ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1574 กระดิ่งสั่นวิญญาณ
ขณะที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอไปตามหากระบี่ลงทัณฑ์เซียน เฟิงอวิ๋นเซิงก็ไปค้นตาร่องรอยของนิวาสสถานเทวกษัตริย์ประพฤติเต๋าในอดีตหลังจากกระจัดกระจายตามคำชี้แนะของเขา เพื่อให้ได้เบาะแสเพิ่มเติม สะดวกแก่การหากระบี่สังหารเซียนในครั้งหน้า
หลังจากเฟิงอวิ๋นเซิงทำสำเร็จ ค่อยมุ่งหน้าไปยังจุดนัดพบ รวมตัวกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอ สุดท้ายลงมืออย่างฉับพลัน ทำร้ายพวกอินเจียวและปีศาจลมเหลือง ช่วยพวกเยี่ยนจ้าวเกอฝ่าวงล้อม พลิกจากแพ้เป็นชนะ
อีกด้านหนึ่ง เจ้าแม่อู๋ตังได้กระบี่ลงทัณฑ์เซียนมาสำเร็จเช่นกัน
ทุกสิ่งราบรื่นยิ่ง ทำให้ผู้คนพอใจ
แต่ว่าข้อมูลใหม่ที่ได้จากหยางเจี่ยนทำให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอตื่นตัว
“ถึงแม้จะไม่อาจยืนยันข้อมูลของหยางเอ้อร์หลางได้ว่าเป็นความจริงแน่นอน แต่ว่าพวกเรามิอาจไม่คิดในแง่ร้ายที่สุดไว้ก่อน” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ พลางกล่าว “หากไม่ระวัง การถูกพลิกกระดานในพริบตาก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้”
ถึงจะมีกระบี่สามเล่มในมือ แต่ต่อจากนี้ต้องถอนเขี้ยวจากเสืออย่างเจ้ามรรคาคนหนึ่ง ความจริงยากเย็นเป็นพิเศษ
หากไม่ระวังนิดเดียว เท่ากับกับข้าวให้ถึงที่
ก่อนหน้านี้ลำบากพยายามมานานปานนี้ ในที่สุดก็เห็นภาพงดงามของแสงอรุณ แต่ก็พร้อมสูญเปล่า กลายเป็นเงาฟองได้ทุกเวลา
กระนั้นถ้าหากกล้าๆ กลัวๆ ต้องการรักษาความแน่นอน เช่นนั้นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสภาพในปัจจุบันของฝ่ายตนตั้งแต่รากฐานได้
สภาวะที่ตอนแรกยอดเยี่ยม กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว อาจจะหยุดลง หรือถึงขั้นย้อนกลับได้ทุกเวลา
“พวกเราต้องเอากระบี่สังหารเซียนมาให้ได้ แต่จะเอามาอย่างไร จำเป็นต้องขบคิดให้ละเอียดกว่าเดิม” เยี่ยนจ้าวเกอพูด “ในสถานการณ์ที่ข่าวสารไม่รั่วไหล เส้นทางนอกรีตไม่ทราบว่าพวกเรามองความจริงออกแล้ว พวกเขาก็ไม่มีทางตั้งรับ จะต้องคอยจ้องค่ายกลลงทัณฑ์เซียนของพวกเรา และต้องการจับพวกเราในทีเดียว”
ในสถานการณ์เช่นนี้ เรื่องราวย่อมขึ้นอยู่กับตอนที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอค้นหากระบี่ในครั้งหน้า
เทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับโถงเซียน ไปจนตลอดแดนสุขาวดีตะวันตก เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะวางหลุมพรางไว้ในที่ลับ ใช้กระบี่สังหารเซียนเป็นเหยื่อล่อ รอให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอกินเบ็ด
“แต่คิดล่อพวกเราให้ติดเบ็ด เดินเข้าไปหลุมพรางของพวกเขาอย่างไม่รู้ตัว พวกเขาจะต้องนำทองแท้เงินขาวออกมาถึงจะทำได้ ไม่อย่างนั้นต่อให้พวกเราไม่ทราบเรื่อง ก็ไม่มีทางติดกับ”
เยี่ยนจ้าวเกอพ่นลมหายใจออกเบาๆ “กระบี่สังหารเซียนกับเทวกษัตริย์ไร้ประมาณไม่อาจกำไว้ในมือไม่ปล่อย ไม่อย่างนั้นจะถูกอวิ๋นเซิงเจ้ากับผู้อาวุโสสั่ว และเจ้าแม่อู๋ตังเซียนสวรรค์สำนักเต๋าเราสัมผัสได้ง่ายดาย คิดตกปลา เขาจะต้องโยนเหยื่อล่อออกมา”
