ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1566 วังหยกที่โผล่ขึ้นมาแวบเดียว
เซียนสวรรค์สำนักเต๋าคนอื่นๆ เช่นพวกเจ้าแม่อู๋ตังดึงดูดความสนใจของเจ้ามรรคาง่ายดายยิ่ง แตกต่างจากเฟิงอวิ๋นเซิงที่รองรับอำนาจของมารปัจฉิมธรรม จนได้หุบเหวโกลาหลสูญ
ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ในยามปกติ พวกเขาต่างหลบเร้นอยู่ในมิติไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน รวมกับความว่างเปล่า เข้าสู่สภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาเล่นงาน ตั้งใจป้องกันเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์
หลายสิบปีมานี้ เป็นเพราะว่าเศษศิลามนุษย์กำเนิดจากเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอด เทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์จึงพัวพันไม่ยอมเลิกรา
เซียนสวรรค์ของสำนักเต๋าเช่นเจ้าแม่อู๋ตังมีสภาพปลอดโปร่งมากขึ้น เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระมากขึ้น เวลาที่หลุดจากความว่างเปล่าแสดงร่างที่แท้จริงเพิ่มขึ้น โอกาสมากขึ้น
ทว่ายังคงจำเป็นต้องระมัดระวังตัว ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย
เยี่ยนจ้าวเกอไหว้วานเกาชิงเสวียนส่งมอบแขนของเทวกษัตริย์กว่างเฉิงให้เจ้าแม่อู๋ตัง ขอให้เจ้าแม่อู๋ตังตามหากระบี่ลงทัณฑ์เซียนกับซากสังขารของเทวกษัตริย์กว่างเฉิงแทน
เจ้าแม่อู๋ตังทำสำเร็จ แต่ว่าก็รั้งอยู่ในสภาพปัจจุบันมานานแล้ว
ที่นางไม่กลับสู่ความว่างเปล่า ยังคงแสดงร่างแท้จริง หยุดอยู่ที่นี่ เป็นเพราะว่ากำลังพิจารณากระบี่ลงทัณฑ์เซียนกับซากสังขารของกว่างเฉิงจื่อ รู้สึกว่าด้านในคล้ายมีจุดแปลกประหลาดหลายส่วน
“ข้าได้เห็นร่องรอยที่หลงเหลือจากสงครามในครั้งนั้นแล้ว” เจ้าแม่อู๋ตังว่า “ถ้าหากดูจากการแสดงอดีต สหายร่วมเส้นาทงกว่างเฉิงเข่นฆ่าออกจากวงล้อม แต่สุดท้ายก็กลายเป็นตะเกียงหมดน้ำมันเสียชีวิตไป ซากสังขารกับกระบี่ลงทัณฑ์เซียนอยู่ด้วยกัน ซ่อนลึกอยู่ในความว่างเปล่า จนกระทั่งวันนี้ข้ามาตามหา จึงค่อยได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้ง”
“ทว่า…” เจ้าแม่อู๋ตังดวงตาฉายความสงสัย “ข้ารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของสหายร่วมเส้นทางอีกคนบนกระบี่เล่มนี้”
“ถึงจะอ่อนแอยิ่ง แต่ข้าไม่มีทางมองผิด”
พวกเยี่ยนจ้าวเกอสายตาคมกริบอยู่บ้าง สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา
“โฮ่วถู่…” เจ้าแม่อู๋ตังกล่าวชื่อหนึ่้งออกมา
เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองกระบี่ลงทัณฑ์เซียน ปากพึมพำ “โฮ่วถู่…”
ผู้ที่เจ้าแม่อู๋ตังพูดถึงย่อมมีแค่คนเดียว
หนึ่งในสี่เทวราชสำนักเต๋าแห่งวังเทพในอดีต เจ้าแม่แห่งแผ่นดิน มีชื่อเต็มว่า ‘มารดาแห่งแผ่นดินผู้มีธรรมและเมตตาสืบทอดหลักแห่งฟ้า’ เจ้าแม่โฮ่วถู่ที่คนทั่วไปเรียกขาน
คำว่า ‘มารดาแห่งแผ่นดิน’ เป็นผู้คนเรียกนามคู่กับมหาเทวกษัตริย์แห่งหยก
ในทะเลหวงเจียบนเขตอาทิตย์อาคเนย์แห่งโลกซ้อนโลกเมื่อครั้งกระโน้นมีลายมือฉบับหนึ่งของนางซ่อนอยู่ ภายหลังตกมาอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ
วันนี้ห่างจากสงครามในครั้งนั้นราวๆ ห้าสิบปี เพื่อช่วยสวีเฟย เยี่ยนจ้าวเกอยอมละทิ้งลายมือแห่งแผ่นดินฉบับนี้ สุดท้ายความลี้ลับน่าอัศจรรย์ของลายมือได้แยกกันหลอมเข้าไปในกายทองมหาเทวะสามร่าง
“ถ้าหากบอกว่าตอนนั้นเจ้าแม่โฮ่วถู่กลุ้มรุมเทวกษัตริย์กว่างเฉิง สมควรมิใช่” เกาชิงเสวียนสีหน้าสงบนิ่ง “เช่นนั้นหมายความว่า เจ้าแม่โฮ่วถู่เคยเจอซากสังขารของเทวกษัตริย์กว่างเฉิงและกระบี่ลงทัณฑ์เซียนหลังจากที่เขาได้เสียชีวิตไปแล้ว? แต่ไฉนนางจึงไม่นำกระบี่ไป หรือว่าฝังศพของเทวกษัตริย์กว่างเฉิง ยังคงทิ้งทุกสิ่งไว้ที่เดิม? ทำไม่ได้หรือว่าไม่ต้องการทำ?”
