ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1575 ต้องดูหลังจากวันนี้
กระดิ่งสั่นวิญญาณเดิมนับได้ว่าเป็นสินสงครามของเฟิงอวิ๋นเซิง
ที่เยี่ยนจ้าวเกอพูดกลับมิใช่เพื่อเอาใจภรรยาของตัวเอง แต่เป็นความจริง
ดังนั้นเฟิงอวิ๋นเซิงจึงไม่เหนียมอาย หลังคิดเล็กน้อยก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ได้”
สองคนสนทนากัน กลับถึงจักรวาลฟื้น มาถึงฟ้าเหนือฟ้าอีกครั้ง
พวกสวีเฟยกับเกาชิงเสวียนกลับมานานแล้ว สวีเฟยกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ยังมีพ่านพ่านตอนนี้กำลังเข้าฌานพักฟื้น
เกาชิงเสวียนเป็นแขกที่เขากว่างเฉิง ยังมิได้จากไป รอคอยพวกเยี่ยนจ้าวเกอกลับมา
สองฝ่ายพบกัน เยี่ยนจ้าวเกอเพียงพูดถึงปัญหาของกระบี่สังหารเซียน มิได้พูดถึงหยางเจี่ยนมากนัก
กลับมิใช่เพราะไม่เชื่อใจเกาชิงเสวียนกับเสวี่ยชูชิง แต่ปัจจุบันมีเรื่องราวมากมาย ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น
คนที่รู้เรื่องเมื่อมีมากแล้ว หมายถึงร่องรอยเพิ่มขึ้น เบาะแสเพิ่มขึ้น ถูกอีกฝ่ายทำนายอนุมานได้ง่ายกว่าเดิม
พวกเกาชิงเสวียนเข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน
แค่เรื่องกระบี่สังหารเซียน ได้ยินเพียงเล็กน้อย ก็มากพอที่จะทำให้จิตใจของพวกนางหนักอึ้งได้แล้ว
“เรื่องราวจะดีขึ้นหรือไม่ ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ ขึ้นอยู่กับหลังจากนี้” เยี่ยนจ้าวเกอว่า “พวกเราทำเป็นไม่รู้ไปก่อนเพื่อจะได้มีโอกาสใช้แผนซ้อนแผน”
พวกเสวี่ยชูชิงกับเกาชิงเสวียนต่างพยักหน้าช้าๆ
“เช่นนั้นก็สร้างภาพลวงให้ครบสี่สิบเก้าปี” เกาชิงเสวียนลุกขึ้น “ถ้าหากยึดตามคำพูดของจ้าวเกอเจ้า ครั้งนี้เกรงว่าเหล่าเจ้ามรรคาสามารถอนุมานระยะเวลาที่แม่นยำระหว่างการทำพิธีสองครั้งของเจ้าออกแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “มิผิด เส้นทางนอกรีตคิดวางแผนเล่นงานพวกเรา อย่างเร็วที่สุดสี่สิบเก้าปีให้หลังกระบี่สังหารเซียนค่อยปรากฏขึ้นบนโลกอีกครั้ง มีแต่ตอนนั้นอีกฝ่ายจะปล่อยเหยื่อล่อปลาออกมา พวกเราค่อยมีโอกาส ไม่อย่างนั้นหากอีกฝ่ายคิดซ่อนกระบี่สังหารเซียนตลอด พวกเรากลับมิอาจลงมือ”
“ถึงจะเป็นเช่นนี้ก็ยังต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์” เสวี่ยชูชิงเอ่ย “เวลาต่อจากนี้จะต้องจับตาดูการต่อสู้ของเส้นทางนอกรีตสองเส้นทางอย่างใกล้ชิด”
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอบอกเล่าเรื่องราวของกระบี่สังหารเซียนเสร็จ เสวี่ยชูชิงก็บอกเขากับเฟิงอวิ๋นเซิงถึงสภาพล่าสุดในการต่อสู้ของโถงเซียนและแดนสุขาวดีบัวขาว
พร้อมกับที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอตามหากระบี่ลงทัณฑ์เซียน โถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาวก็ยัคงสู้รบดุเดือด
ประมาณห้าสิบปีก่อน เป็นเพราะว่าเศษศิลามนุษย์กำเนิดที่เดิมเป็นของเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอด เทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์พัวพันกันมาตลอด ไม่ยอมเลิกรา
