ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1600 หนึ่งกระบวนท่าทำลายศิลาสะท้านฟ้า!
ในเหวลึกโกลาหลที่ไร้แสงไร้ความมืดปรากฏร่างของเฟิงอวิ๋นเฉิง
ภายใต้การช่วยเหลือจากกระดิ่งสั่นวิญญาณ นางฟันดาบลอบสังหารลงอย่างไร้เค้าลาง สังหารมหาเทวะเผ่าปีศาจไปหนึ่งตน!
วินาทีนี้ปีศาจลมเหลืองที่มีอิทธิฤทธิ์แก่กล้า ยามใช้ลมสมาธินับได้ว่าเป็นชนชั้นร้ายกาจท่ามกลางมหาเทวะเผ่าปีศาจ ศีรษะหลุดจากบ่า
ศีรษะที่หมุนร่วงลงมาข้างนั้นเบิ่งตาโต ถลึงตาแทบฉีก ตายตาไม่หลับ
ภายใต้คมดาบเหวลึกโกลาหลสูญ ขณะที่หนึ่งดาบแยกสอง ก็เป็นสัญญาณว่ากายสลาย วิญญาณมลาย
หลังจากหนึ่งดาบ เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ดูผลการโจมตีปีศาจลมเหลือง คมดาบวาดเป็นเส้นโค้งงดงามสายหนึ่งกลางอากาศ เปลี่ยนการฟันลงเป็นการเขี่ยขึ้น
เสียงนกร้องดังแกว๊ก แต่ว่าชั่วอึดใจเดียว เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ก็บรรลุถึงด้านข้าง
เฟิงอวิ๋นเซิงใช้คมดาบหยุดการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างหวุดหวิดสำเร็จ
หลังจากการป้องกันนี้ เฟิงอวิ๋นเซิงก็กลายเป็นเหวลึกโกลาหล กำลังจะหายไปในความว่างเปล่าอันมืดมิดตรงหน้าอีกครั้ง
หลังโจมตี ก็หนีทันที
ไม่เคลื่อนไหวยังพอว่า เงียบสงัดเหมือนกับเหวลึก พอเคลื่อนไหว ก็ทำลายศิลาสะท้านฟ้าทันที
เฟิงอวิ๋นเซิงเลือกเป้าหมาย ก็ตั้งใจเลือกอย่างแยบคายเช่นกัน
ทีปังกรพุทธะกับลู่ยาเต้าจวินมีพลังแข็งกล้า ทั้งมีวิชาเร้นลับมากมายยังไม่ทราบความสามารถ เผิงท่องเมฆหมื่นลี้มีความเร็วสูงสุด
การลอบสังหารพวกเขาอาจจะสำเร็จ แต่ก็อาจล้มเหลว ต่อให้สำเร็จ ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจจะแค่บาดเจ็บหากไม่ตาย
ดังนั้นเฟิงอวิ๋นเซิงจึงเล็งดาบแรกที่มีการคุกคามมากที่สุดของตัวเองไปที่ปีศาจลมเหลือง
มหาเทวะเผ่าปีศาจตนนี้ไม่เพียงแต่มีพลังแข็งแกร่ง หนำซ้ำภายใต้ลมสมาธิที่กรีดอากาศ สามารถอาศัยพลังของคนคนเดียวสะกดการรวมกันเป็นหนึ่งแสดงร่างมหาเทวะเทียมฟ้าของกายทองมหาเทวะสามร่าง
สำหรับพวกเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว การคุกคามที่จอมปีศาตนนี้นำมา ยังเหนือกว่าหนอนเก้าเศียร เซียนหัวมังกร ถึงขั้นที่เหนือกว่าหยวนหง มหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ ยุทธวิชัยพุทธะ
เฟิงอวิ๋นเซิงใช้ทุกวิธีเพื่อบรรลุเป้าหมาย ดาบแรกที่อันตรายที่สุดเล็งที่ปีศาจลมเหลือง
จากนั้นก็สำเร็จในหนึ่งดาบ!