“ไม่มีใครทราบ” เจ้าแม่อู๋ตังเอ่ย “ความเป็นไปได้ที่จะไร้ความสามารถมีมากกว่าเล็กน้อย ถ้าหากว่าข้าได้กระบี่ลงทัณฑ์เซียนมาก่อน จากนั้นกลับไม่นำไป ยังคงทิ้งไว้ที่เดิม และไม่ต้องการให้คนอื่นทราบว่าข้าเคยมา สามารถลบร่องรอยทิ้ง แต่ก็มิใช่ว่าเจ้ามรรคามิอาจสัมผัสได้”
ขณะที่กำลังพูดอยู่ เจ้าแม่อู๋ตังพลันขมวดคิ้ว เงียบงันลง
พวกเยี่ยนจ้าวเกองงงัน เจ้าแม่อู๋ตังใคร่ครวญเสร็จก็เอ่ยว่า “เพิ่งได้รับข่าวว่าวังหยกปรากฏขึ้นมาอีกครั้งแล้ว”
ทุกคนพลันกลั้นหายใจ
วังหยกบนผากิเลนแห่งเขาคุนหลุน ผู้สืบทอดสำนักเต๋าทุกคนล้วนรู้จัก
นั่นเป็นสถานบำเพ็ญของบรมครูเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดแห่งหยกพิสุทธิ์ ตั้งแต่เทวกษัตริย์บรรพกำเนิดหลุดพ้น ยุคโบราณตอนต้นจบลง มันก็หายไป ยากจะหาร่องรอย
ปัจจุบันถึงกับมีข่าวว่าวังหยกโผล่มาอีกครั้ง ไหนเลยไม่ทำให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอตกใจ
ข่าวมาจากเจ้าแม่อู๋ตัง ถ้าหากไม่มั่นใจ ไม่มีทางกล่าวพล่อยๆ
เจ้าแม่อู๋ตังในเมื่อพูดเช่นนี้ ข่าวคงจะเป็นจริง
“แต่ว่าโผล่มาเพียงแวบเดียวก็หายไป ตอนนี้หายไปอีกรอบแล้ว” เจ้าแม่อู๋ตังขมวดคิ้วกล่าว “ข้ามาตามหากระบี่ลงทัณฑ์เซียน กลับพลาดไปแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอถามเสียงเบา “มีคนอื่นๆ เข้าไปแล้ว?”
“ตอนนี้ยังไม่ยืนยัน” เจ้าแม่อู๋ตังตอบ “แต่ว่าด้วยสภาพของวังหยกและวังท่องมรกต นอกเสียจากเจ้ามรรคาลงมือ ไม่อย่างนั้นต่อให้มีคนเข้าไป ตอนที่วังหยกหายไปอีกครั้ง ก็จะดีดคนที่เข้ามาด้านในออกมา แม้จะรั้งอยู่ก็มีแค่เวลาชั่วครู่”
สถานที่อย่างวังหยกมีการไหลของเวลาผิดปกติ เซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลที่โดดออกจากกระแสเวลาก็จะถูกดึงกลับมาในกระแสเวลาทั่วไป
ครั้งนี้พวกเยี่ยนจ้าวเกอมองกระบี่ลงทัณฑ์เซียนที่ลอยกลางอากาศโดยสัญชาตญาณ
“ไม่ทราบว่านี่พิสูจน์หรือไม่ว่าเจ้าแม่โฮ่วถู่ยังมีชีวิตอยู่?” เฟิงอวิ๋นเซิงถาม
สวีเฟยปลดถุงสุรามา ค่อยๆ จิบ “แต่ถึงขนาดที่ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋หาวังหยกไม่เจอ แล้วเจ้าแม่โฮ่วถู่จะหาเจอได้อย่างไร?”