ถึงแม้เศษศิลามนุษย์กำเนิดจะตกไปอยู่ในมือของพระศรีอาริย์แล้ว แต่ว่าเทวกษัตริย์ไร้ประมาณก็ไม่ยอมแพ้ สู้กับพระศรีอาริย์มาถึงวันนี้
โถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาว ไปจนตลอดแดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจ ต่างทำศึกกันต่อเนื่อง ระหว่างกันมีผลแพ้ผลชนะ
คนอื่นๆ บางทีไม่อาจตัดสินผลลัพธ์การทำศึกระหว่างเจ้ามรรคาได้โดยตรง แต่ว่าการต่อสู้อย่างรุนแรงที่เล็งเป้าหมายไปยังประชากรและความสรัทธาของเส้นทางนอกรีตทั้งสองยิ่งมายิ่งรุนแรง
สมมติว่าฝั่งหนึ่งในนี้เสียหายมากเกินไป อาจะทำให้เจ้ามรรคาฝ่ายตัวเองลงมือช่วยเหลือ
เมื่อเป็นแบบนี้ การต่อสู้ระหว่างเจ้ามรรคาทั้งสองย่อมได้รับผลกระทบโดยอัตโนมัติ
ดังนั้นการทำสงครามขนาดใหญ่ทุกด้านระหว่างโถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาวจึงดำเนินมาเกือบห้าสิบปีแล้ว
ในประวัติศาสตร์การต่อสู้ของสองฝ่าย แม้นมีสงครามดุเดือดที่กินเวลามากกว่าร้อยปี แต่อย่างไรก็เกิดขึ้นน้อยสุดขีด
ศึกใหญ่ทุกด้านตลอดเวลาห้าสิบปี เปรียบเทียบกันแล้ว เห็นได้ไม่บ่อยนัก
ถึงอย่างไรพลังศรัทธาที่มั่นคง นอกจากสงครามความศรัทธา ยังจำเป็นต้องพักฟื้น จะต้องมีผ่อนมีตึงสลับกันไปจึงจะถูกต้อง
แต่ว่าครั้งนี้เรื่องราวเกี่ยวพันถึงเศษศิลามนุษย์กำเนิด สองฝ่ายล้วนทุ่มเทเต็มที่
การปรากฏขึ้นของกระบี่ลงทัณฑ์ซียน นับว่าเป็นบทเพลงประกอบที่ไม่ใหญ่ไม่น้อย
“เผ่าปีศาจกับแดนสุขาวดีบัวขาวส่งยอดฝีมือมากกว่าเดิมไปช่วงชิงกระบี่ลงทัณฑ์เซียน ยากหลีกเลี่ยงไม่ให้สภาวะอ่อนด้อยลงเล็กน้อยในตอนที่เผชิญกับแดนสุขาวดีตะวันตกกับโถงเซียน” เสวี่ยชูชิงอธิบาย
โถงเซียนเป็นอินเจียวออกโรง แดนสุขาวดีบัวขาวเป็นฉวีซูบุตรกระบี่หกวิถี
ถึงแม้อินเจียวจะมีชื่อเสียงตั้งแต่ยุคโบราณตอนต้น แต่ในฐานะเซียนสวรรค์เส้นทางนอกรีต พลังของเขากลับสู้ฉวีซูบุตรกระบี่หกวิถีไม่ได้
การขาดเขาสองคนไป ทำให้แดนสุขาวดีบัวขาวได้รับผลกระทบมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ว่าในด้านจำนวนยอดฝีมือชั้นมหาชาลและชั้นสุญญตาของเส้นทางนอกรีตสองฝ่าย แดนสุขาวดีบัวขาวล้วนยึดครองความได้เปรียบอันเบ็ดเสร็จ
หลังจากให้ฉวีซูไป แม้ผลกระทบจะมีค่อนข้างมาก แต่อย่างน้อยเพียงถูแโถงเซียนดึงความได้เปรียบกลับมาอยู่ในสภาวะสูสี ผลลัพธ์ยังรับได้
สิ่งที่ส่งผลต่อสถานการณ์รวมๆ ของการศึกอย่างแท้จริงคือด้านเผ่าปีศาจ
ปีศาจลมเหลือง เซียนงาวิญญาณ กับเซียนหัวมังกร ออกเคลื่อนไหวพร้อมกันหมายจะชิงกระบี่ลงทัณฑ์เซียน
แดนสุขาวดีตะวันตกที่อยู่ตรงข้าม เพียงส่งอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะมา
นี่กดดันให้เผ่าปีศาจไม่อาจคิดหาวิธีมากมายมาชดเชย
แดนสุขาวดีตะวันตกฉวยโอกาสเกาะกุมความได้เปรียบใหญ่หลวง
ดังนั้นจึงส่งผลต่อสมรภูมิของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณและพระศรีอาริย์โดยตรง กดดันให้พระศรีอาริย์จำเป็นต้องแบ่งความสนใจส่วนหนึ่งมาดูแลแดนสุขาวดีบัวขาวของตัวเอง