ตั้งแต่เริ่มการต่อสู้มา ยอดฝีมือชั้นมหาชาลอันดับแรกที่ตกตาย มิได้มาจากสำนักเต๋า และมิได้มาจากศาสนาพุทธ แต่ว่ามาจากเผ่าปีศาจที่คิดทำตัวเป็นชาวประมงได้ผลประโยชน์
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ส่งเสียงกู่ร้อง สะบัดสองปีก มิติเวลาปั่นป่วน ยังคงติดตามเฟิงอวิ๋นเซิงไม่ยอมลดละ
หลังจากเสียท่าครั้งใหญ่ เผ่าปีศาจก็ไม่ให้ตัวตนอย่างเฟิงอวิ๋นเซิงมีโอกาสลงมือเป็นครั้งที่สอง
ดาบเมื่อครู่นี้ แม้แต่เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ก็สัมผัสไม่ทัน
ถ้าหากว่าฟันใส่เขา ภายใต้รังสีสังหารที่ครอบคลุม บางทีเขาอาจสัมผัสได้เร็วขึ้นเล็กน้อย
แต่พอฟันใส่คนอื่น วินาทีที่เผชิญอันตราย ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้ถูกลอบสังหารเอง
ทว่าเฟิงอวิ๋นเซิงขึ้นสู่มหาชาล สามบุปผาบนกระหม่อม พลังเดิมก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว
นางลอบสังหารอีกครั้ง ฟันดาบสุดกำลัง ถ้าไม่มีการเตรียมตัว ประสบการจู่โจมกระทันหัน นับผู้เข้มแข็งจากสามฝ่ายที่อยู่ที่นี่ คนที่มีโอกาสรอดชีวิตมีไม่กี่คน
เผ่าปีศาจไม่มีของวิเศษคุ้มกันอย่างธงวิเศษบัวเขียว ย่อมป้องกันการลอบสังหารที่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่นี้ไม่ได้
กล่าวอีกมุมหนึ่ง ต่อให้ต่อจากนี้เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ลงมืออีก ขอแค่มีการคุกคามไร้รูปร่างนั้น ก็มากพอจะทำให้คนอื่นๆ เกิดข้อกริ่งเกรง ลงมือได้ไม่เต็มที่แล้ว
แม้แต่ทีปังกรพุทธะตอนนี้ก็แบ่งมุกค้ำทะเลออกมาหกเม็ด ห้อมล้อมไว้ตั้งแต่บนล่างและสี่ทิศ ฟาดใส่เฟิงอวิ๋นเซิง ช่วยเหลือเผิงท่องเมฆหมื่นลี้
สั่วหมิงจางกู่ร้องสดใส ยื่นฝ่ามือออกมากวักกลางอากาศ
แสงดาวดับลง ความมืดที่เปล่าเปลี่ยวเย็นเยียบกลายเป็นเจ้าชีวิต กลบฝังความว่างเปล่า เหมือนหลุมฝังศพอันเงียบสงัดที่ขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง
ความมืดครอบคลุม มุกค้ำทะเลหกเม็ดที่พุ่งใส่เฟิงอวิ๋นเซิงพลันช้าลงจังหวะหนึ่ง
เมื่อไม่มีมุกค้ำทะเลขวางทาง หลังจากเฟิงอวิ๋นเซิงปะทะกับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้หนึ่งกระบวนท่า ก็เก็บดาบ เหวลึกโกลาหลที่แปลงกลายหดตัวลงเป็นจุดหนึ่ง วินาทีนี้เหมือนกับสูญเสียนิยามของมิติและตำแหน่ง ล่องลอยยากตรวจจับ
จุดสุดท้ายนี้ส่ายไหวเบาๆ กำลังจะหายไป
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้เห็นดังนั้น แค่นเสียงคำหนึ่ง วูบไหวร่างทันที
ตอนที่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ฟ้าดินเหมือนกับเพิ่มนกเผิงยักษ์ปีกทองไม่ต่ำกว่าหนึ่งตัว ปรากฏขึ้นในแต่ละมิติเวลา
