ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1561 ผู้ลอบสังหาร
การถูกรุมล้อมจนมิอาจฝ่าออกไป เป็นข่าวที่ไม่ส่งผลดีสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ
เพราะว่ากายทองมหาเทวะไม่อาจสู้ได้นาน แม้ว่าจะไม่แสดงร่างที่แท้จริงของมหาเทวะเสมอฟ้า อาศัยแค่การควงกระบองสารพัดนึก ก็กินแรงถึงขีดสุดแล้ว
หากผ่านไปนาน ต่อให้ปีศาจลมหลืองจะไม่ใช้ลมสมาธิอีก พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่มีพลังมากพอสำหรับแสดงร่างที่แท้จริงของมหาเทวะเสมอฟ้า
แต่ว่าอีกฝ่ายล้วนมิใช่ชนชั้นธรรมดา
ไม่ว่าจะเป็นเซียนงาวิญญาณ เซียนหัวมังกร หรือว่าอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะ ล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นมหาชาลมากประสบกรณ์ ต่างมีท่าไม้ตายอันแข็งแกร่ง
ฉวีซูบุตรกระบี่หกวิถี เป็นผู้เข้มแข็งระดับสุดยอดของศาสนาพุทธนอกรีต เหนือกว่ากระบี่ราชพุทธะผู้เป็นอาจารย์ สภาวะไม่อ่อนด้อยกว่ายอดฝีมือชั้นมหาชาลดั้งเดิมอย่างพวกเซียนหัวมังกร
สี่สู้สาม นอกจากต้องป้องกันกระบองสารพัดนึกที่ดุร้าย ก็ไม่เสียเปรียบอันใด
อินเจียวเป็นครที่เคยอยู่ในยุคโบราณตอนต้น แต่ว่าภายหลังหยุดอยู่บนระดับเซียนกำเนิดสุญญตา เข้าสู่โถงเซียน ฝ่าภัยพิบัติฟ้ากำเนิดสำเร็จ พลังและพรสวรรค์ส่วนตัวสู้ฉวีซูที่เป็นเส้นทางนอกรีตเหมือนกันไม่ได้
แต่ว่าเขามีวิธีการของเขาเอง มิได้เข้าไปต่อสู้กับกายทองมหาเทวะของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ แต่ยืนระวังตัวอยู่รอบนอก หยิบกระดิ่งสั่นวิญญาณขึ้นมาสั่น
กระดิ่งสั่นวิญญาณนี้คือของวิเศษที่เขาได้จากเทวกษัตริย์กว่างเฉิง เสียงกระดิ่งพอดัง จะสั่นสะท้านวิญญาณผู้คน ทำให้คนเสียชีวิตอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เกรี้ยวกราดสุดขีด
พวกสวีเฟยสามคนแสดงกายทองมหาเทวะ พลังอยู่บนชั้นสุญญตา ท้าสู้มหาชาล ทว่าถึงอย่างไรก็มิใช่พลังของตัวเองโดยสิ้นเชิง เกิดเป็นผลลัพธ์ตัวเองประสานกับกายทองมหาเทวะ
พอถูกเสียงของกระดิ่งสั่นวิญญาณกระแทกใส่ การประสานระหว่างสองฝ่ายก็ถูกสั่นไหว ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก สวีเฟย และพ่านพ่านรู้สึกอึดอัด จำเป็นต้องแบ่งจิตใจออกมาควบคุมการเปลี่ยนแปลงในวิญญาณและกายทองมหาเทวะ
เมื่อเป็นแบบนี้ ต่อให้จะมีกระบองสารพัดนึกอยู่ในมือ พอถูกผู้เข้มแข็งขั้นมหาชาลเกือบๆ สี่คนอย่างพวกอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะกลุ้มรุมโจมตี สถานการณ์ด้านพวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ่งมายิ่งย่ำแย่
แต่ว่าคนอื่นๆ รวมตัวกัน ก็ยังสู้แรงกดดันที่ปีศาจลมเหลืองนำมาให้แก่พวกเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้
ปีศาจตนนี้มีพลังฝึกปรือต่างไปยังพอว่า ใช่ว่าจะคมกล้าเท่าเซียนงาวิญญาณและเซียนหัวมังกร