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ เป็นผู้สืบทอดหยกพิสุทธิ์ขนานแท้ เพียงแต่ในยุคโบราณต้นต้นลงมือไม่กี่ครั้ง ดังนั้นจึงเหมือนกับอวิ๋นจงจื่อ ไม่ถูกจัดเป็นสิบสองเซียนหยกพิสุทธิ์ที่ผู้คนคุ้นเคย แต่ว่าถ้าเทวกษัตริย์กว่างเฉิงที่เป็นผู้นำแห่งสิบสองเซียนพบเขา ต้องเรียกว่า “ศิษย์พี่หนานจี๋”
“นี่กลับยากจะบอกแล้ว” เจ้าแม่อู๋ตังกล่าว “ถึงแม้จะหายไปแล้ว แต่ข้าต้องไปดูสถานที่ที่หวังหยกโผล่มาแล้วหายไปก่อน”
“พวกเจ้าเก็บกระบี่ลงทัณฑ์เซียนให้ดี” นางมองเยี่ยนจ้าวเกอ “ในอดีตเจ้าเคยได้ลายมือของสหายร่วมเส้นทางโฮ่วถู่มา บางทีอาจมีวาสนากับนางหลายส่วน ลองศึกษาทำความเข้าใจดู”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “เจ้าแม่กล่าวถูกต้อง ข้าจะจดจำไว้”
ร่างของเจ้าแม่อู๋ตังหายไปในความว่างเปล่า สลายกลายเป็นประกายกระบี่หลายจุด แล้วไหลออกไปรอบๆ
โลกประกายกระบี่ที่ครอบคลุมพวกเยี่ยนจ้าวเกอก็หายไปด้วย เหมือนกับลมม้วนเมฆเคลื่อน
“เป็นอย่างคำกล่าวของเจ้าแม่ เรื่องราวมีความแปลกประหลาดหลายส่วนจริงๆ” สวีเฟยหันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ
“ไม่ว่ากล่าวอย่างไร สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนก็อยู่ในมือเราสามเล่มแล้ว การวางแผนในหลายปีมานี้ในที่สุดก็มิได้เสียเปล่า” เยี่ยนจ้าวเกอให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเก็บกระบี่ลงทัณฑ์เซียน “พวกเราเดินทางพลางพูดคุยพลาง”
เกาชิงเสวียนสาดประกายกระบี่ ครอบคลุมทุกคน กลายเป็นรุ้งจากไป
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพูดกับพวกสวีเฟยกับพ่านพ่านว่า “พวกเราสามคนศึกษาร่วมกันสักเล็กน้อย”
ก่อนหน้านี้ทำศึกใหญ่ติดต่อกัน สิ้นเปลืองพลังไปค่อนข้างมาก แต่โชคดีที่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องแสดงกายทองมหาเทวะ ก็บรรลุเป้าหมายได้
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกับสวีเฟยยื่นมือขวาของตัวเองออกมา พ่านพ่านยกขาหน้าขึ้นข้างหนึ่ง
แสงสว่างสามสายลอยขึ้น แล้วผนึกตัวเป็นกลุ่มแสงบนศีรษะของทุกคน
ในกลุ่มแสงมีตัวหนังสือเดี๋ยวหายเดี๋ยวปรากฏ
เป็นเนื้อหาในลายมือแห่งแผ่นดิน
แสงสว่างส่องต้องกระบี่ลงทัณฑ์เซียน เยี่ยนจ้าวเกอร่างจริงเดินไปเบื้องหน้า พิจารณาทำความเข้าใจอย่างจริงจัง
“เป็นอย่างที่เจ้าแม่อู๋ตังกล่าว มีร่องรอยที่เคยผ่านมือของเจ้าแม่โฮ่วถู่อยู่หลายส่วนจริงๆ…” เยี่ยนจ้าวเกอพินิจอยู่ชั่วครู่ พึมพำกับตัวเอง
หลังจากใคร่ครวญเป็นเวลานาน เยี่ยนจ้าวเกอขอให้เกาชิงเสวียนเก็บกระบี่ลวงเซียนชั่วคราว ก่อนจะเปลี่ยนมาถือกระบี่ลงทัณฑ์เซียน
จากนั้น เขาก็ค่อยๆ อนุมาน ลอกลายมือแห่งแผ่นดินกลางอากาศ แล้วเขียนอักขระยันต์หลายสายลงบนกระบี่ลงทัณฑ์เซียน