ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1572 แผนการมาจากที่ใด
เยี่ยนจ้าวเกอหลับตา หลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่งก็ลืมตามองหยางเจี่ยน ถามว่า “พี่ร่วมเส้นทางทราบหรือไม่ว่าตอนนั้นพระอาจารย์เสวียนตูได้รับสารของจักรพรรดิจื่อเวย หรือสารของคนอื่นไหม?”
“มีสารฉบับหนึ่ง” หยางเจี่ยนดวงตาปรากฏความชมเชย พยักหน้าตอบว่า “อาจารย์อาเสวียนตูถามเหล่าจวิน เหล่าจวินไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ ให้อาจารย์อาเสวียนตูจัดการเอง”
“สุดท้ายอาจารย์อาเสวียนตูไปยังวังเทพ ถูกทีปังกรพุทธะขวางไว้ระหว่างทาง”
เยี่ยนจ้าวเกอพอฟังเงยหน้าเล็กน้อย
หลังจากเหม่อลอยสักพัก บนใบหน้าเขาก็ปรากฏรอยยิ้มหนักใจ “พอฟังพี่ร่วมเส้นทางท่านพูดแบบนี้ จิตใจก็ล้ามากทีเดียว”
“ความคิดของเหล่าจวินมิอาจคาดเดาอย่างแท้จริง การยกท่านเป็นที่พึ่งออกจะไม่แน่นอนเกินไปแล้ว”
“สำหรับคนอื่นๆ นอกจากสำนักเต๋าเรา ก็ยากจะทำความเข้าใจความคิดของเหล่าจวินเช่นกัน” หยางเจี่ยนยิ้ม “ถ้าไม่อย่างนั้น ท่านผู้เฒ่าคงไม่ลงมือในยุคโบราณตอนกลาง”
“มีคำกล่าวว่าจิตเต๋ายากหยั่งถึง สนใจและไม่สนใจ ทำเรื่องราวใดล้วนไม่แปลกประหลาด ก่อนหน้านี้ตัดสินใจอย่างหนึ่ง ต่อมาเปลี่ยนความคิดทันที ถือว่าไม่แปลก การใช้ขอบเขตความประพฤติและความเคยชินของคนธรรมดาไปทำความเข้าใจตัวตนเช่นนั้น เดิมทีเป็นความเหลวไหลอย่างหนึ่ง”
หยางเจี่ยนยังคงยิ้ม พลันถอนใจ “หากกล่าวอย่างบังอาจสักเล็กน้อย เหล่าจวินลงมือด้วยตัวเอง กวาดล้างระบบมรรคาสามพิสุทธิ์ของพวกเรา ก็มิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไม่มีเหตุผลใดให้กล่าวถึง บางทีอาจเป็นเพราะอยู่ๆ ท่านผู้เฒ่าก็เกิดความคิดเช่นนั้น จึงกระทำเช่นนั้น ไม่มีหลักการให้เอ่ยถึง หลักการในสายตาของพวกเรา สำหรับเหลาจวินแล้วไม่มีประโยชน์ใด”
“หากยังคงถูกหลักการบนโลกใบนี้วัดน้ำหนักพันธนาการ ยังเรียกว่าหลุดพ้นอันใด?”
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงต่างเงียบงัน
วาจาเมื่อครู่ของหยางเจี่ยนย่อมเป็นการสมมติที่สุดโต่งยิ่ง แต่ก็มิใช่ไม่มีความเป็นไปได้
กล่าวในมุมมองหนึ่ง การสมมตินี้มีโอกาสเท่ากับความเป็นไปได้ที่เหล่าจวินจะต่อสู้กับเจ้ามรรคาคนอื่นๆ เพื่อปกป้องผู้สืบทอดสำนักเต๋า
“มิได้บอกว่า หลักการของพวกเราไม่มีประโยชน์” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเสริม “แต่อาจไม่มีประโยชน์ และอาจมีประโยชน์”
จะกระทำตามเหตุผลและตรรกะของโลกใบนี้หรือไม่ เป็นเหล่าจวินตัดสินใจเอง
บางทีในสายตาของเขาเมื่อวินาทีก่อนหน้า สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็นสำนักเต๋าสายหลักหรือโถงเซียนเส้นทางนอกรีต ศาสนาพุทธ เผ่าปีศาจ หรือแม้แต่จอมมารนพยมโลก ล้วนเท่าเทียมกันไม่มีความแตกต่าง