ในเมื่อไม่อาจรั้งเฟิงอวิ๋นเซิงได้ในทันที เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจปล่อยให้เฟิงอวิ๋นเซิงจูงจมูกได้ต่อ เปลี่ยนจากฝ่ายถูกกระทำเป็นฝ่ายกระทำ แสดงความถนัดของตัวเอง โจมตีค่ายกลลงทัณฑ์เซียนกับคนอื่นๆ
นอกจากหยางเจี่ยนกับสั่วหมิงจางแล้ว ข้างๆ คนอื่นต่างปรากฏเงาร่างของเผิงท่องเมฆหมื่นลี้หนึ่งสาย
มีโจมตีใส่เยี่ยนตี๋ มีโจมตีใส่จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ และกายทองมหาเทวะสามร่าง แต่ละตนต่างล้มเหลว
ถึงกับมีนกเผิงยักษ์ปีกทองตัวหนึ่งอ้อมคนจากสำนักเต๋า พุ่งไปหาค่ายกลลงทัณฑ์เซียน
แต่ว่าตรงหน้านกเผิงยักษ์ปีกทองตนนี้พลันมีเงาร่างของหยางเจี่ยนโผล่วูบขึ้น ขวางทางไปของเขา
สถานที่อื่นๆ มีร่างของหยางเจี่ยนวูบไหวขึ้นเช่นกัน เล็งเป้าหมายไปที่เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ ดำเนินการขัดขวาง
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้เดือดดาล สะบัดปีกสองข้าง ความเร็วพุ่งสู่จุดสูงสุด เคลื่อนย้ายมิติเวลา ต่อสู้กับหยางเจี่ยน
ร่างของหยางเจี่ยนภายใต้เงาแสงนกเผิงยักษ์ปีกทองที่ครอบคุลเป็นภูติผียากตรวจจับ ไม่ด้อยไปกว่าเผิงท่องเมฆหมื่นลี้
ทว่าอีกด้านหนึ่ง เหล่านักบวชจากศาสนาพุทธอย่างยุทธวิชัยพุทธะกับมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ ยกธงวิเสษบัวเขียวขึ้นกระแทกใส่พุทธเกษตรกลางฝ่ามือที่หยางเจี่ยนกลายเป็นมหาพุทธะแล้วใช้ขึ้น กำลังจะกระโดดออกมา
จอมปีศาจเช่นหยวนหงและเซียนหัวมังกรไร้ข้อกริ่งเกรง บินไปหาค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเช่นกัน
หยางเจี่ยนเปลี่ยนร่างต้องการหยุดยั้ง กลับมีเผิงท่องเมฆหมื่นลี้เปลี่ยนมาโจมตีขัดขวางเขาจากทุกทิศทุกทาง
เหวลึกโกลาหลโผล่มาอีกรอบ ประกายดาบสิ้นสูญมาถึงใหม่
เฟิงอวิ๋นเซิงออกดาบครั้งแรก ยังคงไม่มีร่องรอยให้ตรวจจับ ไม่มีเค้าลางแม้แต่น้อย
กระดิ่งสั่นวิญญาณดังขึ้น ประสานกับดาบลอบสังหารนี้อย่างลงตัว
เซียนหัวมังกรเพียงจิตใจชะงักเล็กน้อย ประกายดาบก็มาถึงศีรษะแล้ว
สุดท้ายนับว่าก่อนหน้ามีบทเรียนจากปีศาจลมเหลือง ทำให้เซียนหัวมังกรที่ระแวดระวังตลอดเวลาไม่ถึงกับไร้การป้องกันโดยสิ้นเชิง
แต่เขาก็ทันแค่เบี่ยงตัวหลบ ไหล่เกิดความเจ็บปวด คมดาบที่เหมือนความสิ้นสูญไม่เห็นการป้องกันจากกายเนื้ออันแข็งแกร่งของจอมปีศาจระดับสุดยอดในสายตา ผ่าเลือดเนื้อกับปราณปีศาจของเซียนหัวมังกรเหมือนกับตัดเต้าหู้
ในตอนนี้ กลางอากาศพลันมีเปลวไฟสีทองผสมแดงปรากฏ ถึงกับเหมือนสามารถทะลวงความว่างเปล่าอันโกลาหล
แก่นของไฟหลีก่อนกำเนิด!