แต่ว่าลมสมาธิลี้ลับน่าสะพรึงอย่างแท้จริง เทียบได้กับหมอกเหลืองแสงทองของตะขาบอย่างจ้าวปีศาจร้อยตา
หากจ้าวปีศาจร้อยตาแสดงดวงตานับร้อยใต้สีข้างอันเป็นความสามารถแต่กำเนิดของตัวเองออกมาในระดับอนุเทวะเผ่าปีศาจ แสงสีทองสว่างไสว หมอกสีเหลืองกระจายทั่วฟ้า อย่าว่าแต่มีศัตรูไม่กี่คนในระดับสุญญตา แม้จะเป็นคนที่ขึ้นสู่ชั้นมหาชาล ก็ทำอะไรเขาไม่ได้
ปีศาจลมเหลืองในฐานะเป็นปีศาจที่สำเร็จมหาชาล ย่อมเหนือกว่าจ้าวปีศาจร้อยตามาก
โดยเฉพาะลมสมาธิของเขานี้ หากดูจากความลี้ลับแห่งหลักการ ยังส่งผลต่อวิชาที่เยี่ยนจ้าวเกออาศัยหนึ่งปราณสามพิสุทธิ์เพื่อย้อนทวน ผสานกายทองมหาเทวะสามร่าง
มิน่าพวกเซียนหัวมังกรเพิ่งเสียท่าไปหยกๆ แต่ก็ยังกล้าไล่ตามมาทันที
“รับ!” เซียนงาวิญญาณใช้แผนการเดิม สะบัดงวงม้วนเข้าใส่กระบองสารพัดนึกอีกครั้ง
วานรปีศาจที่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเปลี่ยนแปลงถือกระบองสารพัดนึก พลันสูดหายใจ
จากนั้นร่างปีศาจอันมโหฬารที่เหมือนกับค้ำฟ้ายันดินนั้น ยังมีเหล็กเทวะวิเศษซึ่งราวกับเสาค้ำฟ้า พลันหดเล็กลงทันตา
ขณะงวงของช้างเผือกที่เซียนงาวิญญาณแปลงขึ้นฟาดใส่ความว่างเปล่า วานรปีศาจที่หดขนาดลงก็ยกกระบองเหล็กขึ้นกระแทกเข้าไปในรูงวงของช้างเขื่อง
ช้างเผือกหกงาตกใจ รีบหดงวงกลับไป
แต่ว่าอาศัยกระบองสารพัดนึกข่มขวัญเซียนงาวิญญาณ เซียนหัวมังกรกับฉวีซูที่อยู่อีกด้าน ก็ร่วมมือกันโจมตีวานรปีศาจตนที่สองที่พ่านพ่านแปลงขึ้นมาอย่างดุร้าย
วานรปีศาจตนที่สามที่เกิดจากสวีเฟยต้องการเข้าไปคลายวงล้อม บนศีรษะมีฝนเพลิงหลายสายตกลงมาอย่างฉับพลัน
เห็นอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะในที่สุดก็กางฉัตรทิพย์ในมือ โยนไปกลางอากาศ
จากนั้นก็มีเปลวเพลิงสีแดงนับไม่ถ้วนหล่นไปยังเบื้องลางฉัตรทิพย์ที่กางออก
เปลวเพลิงสีแดงเหล่านั้นเหมือนมายาเหมือนลวงตา มิได้ร้อนเร่า คล้ายกับไม่เห็นการดำรงอยู่บนโลกภายนอก ส่งผลต่อจิตวิญญาณของผู้คนโดยตรง
กลับเป็นอัคคีชำระล้างบัวแดงของศาสนพุทธะ ร้ายกาจเหลือประมาณ
วานรปีศาจที่สวีเฟยแปลงขึ้นมาส่ายร่างวูบหนึ่ง คล้ายกับเปลี่ยนเป็นภาพมายากลุ่มหนึ่ง
จากนั้นวานรปีศาจกระโจนร่างขึ้น เปลี่ยนจากปลอมเป็นจริงใหม่
ระหว่างลวงจริงเปลี่ยนแปลง เขากระโดดออกจากอาณาเขตที่ฉัตรทิพย์ครอบคลุม พุ่งเข้าไปในสนามรบอีกทาง โจมตีเซียนหัวมังกร คลายวงล้อมให้แก่พ่านพ่าน
อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะพอโจมตีไม่โดน ก็ไม่รีบร้อน เข้าไปกระหนาบโจมตี
ถึงอย่างไรเวลายิ่งผ่านไปนาน ยิ่งส่งผลดีต่อวพวกเขา รอจนกายทองมหาเทวสามร่างหมดพลัง ก็จะเป็นเวลาจับกุม
เทียบกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้แล้ว พวกอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะกลับต้องป้องกันรอบนอก ระวังเกาชิงเสวียนที่อาจกลับมา ไปจนถึงเจ้าแม่อู๋ตังที่ได้กระบี่ลงทัณฑ์เซียนมาครองสำเร็จ