และเป็นไปได้ว่าในวินาทีต่อมา เขาก็ประคมประหงอมบุตรของตัวเอง เพื่อผู้สืบทอดสำนักเต๋าที่เอ็นดู จึงกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมการเดินหมากกับเหล่าเจ้ามรรคา ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ถึงขั้นที่เขาอาจลงมือช่วยโถงเซียนสะกดผู้สืบทอดสำนักเต๋าสายหลัก ก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
แน่นอนว่าในเวลาส่วนใหญ่แล้ว ปฏิกิริยาที่เหล่าจวินมีต่อเรื่องราวนี้ล้วนเป็นการไม่ถามไถ่
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้คนทั้งหมดจนปัญญาก็คือ ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเหล่าจวินมีความคิดอย่างไรในเวลาไหน ไม่มีแบบแผนให้พูดถึง มีแต่ต้องรอเขาลงมือจริงๆ จึงจะรับมือได้อย่างแม่นยำ
ผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาคนหนึ่งลงมือ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะแฝงเจตนาล้ำลึก ยากจะมองความคิดที่แท้จริงของเขาในตอนนั้นออก
สาเหตุที่ขุมกำลังอื่นๆ ไม่เข่นฆ่าสำนักเต๋าสายหลักให้หมดสิ้น มีสาเหตุอยู่ตรงนี้เอง
เป็นไปได้ว่าในตอนที่คนอื่นๆ ลงมือ เหล่าจวินล้วนไม่ถามไถ่
แต่ว่าหลายปีให้หลัง ไม่กำหนดว่าเป็นเวลาใด เหล่าจวินอาจพลิกหน้าอย่างไร้สัญญาณ ชำระบัญชีแก้แค้น
ดูจากด้านพลัง เหล่าจวินเท่ากับเทวกษัตริย์เต๋าสายเอกพิสุทธิ์ก่อนที่จะหลุดพ้น ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ระดับเจ้ามรรคาคนอื่นๆ กริ่งเกรง
เจ้ามรรคามีทั้งหมดไม่กี่คน หากอยู่ๆ เหล่าจวินเข้าร่วมการต่อสู้ระหว่างพวกเขา ก็มากพอจะส่งผลต่อสมดุลของสถานการณ์รบแล้ว
สิ่งที่ทำให้คนหวาดระแวงยิ่งกว่าก็คือ ไม่มีใครรับประกันได้ว่า เหล่าจวินจะเป็นตัวแทนจิตเจตนาของบรมครูสามพิสุทธิ์ที่หลุดพ้นไปแล้วหรือไม่
บรมครูสามพิสุทธิ์ที่หลุดพ้นไปแล้ว ยากจะทำความเข้าใจเหมือนกับเหล่าจวิน
อาจเป็นไปได้ว่าต่อให้เหล่าจวินดับสูญไป บรมครูสามพิสุทธิ์ล้วนไม่จดจำใส่ใจ
แต่ก็เป็นไปได้ว่าจะยั่วยุให้บรมครูสามพิสุทธิ์ลงมายังโลก
ไม่ว่าสำหรับใครก็ตาม นั่นล้วนมิใช่เรื่องที่ยินดีจะเห็น
เฟิงอวิ๋นเซิงพึมพำ “ถึงอย่างไรต่อให้พระยูไลกับเจ้าแม่หนี่ว์วาที่หลุดพ้นไปเหมือนกันกลับมา ผลลัพธ์ยังคงเป็นสองต่อสาม”
แต่สิ่งที่น่ากระอักกระอ่วนก็คือสำนักเต๋าสายหลักมิอาจรับประกันว่าจะได้รับผลดีไปด้วย
ถึงขั้นอาจประสบภัยพิบัติเหมือนกัน
“ปวดหัวตรงนี้นี่เอง…” เยี่ยนจ้าวเกอประคองหน้าผาก กล่าวด้วยรอยยิ้มหนักใจ “แต่ว่าหากคิดในแง่ดีสักหน่อย หลายปีมานี้เทวกษัตริย์ไร้ประมาณคงจะกังวลยิ่ง”
ครั้งกระโน้นลองเสี่ยงดู แล้วทำสำเร็จ
แต่ผู้ใดทราบว่าเหล่าจวินอยู่ๆ จะคิดบัญชีตอนไหน
แน่นอนว่าอาจจะมีความประหลาดใจ อย่างเช่นเหล่าจวินกลับเป็นฝ่ายช่วยโถงเซียน
