ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1558 ไม่รับประทานดิบ
ถึงแม้ว่าจะยังเปล่งแสงจางๆ แฝงปราณวิญญาณเต็มเปี่ยม แต่ว่าในแขนครึ่งท่อนนั้นไม่มีคุณสมบัติวิญญาณคงอยู่อีก
อวี้ติ่งจินหยินสิ้นชีวิต ซากสังขารยังอยู่ แสงวิเศษเหมือนทองเหมือนหยก โดยรวมแล้วคล้ายทั้งรูปสลักหยก และคมกระบี่ที่สร้างจากโลหะ
แต่ว่าแขนของเทวกษัตริย์กว่างท่อนนี้มองไปเหมือนศิลาเหมือนทองแดง คล้ายกับหินและคล้ายกับสำริด
สวีเฟยมองแขนที่เยี่ยนจ้าวเกอรองไว้บนมือ กล่าวอย่างแช่มช้า “ครั้งมหาภัยพิบัติ สำนักเต๋าเราพบภัยพิบัติ ไม่ว่าเป็นวังเทพ หรือผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ ดูเหมือนเสียหายอย่างหนัก…เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะประสบการกลุ้มรุมจากขุมกำลังอื่นๆ”
แม้แต่มารร้ายนพยมโลกที่ตอนนี้รอบตัวล้วนเป็นศัตรู เหมือนมุกสิกข้ามถนนผู้คนตะโกนให้ทุบตี ยังมีโอกาสใช้ความวุ่นวายลงมือหาประโยชน์ เป็นที่ทราบได้ว่า ในช่วงเวลาที่มหาภัยพิบัติเกิดขึ้น สำนักเต๋าดึงดูดความเกลียดชังมากกว่าเดิม
เยี่ยนจ้าวเกอกับเกาชิงเสวียนต่างพยักหน้าไม่พูดอะไร
เยี่ยนจ้าวเกอมือหนึ่งรองแขนท่อนนั้น อีกมือหนึ่งประสานมุทรา
เขาชี้นิ้วชี้และนิ้วกลาง ระหว่างนั้นก็ดีดลูกไฟสีน้ำเงินที่แทบโปร่งใสไร้สีออกมาหย่อมหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอขวางนิ้วพลางวาดบนแขนข้างที่ขาดนั้นเหมือนกับละเลงเม็ดสี
แสงไฟหย่อมหนึ่งสว่างขึ้น พุ่งเป็นเส้นตรง หยุดอยู่บนแขนขาด มิได้กระจายออกไป เป็นเส้นไฟตรงดิ่งสายหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอสำรวจสักพัก สีหน้ามืดมนลง
“เกรงว่าบูรพาจารย์กว่างเฉิงจะเสียชีวิตลงแล้ว”
สวีเฟยกับเกาชิงเสวียนต่างมองเขา เยี่ยนจ้าวเกออธิบายว่า “วิชาลับของข้ามีปฏิกิริยาแล้ว นี่บ่งบอกได้สองอย่าง”
“อย่างแรก ส่วนอื่นๆ บนร่างบูรพาจารย์เทวกษัตริย์กว่างเฉิงยังอยู่ในโลกนี้ มิได้ถูกทำลาย แขนท่อนนี้สามารถนำทางพวกเราไปตามหาได้”
“อย่างที่สอง ที่พิธีกรรมสำเร็จด้วยดีบ่งบอกว่า อีกด้านหนึ่งของพิธีกรรม…สูญเสียพลังชีวิตไปแล้วเช่นกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะหนักใจคำหนึ่ง “แน่นอนว่าอาจเป็นส่วนอื่นๆ บนร่างของบูรพาจารย์กว่างเฉิง อย่างเช่นแขนขวาหรือขาข้างหนึ่งของท่านผู้เฒ่าก็ได้”
วาจาแม้กล่าวแบบนี้ แต่สวีเฟยกับเกาชิงเสวียนทราบว่าสถานการณ์ไม่น่าดูชม
กว่างเฉิงจื่อมีระดับการฝึกปรือล้ำเลิศ แม้บาดเจ็บสาหัส ขณะที่ร่างกายเปลี่ยนแปลง ก็ไม่สมควรทิ้งความพิการไว้
หลังถูกคนตัดแขนไปข้าง ในสถานการณ์ปกติสามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้
มีแต่ถูกทำลายรากฐาน ถึงค่อยยากจะฟื้นฟู ถึงขั้นหลงเหลือรอยแผลหรือความพิการเหมือนกับคนที่มีเลือดมีเนื้อ จะรักษาได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์อย่างเป็นรูปธรรมหลังบาดเจ็บ ต่อให้ฟื้นฟูได้ ก็จำเป็นต้องใช้เวลานาน
