรุ่นราวคราวเดียวกันที่มีระดับสูงกว่า แต่ว่าสุดท้ายแล้วกลับเป็นหลานเหวินเหยียนกลายเป็นผู้นำภาควิหารปฏิบัติกิจซึ่งเป็นหนึ่งในสามตำหนักที่สำคัญที่สุดในเขากว่างเฉิง เรียกได้ว่าเป็นการตอบโต้ไม่มากก็น้อย
ทว่าด้านในเขากว่างเฉิงมิได้โต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ คนส่วนหนึ่งนึกประหลาดใจ แต่เมื่อคิดดูอย่างละเอียด กลับรู้สึกว่าสมเหตุสมผล
ถึงอย่างไรภารกิจแต่ละอย่างที่ต้องจัดการของวิหารปฏิบัติกิจก็มีทั้งเล็กทั้งใหญ่ บ้างต้องพิจารณาอย่างละเอียด บ้างคอยสังเกตเรื่องราวห่างๆ ส่วนใหญ่จะหนักไปทางงานบริหารของคนธรรมดา มิได้มีเงื่อนไขต่อความแข็งแกร่งด้านพลังวรยุทธ์มากเกินไป
การเห็นพ้องและการสนับสนุนของยอดฝีมือระดับสูงคนอื่นๆ ในสำนักมากพอจะพิสูจน์ถึงอำนาจของเขา สิ่งที่พิจารณาส่วนใหญ่อยู่ที่ความสามารถในการจัดการเรื่องราว
ขณะมองหลานเหวินเหยียนที่หนักแน่นตรงหน้า เยี่ยนจ้าวเกออดถึงถึงอดีตไม่ได้
หลานเหวินเหยียนในตอนนนั้นยังเป็นแค่คนหนุ่มที่เพิ่งเข้าร่วมสำนักไม่นาน เป็นศิษย์ธรรมดาที่สวมใส่อาภรณ์ขาว เพื่อเขาเยี่ยนจ้าวเกอ ได้ถกเถียงกับเยี่ยจิ่ง สุดท้ายถูกเยี่ยจิ่งทำร้ายสาหัส
ถึงแม้หลานเหวินเหยียนในตอนที่ยังอายุน้อยจะยึดคุณธรรมกล้ากล่าววาจา แต่ก็มีความพลุ่งพล่านของคนหนุ่มที่สอดคล้องกับอายุอยู่
กลับเป็นภายหลังพร้อมกับที่อายุเพิ่มมากขึ้น นิสัยของเขาก็ยิ่งมายิ่งหนักแน่น การจัดการเรื่องราวยิ่งมายิ่งช่ำชอง แต่ว่าการยึดมั่นในคุณธรรมและความตรงไปตรงมาก็ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะแบกรับหน้าที่อะไรในสำนัก ต่างใช้ทั้งไม้แข็งไม้อ่อน แสดงความมั่นคง แต่ก็ไม่ขาดความทะเยอทะยาน
ในเขากว่างเฉิงพรสวรรค์ของเขาไม่นับว่าโดดเด่น ครั้งกระโน้นยังถูกเยี่ยจิ่งเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส แต่ว่าหลังอาการบาดเจ็บฟื้นฟู ก็ขยันขันแข็ง วิริยะอุตสาหะมากขึ้น
ความเร็วในการเพิ่มระดับพลังฝึกปรือไม่นับว่าสุดยอด จะมากจะน้อยก็ส่งผลต่อความเร็วในการเลื่อนตำแหน่งของเขา แต่รอยเท้าแต่ละรอยมั่นคงถึงขีดสุด เพิ่มระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็เข้าสู่สายตาของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ และสวีเฟย ได้รับความชื่นชมและความไว้วางใจค่อนข้างมาก กลายเป็นเทพนิยายการโต้กลับของการไม่กลัวช้าแต่กลัวหยุดเรื่องหนึ่ง
ตอนรับหน้าที่เฝ้าโลกแปดพิภพแทนเฟิงฉือ หลานเหวินเหยียนไม่ได้รับความเชื่อถือมากนัก
แต่ว่าหลังจากนั้น พร้อมกับที่ทุกคนยิ่งมายิ่งคุ้นเคย เขาก็ยิ่งมายิ่งได้รับการยอมรับจากในเขากว่างเฉิง
เวลาล่วงเลยถึงวันนี้ ตั้งแต่เขารับช่วงวิหารปฏิบัติกิจ การจัดการภารกิจที่รับไว้มีระบบระเบียบ เป็นแขนขาที่น่าภาคภูมิใจของสวีเฟยซึ่งเป็นเจ้าสำนัก นอกในเขากว่างเฉิงไม่มีใครไม่นับถือ
พอคิดถึงอดีต เยี่ยนจ้าวเกอก็สะท้อนใจอยู่บ้าง
ถึงหลายปีมานี้เขาจะออกไปเคลื่อนไหวด้านนอกเป็นประจำ ถามไถ่เรื่องราวในสำนักน้อยลง แต่ว่าสัญญาลูกผู้ชายกับหลานเหวินเหยียนก็ยังอยู่มาโดยตลอด
ขอแค่หลานเหวินเหวียนเลื่อนระดับหนึ่ง ต่างมีอาวุธวิเศษในระดับที่สูงกว่ารอเขาอยู่