แต่ว่าแบบนี้ถ้าไม่เลวร้ายไปเลยก็ดีไปเลย จะดีจะร้ายก็มิใช่ตัวเองกำหนดได้ หนำซ้ำยังไม่ทราบว่าจะมาถึงเวลาใด ไม่ทราบว่าจะลงมาหรือไม่ เกรงว่ามีแค่ไม่กี่คนที่ชอบ
อย่างน้อยเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ชมชอบยิ่ง
“นี่เป็นสถานการณ์ที่วางอยู่ตรงหน้าพวกเราในตอนนี้” หยางเจี่ยนหัวเราะอย่างสะท้อนใจ “ความไม่พอใจหรือความแค้นเคืองล้วนไม่มีประโยชน์ จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ ทำให้สภาพการณ์อยู่ในทิศทางการพัฒนาที่ส่งผลดีต่อพวกเราอย่างไร จึงเป็นกุญแจสำคัญ”
เขากล่าวเยาะตัวเอง “หลายปีมานี้ข้าพักฟื้นอยู่ในวังดุสิตมาโดยตลอด ต่อให้เหล่าจวินจะไม่ถามไถ่ ข้าก็ได้รับผลประโยชน์อยู่”
“นี่ย่อมแน่นอน” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะขึ้นเช่นกัน “คำว่าถ้า ตอนนี้ก็เป็นคำว่าถ้า ในความจริงแล้ว ที่สำนักเต๋าสายหลักของพวกเราคงอยู่มรถึงวันนี้ ค่อยๆ ปรากฏความรุ่งเรืองอีกครั้ง จะมากจะน้อยก็เกี่ยวกับการที่คนอื่นๆ เกรงกลัวเหล่าจวิน”
รอยยิ้มค่อยๆ หายไปจากใบหน้าเขา “เพียงแต่เวลาไม่คอยพวกเรา”
“เรื่องกระบี่สังหารเซียนอย่าเพิ่งร้อนใจ” หยางเจี่ยนลุกขึ้น “อีกสักระยะ ข้าจะมอบคำตอบให้พวกเจ้า”
ว่าแล้ว เขาก็ส่งยันต์ใบหนึ่งให้เยี่ยนจ้าวเกอ
บทสวดที่เขียนบนยันต์เป็นของมารดาแห่งแผ่นดิน
เยี่ยนจ้าวเกอรับยันต์มาเก็บไว้ จากนั้นประสานมือให้หยางเจี่ยน “รบกวนพี่ร่วมเส้นทางด้วย”
“เวลาผ่านไปนานบ้างแล้ว การสนทนาในวันนี้จบลงเท่านี้ พวกเราค่อยเจอกันวันหลัง” หยางเจี่ยนพยักหน้าให้เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิง
ร่างของเขาค่อยๆ หายไป ทะเลดาวสว่างไสวตรงหน้าเริ่มพังทลาย
ประกายแสงสีเหลืองหม่นปรากฏขึ้นใหม่ มาจากที่ไกล เหมือนกับขอบจักรวาลหดตัว เข้าแทนที่จักรวาลทะเลดาว เกิดเป็นโลกใบหนึ่ง
จิตพลังของเจ้าแม่แห่งแผ่นดินปรากฏขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกอบอุ่นหนักแน่นครอบคลุมพวกเยี่ยนจ้าวเกออีกหน
“ค่อยพบกันใหม่” เสียงของเจ้าแม่โฮ่วถู่ดังขึ้น จากนั้นออกห่างไป โลกสีเหลืองหม่นสลายตาม
พวกเยี่ยนจ้าวเกอกลับสู่ความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนที่แท้จริงใหม่
หยางเจี่ยนกลายเป็นมารดาแห่งแผ่นดิน หายไปในความว่างเปล่า
หลังจากระยะทางอันแสนยาวไกล เขารวมกับดาวดวงหนึ่ง แล้วรอคอยอย่างสงบ
ไม่ทราบผ่านไปนานขนาดไหน ส่วนในดวงดาวพลันปรากฏชายชราคนหนึ่ง สวมมงกุฎหางปลา ใส่เสื้อคลุมสีแดง ใบหน้าแปลกประหลาด ไว้เครายาว
ตรงหน้าชายชรา ปรากฏสตรีใบหน้างดงามสูงส่ง กอรปด้วยความอบอุ่นหนักแน่น เหมือนกับมารดาแห่งแผ่นดินผู้หนึ่ง
“สหายร่วมเส้นทางโฮ่วถูยังแข็งแรงดี ข้ายินดียิ่ง” ชายชราเสื้อคลุมแดงลูบเคราพลางยิ้ม
สตรีอาภรณ์งดงามกล่าวอย่างราบเรียบ “โชคดีที่พี่ร่วมเสนทางเสวียนตูช่วยเหลือ ยอมให้ข้าพักฟื้นในวังดุสิต ไม่อย่างนั้นเกรงว่าจะจะไม่รอจนได้พบเต้าจวิน ในวันนี้”