ปีศาจลมเหลืองยืนอยู่วงนอกตลอดเวลา นอกจากใช้ลมสมาธิช่วยเหลือแล้ว ก็ไม่ได้ออกโรง ความจริงรับหน้าที่เฝ้าระวัง ป้องกันคนเข่นฆ่ามาถึง ช่วยเหลือพวกเยี่ยนจ้าวเกออย่างฉับพลัน
ถึงแม้ว่าเผ่าปีศาจกับแดนสุขาวดีตะวันตกจะยังมียอดฝีมือคนอื่นๆ ไม่ได้เคลื่อนไหว แต่ว่าพวกปีศาจลมเหลืองยังคงไม่ได้ผ่อนคลายความระวัง
“หือ?” ขณะสองฝ่ายกำลังสู้กันอย่างดุเดือด ลูกตาของปีศาจลมเหลืองพลันกลอกวูบหนึ่ง
จากนั้นเห็นประกายกระบี่สีแดงก่ำสาดขึ้นในความว่างเปล่า
ภายใต้การส่องแสงจากประกายกระบี่ เป็นเกาชิงเสวียนไปแล้วกลับมา ควบคุมกระบี่ลวงเซียนมาถึง
นางมิได้ร่วมทางกับเจ้าแม่อู๋ตัง หลังจากที่มอบแขนของกว่างเฉิงจื่อให้แก่อีกฝ่ายแล้ว ก็รีบบ่ายหน้ากลับมารวมตัวกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ดังนั้นจึงมิได้มาช้าไป
หลังจากปรากฏตัวขึ้น เกาชิงเสวียนก็เล็งเป้าหมายไปที่อินเจียวเทวกษัตริย์ไท่ส่วยประจำปีจากโถงเซียนที่อ่อนแอที่สุดท่ามกลางศัตรูที่อยู่รอบๆ
ประกายกระบี่สีแดงก่ำกะพริบ ฟันใส่กระดิ่งสั่นวิญญาณซึ่งอยู่ในมือของอินเจียว
มีปีศาจลมเหลืองคอยระวังให้ อินเจียวหมุนตัวหลบประกายกระบี่ของเกาชิงเสวียน
เกาชิงเสวียนมีกระบี่ลวงเซียนอยู่ในมือ กระบี่หนึ่งเร็วกกว่ากระบี่หนึ่ง กระบี่หนึ่งดุร้ายกว่ากระบี่หนึ่ง
อินเจียวไม่กล้าประมาท ทางหนึ่งใช้สองมือตั้งทวนวงเดือนขึ้นต้าน ทานหนึ่งสั่นกระดิ่งสั่นวิญญาณใส่เกาชิงเสวียน
ของวิเศษชิ้นนี้ร้ายกาจปานใด ยังคงเป็นเกาชิงเสวียนซึ่งเป็นเซียนกำเนิดรู้สึกว่าจิตใจเลอะเลือนอยู่บ้าง สติไม่มั่นคง
เหมือนกับพลังฝึกปรือยังไม่อยู่ในระดับเซียนลี้ลับ กลับประสบการสะกดจากเสียงมหามรรคา
แต่ว่ากระบี่ลวงเซียนก็น่าอัศจรรย์นัก ขณะประกายกระบี่กะพริบ ก็ครอบคลุมเกาชิงเสวียน ทำให้จิตวิญญาณของเกาชิงเสวียนไม่ถึงกับถูกกระดิ่งสั่นวิญญาณดึงดูดไป
เพียงแต่เมื่อเป็นแบบนี้ สภาวะโจมตีของเกาชิงเสวียนก็ล้มเหลว อินเจียวตั้งหลักได้ในทันที ถึงขั้นที่ง้างทวนวงเดือนขึ้นเปลี่ยนจากตั้งรับเป็นโจมตี
ทว่าทันใดนั้นเอง อินเจียวเกิดสังหรณ์ระวังภัยขึ้น หนาวเหน็บไปทั่วร่าง!
ความแตกตื่นที่เหมือนกับการสั่นกลัวแทบทำให้ทั่วร่างเขาเป็นอัมพาต ไอความเย็นทะลักจากส้นเท้าถึงศีรษะ
ในความว่างเปล่ากลางจักรวาลอันมืดมิดพลันมีประกายดาบไร้เสียงไร้รูปร่างสายหนึ่ง หลอมรวมกับความมืด ปรากฏขึ้นด้านหลังอินเจียวอย่างไร้เค้าลาง!
ประกายดาบพุ่งผ่าน ธรรมชาติไม่คงอยู่
หลักธรรมพังทลาย มิติเวลาปั่นป่วน ชีวิตเสื่อมทราม สรรพวัตถุพินาศสิ้น
ทุกสิ่งเหมือนกับถูกเติมเครื่องหมายจบประโยค พบกับจุดสิ้นสุด กระทันหันหาใดเปรียบ กลับเป็นธรรมชาติยิ่งยวด ราวกับเดิมควรเป็นเช่นนี้
ปีศาจลมเหลืองเห็นท่าไม่ดี เป่าลมสมาธิออกไป หมายจะขัดขวางประกายดาบ
แต่ว่าพอประกายดาบนั้นวาดผ่าน แม้แต่ลมสมาธิที่ลี้ลับเกรี้ยวกราดก็ยังถูกฟันแหวกออก
ทุกอย่างเหมือนกับวันสิ้นโลกมาเยือนในตอนสุดท้าย ถูกทำลายราบพณาสูร!