แต่แขนข้างที่วางอยู่ตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้จัดเป็นความเสียหายที่ส่งผลถึงรากฐาน
งูยักษ์ที่ถูกกว่างเฉิงจื่อสังหาร อย่างไรก็เป็นเทพมารระดับมหาชาลเหมือนกัน เชี่ยวชาญการหลบเร้น ซ่อนแฝงพลัง พอปะทุขึ้นมา ก็มีความรุนแรงดุดันเป็นพิเศษ
“ด้วยระดับพลังฝึกปรือ และภูมิความรู้อันกว้างขวางตอนบูรพาจารย์กว่างเฉิง ต่อให้เป็นเส้นผมเส้นหนึ่ง ก็ให้กำเนิดพลังวิญญาณและลมปราณอันแข็งแกร่งได้ เหนือกว่าการบำเพ็ญตลอดชีวิตของคนจำนวนนับไม่ถ้วน” สวีเฟยถอนใจพลางเอ่ยว่า “ตอนนี้ยังไม่อาจยืนยัน รอหาเจอค่อยว่ากันเถอะ”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะหนักใจต่อ “ถ้าหากว่าในมือข้าเป็นเส้นผมเส้นหนึ่ง พวกเราคงมองโลกในแง่ดีได้บ้าง แต่ทำให้แขนซ้ายข้างนี้เกิดปฏิกิริยาขึ้นได้ อีกด้านคงจะมีขนาดใหญ่กว่าเส้นผมมาก”
“ภัยพิบัติในวันวานได้ทำลายเหล่าผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ของสำนักเต๋าเราไปมากมายเกินไป” สวีเฟยส่ายหน้าติดต่อกัน
“พิษร้ายส่งผลเป็นหมื่นปี” หลังจากที่เยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาแขนข้างที่ยังคงมีเส้นเพลิงลุกไหม้อยู่ข้างนั้นอย่างละเอียดอีกสักพัก ก็ส่งให้สวีเฟยที่อยู่ด้านข้าง
หลังจากมือว่างแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็หันไปพูดกับเกาชิงเสวียนว่า “พวกเราเริ่มเถอะ”
เกาชิงเสวียนยกมือขึ้น เลือดเนื้อขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งปรากฏตรงหน้าทุกคน เหมือนภูเขาลูกย่อมๆ
นี่ขนาดกระบี่ลวงเซียนเสียบอยู่ด้านบน หดขนาดของก้อนเนื้อลงแล้ว ไม่อย่างนั้นเกรงว่าสามารถถมความว่างเปล่าในจักรวาลเบื้องหน้าได้
เป็นเพราะการสะกดจากกระบี่ลวงเซียน เลือดเนื้อนี้จึงค่อยถูกเกาชิงเสวียนำติวตัวมาอย่างเรียบร้อยได้
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เลือดเนื้อยังคงสั่นไหวเบาๆ เหมือนกับไม่สูญเสียชีวิตไป
ถ้าหากไม่มีการสะกดจากกระบี่ลวงเซียน เกรงว่าเลือดเนื้อก้อนนี้จะสามารถเปลี่ยนกลายเป็นร่างแยกร่างหนึ่งของช้างเผือกหกงาตัวนั้นได้ในระยะเวลาอันสั้น
นี่เป็นเนื้อผิวส่วนหนึ่งของเซียนงาวิญญาณที่หลุดออกมาตอนถูกกระบองสารพัดนึกกวาดใส่ในสงครามเมื่อครู่
พ่านพ่านลืมตาสีดำคู่หนึ่ง ยื่นหัวเข้ามาขยับจมูก กะพริบตา “…ให้ข้าหรือ?”
“อยากรับประทานไปเสียหมด เจ้านี่้จริงๆ เลย” เยี่ยนจ้าวเกออดกลอกตาขาวไม่ได้ “หยุดคิดไปได้เลย เนื้อก้อนนี้ข้ายังต้องใช้ หากเจ้าคิดถึงช้างจริงๆ งาช้างจึงเลิศรสอย่างแท้จริง”
“หากถลกหนังเจ้าตัวใหญ่เมื่อครู่ทำเป็นกับข้าว ส่วนที่อร่อยที่สุดเป็นงวงของเขา”
พ่านพ่านพอฟัง พลันยกขาหน้าสองข้างขึ้นมาตบใส่กันตรงหน้าอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับคนกำลังปรบมือ “งวงช้างๆๆๆ…”
สวียเฟยมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างขบขันอยู่บ้าง “ถึงข้าจะรู้ว่าปี่ภูเขากินไม่เลือก ได้ทั้งเนื้อทั้งผัก แต่ข้าไฉนรู้สึกว่า พออยู่ด้วยเจ้ามานาน มันเอนเอียงไปทางชอบทานเนื้อมากกว่า?”