ตอนแรกเป็นของขวัญชิ้นหนึ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอมอบให้แก่ลูกศิษย์ที่เกือบเสียชีวิตไปเพราะช่วยพูดให้กับตัวเองผู้นี้เท่านั้น
จนต่อมา ส่วนใหญ่กลายเป็นการชมเชยให้กำลังใจ ชมเชยคนที่ประสบเรื่องยากลำบาก แต่ยิ่งตกต่ำยิ่งเหี้ยมหาญ อยู่กับความเป็นจริง
“จริงด้วย ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ศิษย์หลานสือออกฌานแล้ว” ต่อจากเรื่องการประลองใหญ่ของสำนัก หลานเหวียนเหยียนก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เยี่ยนจ้าวเกอหันไปกล่าวกับสวีเฟยด้วยรอยยิ้ม “เขาคงได้ประโยชน์มาไม่น้อย”
“ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะความดีความชอบของเจ้าในตอนนั้น” สวีเฟยมองเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ
สือจวิน ผู้เข้มแข็งระดับสะพานเซียนอีกคนของเขากว่างเฉิง บุคคลอันดับหนึ่งท่ามกลางศิษย์รุ่นที่สี่ในปัจจุบันของเขากว่างเฉิง
ตอนเจอภัยพิบัติมาร เขาเสียตาขวา แขนขวา และขาขวาจนแทบพิการ เส้นทางมรรคายุทธ์เหมือนขาดสะบั้น
แต่ว่าสุดท้ายพวกเยี่ยนจ้าวเกอดึงสถานการณ์กลับมาได้ ใช้ของวิเศษจำนวนมากซ่อมแซมร่างพิการของสือจวิน ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงชนิดผลัดเอ็นเปลี่ยนกระดูก ขึ้นสู่เส้นทางเต๋าอีกครั้ง
ครั้งนี้สือจวินที่เดิมทีมีพรสวรรค์ล้ำเลิศ ถ้าวันนี้สำเร็จ ก็อาจเลื่อนสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด
ผู้ที่เข้มแข็งที่สุดในปัจจุบันท่ามกลางผู้สืบทอดรุ่นที่สี่ของเขากว่างเฉิง เป็นสวีเฟยผู้เป็นเจ้าสำนักสั่งสอนด้วยตัวเอง ทั้งสือจวินก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วใต้หล้ามานานแล้วเช่นกัน
แม้แต่เกาเสวี่ยพอก็จับตาดูอนาคตของคนหนุ่มผู้นี้
อัจฉริยะแต่ละคนมีความแตกต่างกันไป
คนบางคนมีความเร็วในการเพิ่มระดับสูงสุดขีด คนบางคนมีความร้ายกาจในการทำศึกเป็นพิเศษ
คนที่มีความเร็วในการยกระดับเท่ากัน ก็มีการแบ่งเป็นแข็งแกร่งอ่อนแอ เพียงแต่ว่าความแตกต่างมีมากมีน้อยเท่านั้น
สือจวินเป็นประเภทที่เลื่อนระดับเร็วมาก มีการทำศึกจริงโดดเด่น จึงไม่น่าแปลกใจที่ดึงดูดสายตาของผู้คน
ทุกคนสนทนาอีกพักหนึ่ง หลานเหวินเหยียนก็บอกลา พวกเยี่ยนจ้าวเกอขึ้นเขาต่อ
หลังกลับเขา สวีเฟยในฐานะเจ้าสำนักก็มีเรื่องราวต้องจัดการ
เยี่ยนจ้าวเกอเตรียมตัวเริ่มเซ่นกระบี่ครั้งใหม่
พอมาถึงที่พัก เห็นค่ายกล อาหู่เฝ้าอยู่ด้านข้าง “คุณชาย พวกท่านกลับมาแล้ว”
ในค่ายกล กระบี่โบราณเล่มหนึ่งเปล่งแสงสีแดงก่ำ ล่องลอยยากหยั่งคาด ลอยค้างกลางอากาศ
ด้ามกระบี่โบราณติดยันต์กระดาษแผนหนึ่ง เป็นสิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอทำทิ้งไว้ก่อนออกเขา ติดมาสี่สิบเก้าวันแล้ว
บนกระบี่โบราณมีเงาแสงของประตูสี่บานลอยอยู่ แยกกันอยู่สี่ด้าน เหนือประตูบานหนึ่งในนี้เหมือนกับแขวนกระบี่วิเศษไว้
คมกระบี่ส่องแสงสีแดงก่ำระยิบระยับ หันหน้าหากระบี่ลวงเซียนที่อยู่ด้านล่าง
เยี่ยนจ้าวเกอหยิบชิ้นส่วนตราพลิกฟ้าที่เขากว่างเฉิงเก็บไว้มารุ่นสู่รุ่นชิ้นนั้นออกมา จากนั้นก็โยนเข้าไปในค่ายกล
กระบี่ลวงเซียนเบื้องล่างสั่นไหวเบาๆ ชิ้นส่วนตราอาคมชิ้นนั้นสั่นสะเทือนตาม