“พวกเรามีความเป็นไปได้ที่จะงับเหงื่อ ส่วนอันตรายอยู่ด้านหลัง พวกเราจะหลุดจากเบ็ดได้อย่างไร ออกจากแหจับปลาหลายชั้นได้อย่างไร” เฟิงอวิ๋นเซิงกระจ่างแจ้ง “ถึงอย่างไรก็เป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ระดับเต๋า จะต้องอยู่ใกล้ๆ สร้างความลำบาก ไม่ให้เวลาพวกเราหลอมเปลี่ยนกระบี่สังหารเซียนและวางค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ถึงเวลาจะต้านทานอานุภาพของเจ้ามรรคาไม่ได้ ถูกจับในคราวเดียว”
เยี่ยนจ้าวเกอเบ้ปาก “วิกฤติการณ์ๆ โอกาสมักตามมาหลังอันตราย ต้องดูก่อนว่าหยางเอ้อร์หลางมีความสามารถอันใด ไม่อย่างนั้นอันตรายในครั้งนี้เกรงว่าจะสูงกว่าเดิม”
“เขาบอกว่าต้องการใช้ตะเกียงเคลือบหยกมายาทดลองแลกเปลี่ยนวาสนาอย่างหนึ่ง เพียงแต่ไม่ทราบว่าพูดจากตรงไหน?” เฟิงอวิ๋นเซิงเลิกคิ้วน้อยๆ “หรือว่าจะตามหาทีปังกรพุทธะ?”
ในยุคโบราณตอนต้นมีเรื่องเล่าของตะเกียงสามใบ แยกกันเกี่ยวข้องกับเทวกษัตริย์บรรพกำเนิด เทวกษัตริย์เต๋า และทีปังกรพุทธะที่ตอนนั้นเข้าสู่เต๋า กลายเป็นหรานเติงเต้าหยิน
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าฉายแววครุ่นคิด “มีความเป็นไปได้ แต่ว่านั่นออกจะโบราณไปแล้ว หากว่ามีวิธีการอะไรจริงๆ ข้ารู้สึกว่าทีปังกรพุทธะสมควรวางแผนไว้ตั้งแต่ยุคโบราณตอนต้นแล้ว”
ตอนนั้นท่านเข้าสู่สำนักเต๋าแปลงกายเป็นหรานเติงเต้าหยิน ค่อนข้างใกล้ชิดกับสำนักเต๋า มีความต้องการอันใดก็สร้างความพอใจได้สะดวก
เยี่ยนจ้าวเกอถึงขั้นสงสัยว่า สาเหตุที่ตอนนั้นอีกฝ่ายเข้ากับสำนักเต๋า เป้าหมายในตอนแรกอาจอยู่ตรงนี้
เรื่องราวที่เกี่ยวข้องยาวนานไปแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าไม่น่าจะลากถ่วงมาถึงวันนี้ วาสนาที่หยางเจี่ยนว่า บางทีมิได้อยู่ที่ตัวทีปังกรพุทธะ
เทียบกันแล้ว เขากลับนึกถึงบันทึกเอกสารในคัมภีร์ส่วนหนึ่งซึ่งอยู่ในวังเทพ
ในยุคสมัยปัจจุบันก่อนมหาภัยพิบัติ ผู้เข้มแข็งสำนักเต๋าสายหกยพิสุทธิ์ปราบมาร หลังจากส่งมารไฟปิ่งรุ่นหนึ่งในตอนนั้นสู่การดับสูญ ก็ตัดวิญญาณมารเมล็ดเพลิงจุดหนึ่งมาได้โดยบังเอิญ
ตอนนั้นเพื่อทำความเข้าใจเรื่องการทำลายมารอย่างล้ำลึกกว่าเดิม รู้เขารู้เรา วิญญาณมารเมล็ดเพลิงจุดนี้ถูกเก็บรักษาไว้
แต่ว่าการเก็บรักษามีความยุ่งยาก วิธีที่จอมยุทธ์สำนักเต๋าสายหหยกพิสุทธิ์คิดได้ก็คือการเลือกใช้ตะเกียงเคลือบหยกมายาในวังพิสุทธิ์ และตะเกียงวังแปดทัศน์ของวังแปดทัศน์
หลังจากไปวังดุสิต กราบพบเหล่าจวิน เหล่าจวินก็บอกให้พวกเขาไปยังวังหยกสายหยกพิสุทธิ์
นับแต่นั้นมา วิญญาณมารเมล็ดเพลิงจุดนั้นก็ถูกเก็บไว้ในตะเกียงเคลือบหยกมายา
เทียบกับเหตุปัจจัยเก่าแก่ระหว่างตะเกียงเคลือบหยกมายากับทีปังกรพุทธะแล้ว ยุคสมัยของเรื่องนี้อยู่ใกล้กว่า
เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ว่า ความเป็นไปได้ที่สิ่งที่หยางเจี่ยนพูดจะเกี่ยวข้องกับวิญญาณมารเมล็ดเพลิงนี้มีมากกว่า
เพียงแต่หยางเจี่ยนใช้ของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนกับผู้ใด ในห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอมีการคาดเดาหลายอย่างเดี๋ยวหายเดี๋ยวปรากฏ มิอาจยืนยันได้ชั่วขณะ
“ถ้าหากบอกว่าแลกเปลี่ยนกับนพยมโลก เช่นนั้นสิ่งที่นพยมโลกใช้กระบี่ลงทัณฑ์เซียนแลกเปลี่ยนในตอนนั้นคืออะไร?”