“มิใช่เช่นนั้น ไม้ไผ่ใบไผ่ยังคงเป็นสิ่งที่มันชอบที่สุด เพียงแต่ตอนนี้ไม่อาจหาป่าไผ่ที่แฝงปราณวิญญาณเต็มเปี่ยมเจอเท่านั้น” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “พร้อมกับที่พลังฝึกปรือของมันค่อยๆ สูงขึ้น มันก็ยิ่งมายิ่งไม่ชอบไม้ไผ่ทั่วไปอีกต่อไป ดังนั้นจึงดูดเหมือนชมชอบรับประทานเนื้อ”
พูดถึงตรงนี้ เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้อยู่บ้าง “อวิ๋นเซิงเลี้ยงมันจนกินดีอยู่ดี ต้องกินเนื้อกับผักสุกๆ เท่านั้นแล้ว”
สวีเฟยพลันหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
ทางหนึ่งพูดคุย ทางหนึ่งเดินทาง ขณะเดียวกันเยี่ยนจ้าวเกอก็มิได้หยุดมือ มีการเคลื่อนไหวอย่างอื่น
เขาฝังเศษตราพลิกฟ้าชิ้นนั้นเข้าไปในเลือดเนื้อตรงหน้า
เกาชิงเสวียนใช้คัมภีร์กระบี่ผนึกเซียนขับเคลื่อนกระบี่ลวงเซียน ทำลายพลังชีวิตในเลือดเนื้อตรงหน้าทั้งหมด
ในกระบวนการนี้ เยี่ยนจ้าวเกอตบใส่เลือดเนื้อครั้งแล้วครั้งเล่า
ทุกๆ ฝ่ามือล้วนเป็นรอยตราพลิกฟ้าอันเป็นการสืบทอดสายหยกพิสุทธิ์ พลังทะลักเข้าไปในเลือดเนื้ออย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ภายใต้การร่วมมือกันของเยี่ยนจ้าวเกอกับเกาชิงเสวียน เลือดเนื้อก้อนนั้นค่อยๆ หดเล็ดลง ไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่ลวงเซียนสะกดต่ออีก
รอจนงานทุกอย่างเรียบร้อย เยี่ยนจ้าวเกอก็กระตุ้นเปลวเพลิงบนแขนขาดข้างนั้น แสงเพลิงเหมือนมีชีวิตขึ้นมา ไหลจากแขนขาดไปยังเลือดเนื้อก้อนนั้น
หลังจากแสงไฟบนแขนขาดดับลง เยี่ยนจ้าวเกอก็ส่งให้เกาชิงเสวียน “ทำอย่างที่ข้าทำเมื่อครู่ก็พอ”
“พวกเจ้าระวังตัวมากๆ ข้าจะรีบกลับ” เกาชิงเสวียนพยักหน้า ถือกระบี่ลวงเซียน วาดปลายกระบี่ใส่อากาศ ประกายกระบี่ผนึกกันเป็นหีบกระบี่สีแดงก่ำอันหนึ่ง จากนั้นก็ใส่แขนเข้าไปด้านใน
จากนั้นก็แทงกระบี่ลวงเซียนเข้าไปในแขน ก่อนที่หีบยาวสีแดงก่ำจะปิดลง
นางกระตุ้นประกายกระบี่ ออกห่างไปจนหายไปในชั่วพริบตา
เยี่ยนจ้าวเกอกับสวีเฟยนำพ่านพ่านกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกบินไปในความว่างเปล่าต่อ
ไม่ทราบว่าเคลื่อนไหวกลางความว่างเปล่านานเท่าไหร่ ตรงหน้าปรากฏเมฆดารากว้างใหญ่ ส่องแสงสว่างไสว
แสงดาวไหลเวียนประกอบเป็นหมอกแสงที่คล้ายท้องทะเล ครอบคลุมอาณาเขตอันไพศาล
“ดี ถึงแล้ว” พวกเยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปด้านในพร้อมกัน
“ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเจ้าฟื้นฟูสภาพถึงไหน” ขณะมองหมอกแสงเบื้องหน้า สวีเฟยก็ถามขึ้น “ตอนร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเจ้าและพ่านพ่านสร้างกายทองมหาเทวะ ต่างโบกกระบองสารพัดนึกด้วยตัวคนเดียว”