พระศรีอาริย์เผชิญการคุกคามจากเทวกษัตริย์ไร้ประมาณทีละก้าวๆ ก็ยิ่งไม่มีวิธีหลอมเปลี่ยนเศษศิลามนุษย์กำเนิดนั้นให้เร็วกว่าเดิม
จุดที่ประดักประเดิดก็คือ แดนสุขาวดีบัวขาวกับเผ่าปีศาจส่งยอดฝีมือชั้นมหาชาลสี่คนออกเคลื่อนไหว ผลลัพธ์ยังนำกระบี่ลงทัณฑ์เซียนกลับมาไม่ได้ ต้องชดใช้ด้วยชีวิตของเซียนงาวิญญาณ
ถึงอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะที่อยู่อีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ในระยะเวลาอันสั้นมิอาจเข้าร่วมสงครามได้เช่นกัน แต่ว่าแดนสุขาวดีบัวขาวกับเผ่าปีศาจเสียเปรียบยิ่งกว่า
“ก่อนหน้านี้ยังนึกว่าเป็นเส้นทางนอกรีตกับศาสนาพุทธสายหลักยอมแพ้ ให้ความสำคัญกับเศษศิลามนุษย์กำเนิดมากกว่า ทางกระบี่ลงทัณฑ์เซียนก็แค่ทดลองดูเท่านั้น” เสวี่ยชูชิงว่า “ตอนนี้ดูเหมือนจะมิใช่เช่นนี้ แต่มีแผนการอื่นแต่ต้น”
“เป็นเช่นนี้เอง พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเศษศิลามนุษย์กำเนิดมากกว่า แต่เป็นตรงกันข้าม” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างใคร่ครวญ “ข้าคาดเดาว่า เทวกษัตริย์ไร้ประมาณเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะพัวพันกับพระศรีอาริย์เช่นนี้ไปตลอด จนกระทั่งตอนที่ข้าทำพิธีตามหากระบี่สังหารเซียนในอีกสี่สิบเก้าปีให้หลัง”
เฟิงอวิ๋นเซิง เสวี่ยชูชิง เกาชิงสายตาเคร่งขรึม เข้าใจความหมายของเยี่ยนจ้าวเกอ “ตอนนั้น เขาจะมอบเศษศิลามนุษย์กำเนิดให้พระศรีอาริย์หลอมเปลี่ยน ตัวเองพลันเข่นฆ่ากลับหลัง มารับมือพวกเรา”
ถ้าหากราบรื่น โถงเซียนอาจจะได้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่สมบูรณ์กับสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนไป
คุณค่านี้นี้เหนือกว่าเศษศิลามนุษย์กำเนิดก้อนเดียว
“เส้นทางนอกรีตทั้งสองสู้กันไม่เลิกรา ผู้สืบทอดสำนักเต๋าสายหลักเช่นพวกเรามีสภาพผ่อนคลายกว่ามาก เหมือนกับการตามหากระบี่ลงทัณฑ์เซียนในครั้งนี้” มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏรอยยิ้มอยู่หลายส่วน “ถ้าตอนที่ตามหากระบี่สังหารเซียน สงครามของพวกเขายังคงไม่จบลง จะส่งผลดีต่อการเคลื่อนไหวของพวกเรา ยากจะไม่กล้าขึ้นเล็กน้อย”
นับว่าเป็นการล่องูออกถ้ำทางอ้อมแล้ว
‘ความคิดและการประเมิณของอีกฝ่ายคือวันนี้ให้พวกเราอาละวาดจนหนำใจ สี่สิบเก้าปีให้หลังค่อยชำระรายการ คิดบัญชีในคราวเดียว?’ เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเย้ยหยัน คิดในใจ
เขาส่ายหน้า กล่าวว่า “พวกเราจับตาดูทิศทางการต่อสู้ระหว่างเส้นทางนอกรีตสองฝั่งอย่างใกล้ชิดเถอะ”
…
ในพุทธเกษตรแห่งหนึ่งบนแดนสุขาวดีตะวันตก ทีปังกรพุทธะนั่งบนบัวเขียว หลับตาใคร่ครวญ
เนิ่นนานให้หลัง ท่านลืมตาขึ้น พึมพำกับตัวเอง “….จะเร็วไปหรือไม่?”
พุทธะลุกขึ้นยืนบนบัวเขียว ออกจากพุทธเกษตรของตน มุ่งหน้าไปยังสถานที่ใจกลางของแดนสุขาวดีตะวันตก
“นะโมอมิตาพุทธ ขอพระพุทธองค์บอกเส้นทางไปยังวังดุสิต”