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งใคร่ครวญ ทางหนึ่งเดินทางในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุด
“จริงด้วย คนอื่นๆ พอเจอก็ยินดีกับเจ้า ข้ากลับมิได้แสดงความยินดีกลับเจ้า” ระหว่างทาง เยี่ยนจ้าวเกอพูดขึ้น “ยินดีกับเจ้าที่ขึ้นสู่ระดับเซียนสวรรคมหาชาล ไม่เสื่อมสลายหลุดพื้นซึ่งทุกสิ่ง อยู่ร่วมกับโลก”
เฟิงอวิ๋นเซิงในตาขวาของเขากล่าวอย่างสะท้อนใจ “ในที่สุดก็ต้องก้าวเท้าก้าวนี้ออกไป หันกลับไปมองอดีต ยังคงมีความรู้สึกเหมือนเดินบนพื้นน้ำแข็งบางเฉียบ”
เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจเช่นกัน “รอบนี้ต้องให้เจ้าเสี่ยงแล้ว”
“ไม่เป็นไร” เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อเดินบนเส้นทางนี้ การปีนขึ้นสู่ระดับความสูงที่คนจำนวนมากมิอาจบรรลุถึงเป็นวเลาหลายพันปีหรือหลายหมื่นปีในระยะเวลาไม่กี่สิบปีสั้นๆ การแบกรับความเสี่ยงมากกว่าเดิมเป็นสิ่งสมควร ยิ่งไปกว่านั้นผลลัพธ์ก็ออกมาดี”
นางหัวเราะ “สามารถได้อยู่ข้างท่านเช่นตอนนี้ ทั้งไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นตัวถ่วงท่าน ข้ารู้สึกดียิ่ง ต่อให้มีความเสี่ยงมากกว่านี้ก็หาเป็นไรไม่”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบ
การทดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ด่านที่อันตรายที่สุด ยังมาไม่ถึง
“จริงด้วย ครั้งนี้ได้ของวิเศษที่ไม่เลวชิ้นหนึ่ง” เฟิงอวิ๋นเซิงพูดด้วยรอยยิ้ม
ในตาขวาของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏเงาลวงสายหนึ่ง กลับเป็นกระดิ่งใบเล็กที่เหมือนกับกระพรวน
“กระดิ่งสั่นวิญญาณ” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “เป็นของวิเศษสำหรับสังหารที่ร้ายกาจชิ้นหนึ่งจริงๆ สามารถสังหารคนที่อยู่ต่ำกว่าชั้นมหาชาลส่วนใหญ่ได้ในการโจมตีครั้งเดียว ในการต่อสู้ก่อนหน้าถ้ามิใช่ผู้อาวุโสเกามีกระบี่ลงทัณฑ์เซียนอยู่ในมือ ต่อหน้าของวิเศษชิ้นนี้เกรงว่าจะลำบาก ต้องขอบคุณครั้งกระโน้นอินเจียวถูกเทวกษัตริย์กว่างเฉิงทำลายวิชาการฝึกปรือวิชาสายหยกพิสุทธิ์ ได้แต่หันไปฝึกฝนวิชาสายข้าง แสดงอานุภาพทั้งหมดของกระบี่สั่นวิญญาณนี้ไม่ได้”
“ของวิเศษชิ้นนี้ยังคงแสดงผลส่วนหนึ่งต่อเซียนสวรรค์มหาชาลได้” เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ย “อาจจะเป็นของล้ำค่าชิ้นหนึ่งของสำนักเรา เมื่อมีคนออกไปข้างนอกให้นำไป รุกสามารถโจมตีถอยสามารถตั้งรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย “เป็นเพราะมีประโยชน์ต่อเซียนสวรรค์มหาชาล ดังนั้นเจ้าของที่เหมาะสมที่สุด ยังเป็นเจ้า”