เป็นลู่ยาเต้าจวินในที่สุดก็ลงมือ
เขายืนอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนไหว แต่รอบๆ ร่างเซียนหัวมังกรที่อยู่ห่างไป พลันปรากฏไฟหลีก่อนกำเนิด โจมตีใส่เฟิงอวิ๋นเซิง ช่วยเซียนหัวมังกรคลายวงล้อม
เฟิงอวิ๋นเซิงสั่นประกายดาบ ดีดไฟก่อนกำเนิดสีแดงฉานออกไป
ในตอนนี้ เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ปรากฏกายในฉับพลัน กำลังจะโผล่ขึ้นด้านข้างเฟิงอวิ๋นเซิง
“จับเจ้าได้แล้ว!” ในเสียงตวาด เผิงท่องเมฆหมื่นลี้คว้ากรงเล็บสองข้างลง สองปีกพัดวายุเย็นเยียบ ป้องกันหยางเจี่ยน
“เป็นข้าจับท่านได้!” ครั้งนี้เฟิงอวิ๋นเซิงกลับมิได้ถอยหลัง ประกายดาบหยุดชะงักวูบหนึ่ง กลับระเบิดขึ้นมาอีกขั้น!
เหวลึกไร้แสงไร้ความมืดกลับมาครอบคลุมเผิงท่องเมฆหมื่นลี้!
พอถูกประกายดาบนั้นสาดใส บนร่างของเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ก็เหมือนเกาะด้วยหมอกน้ำที่พร่ามัวไม่ชัดเจนชั้นหนึ่ง
เงาแสงของนกเผิงยักษ์ปีกทองทั้งหลายในธารสวรรค์ ตอนนี้พากันมืดหม่น กำลังจะสูญหาย
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้หัวเราะเย็นชา ออกแรงที่สองกรงเล็บ ถึงกับฉีกเหวลึกโกลาหลเป็นร่องแยก
ทว่าเฟิงอวิ๋นเซิงไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว ยกดาบพุ่งเข้าไปแลกกระบวนท่า รั้งเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ไว้ในเหวลึกโกลาหล
หนึ่งคนหนึ่งปีศาจตะโกนพร้อมกัน สู้กันเป็นพัลวัน
เมื่อไม่มีนกเผิงยักษ์ปีกทองขวางทาง หยางเจี่ยนร่างเปล่งแสง หยุดคนอื่นๆ ไว้อีกครั้ง
ทว่าเขามิได้ผ่อนคลายจิตใจ จับตาดูลู่ยาเต้าจวินที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
นอกจากก่อนหน้าช่วยแก้ไขวงล้อมให้แก่เซียนหัวมังกร จึงลงมือครั้งหนึ่งแล้ว ผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดท่านนี้ก็ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวมาตลอด เพียงแต่เหมือนบริกรรมท่องคาถา
เวลานี้ลู่ยาเต้าจวินพลันหัวเราะ ยกมือขึ้นโยนวัตถุหนึ่งออกมา
พวกเยี่ยนจ้าวเกอกับหยางเจี่ยนเพ่งตามองไป กลับเป็นหุ่นฟางตัวหนึ่ง!
หยางเจี่ยนจิตใจเต้นระทึก วูบไหวร่างหมายจะขัดขวาง
แต่ไฟก่อนกำเนิดลุกไหม้ขึ้นรอบๆ ตัวลู่ยาเต้าจวินและหุ่นฟาง เผาทะลวงมิติเวลา ขัดขวางเส้นทางของหยางเจี่ยน
ต่อจากนั้นลู่ยาเต้าจวินพาดลูกศรกับเกาฑัณฑ์ หัวลูกศรเล็งที่หุ่นฟาง ก่อนจะยิงออกไป!