ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1613 สินสงคราม
ยุคสมัยอันโกลาหลก่อนที่ธรรมชาติจะถูกสร้าง กับยุคบุพกาลที่ธรรมชาติเพิ่งถูกสร้าง การต่อสู้โหดร้ายรุนแรงกว่าในปัจจุบันมาก
ไม่เพียงแต่สิ่งมีชีวิตโบราณกับยอดฝีมือที่เกิดก่อนการผ่าฟ้าจำนวนมากตายลง ถึงขั้นยังมีผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาเสียชีวิต
บรมครูสามพิสุทธิ์สำนักเต๋าสามารถยึดครองตำแหน่งแข็งแกร่งในยุคสมัยนั้นได้ ความยิ่งใหญ่ของอานุภาพเป็นที่เห็นได้ชัด
มาถึงยุคโบราณตอนต้นในภายหลัง ผู้ยิ่งใหญ่อย่างทีปังกรพุทธะกับลู่ยาเต้าจวินหันมาศึกษาสำนักเต๋า ยิ่งสร้างสภาวะยิ่งใหญ่ขึ้น
ต่อให้เกิดสงครามสถาปนาเทพ เป็นความขัดแย้งภายในสำนักเต๋า ภายหลังยังคงสร้างวังเทพขึ้นได้
บรมครูสามพิสุทธิ์ยิ่งรวมเป็นหนึ่งแล้วหลุดพ้นไปในช่วงปลายของยุคโบราณตอนต้น
แต่ว่าเป็นเพราะการหลุดพ้นของบรมครูสามพิสุทธิ์ หากใช้ช่วงคาบเกี่ยวของยุคโบราณตอนต้นกับยุคโบราณตอนกลางเป็นสันเขากั้นน้ำ สภาพของสำนักเต๋ามิได้รุ่งเรืองเช่นก่อนหน้าอีก
ตั้งแต่ช่วงต้นของยุคโบราณตอนกลาง มาจนถึงมหาภัยพิบัติในยุคปัจจุบัน หากบอกว่าเป็นกระบวนการรุ่งเรืองแล้วตกต่ำของสำนักเต๋า ก็ไม่ถือว่าเกินเลย
ภายหลังจะยิ่งใหญ่ถึงขีดสุด หรือว่าตกต่ำต่อไป ขึ้นอยู่กับคนรุ่นหลังอย่างพวกเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว
ปัจจุบันสร้างค่ายกลลงทัณฑ์เซียนได้สำเร็จ นับเป็นการเปิดประตูความรุ่งเรืองของสำนักเต๋าอย่างเป็นทางการ ตรงหน้าไม่ใช่แสงอรุณเล็กน้อยที่ทำให้คนหวาดหวั่นพรั่นกลัว ได้แต่แอบหวังอยู่ลึกๆ อีกต่อไป แต่เป็นแสงว่างผืนหนึ่งอย่างแท้จริง
เพียงแต่ว่า แสงสว่างนี้จะสว่างขึ้นเรื่อยๆ หรือว่าปรากฏขึ้นเพียงแวบเดียว ยังต้องดูกันต่อไป
แต่ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร วันนี้ก็มีความหมายเชิงประวัติศาสตร์แล้ว
“ขนาดแข็งแกร่งอย่างมารสวรรค์ธรรมชาติกับใต้เท้ากษัตริย์ซีเจ้ามรรคาสองคนยังเสียชีวิตได้ พวกเราอย่าได้ย่ามใจ” นางเซียนอวิ๋นเซียวกล่าวพลางมองพิณฝูซีที่สายพิณขาดไปหมดแล้วบนมือของพระอาจารย์เสวียนตู
เยี่ยนจ้าวเกอแตะนิ้วกับริมฝีปาก ทอดถอนใจเงียบๆ
จนถึงตอนนี้ ผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาที่ได้ยืนยันการตายแล้ว มีทั้งสิ้นสองคน ล้วนเสียชีวิตในยุคบุพกาลทั้งสิ้น
คนแรกเป็นมารสวรรค์ธรรมชาติ คนที่สองเป็นกษัตริย์ซี หนึ่งในสามกษัตริย์โบราณ
จะว่าไป ตอนที่สามพิสุทธิ์สำนักเต๋ายังแข็งแกร่ง ตามเหตุผลแล้ว ย่อมสร้างความกริ่งเกรงให้เจ้ามรรคาคนอื่นๆ จนผนึกกำลังรับมือ
ทว่าเวลาก็ดีชีวิตก็ดี มีคนที่ดึงดูดความเกลียดชังยิ่งกว่าพวกเขา
ตอนแรกมีวิถีมารยืนอยู่ตรงข้ามกับคนทุกคนก่อนการเปิดฟ้า ถูกสามพิสุทธิ์สำนักเต๋า สามกษัตริย์โบราณ และสองศาสดาแห่งนิกายตะวันตกร่วมมือกันสยบ
ภายหลังกษัตริย์ซีกลายเป็นเป้าหมายของทุกฝ่าย
การคำนวณก่อนกำเนิดแห่งฝูซีที่ดั้งเดิมที่สุดสูญหายไปนานแล้ว แต่ต่อให้มาถึงวันนี้ ก็ยังคงมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่
ในฐานะตัวตนที่วิชาการอนุมานแข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคา กษัตริย์ซีสร้างความกริ่งเกรงให้แก่ทุกคน
เขาไม่อาจทำนายอดีตและอนาคตของเจ้ามรรคาคนอื่นๆ ได้หมดจริงๆ แต่แค่การแอบมองส่วนหนึ่ง ก็มากพอจะดึงดูดความเกลียดชังได้แล้ว
การหลุดพ้นของระดับมรรคา ก็มีการแก่งแย่งเช่นกัน
กษัตริย์ซีที่เชี่ยวชาญการอนุมานกลายเป็นศัตรูของส่วนรวมที่สมควรถูกกำจัดทิ้งในสายตาของเจ้ามรรคาคนอื่นๆ
ว่ากันว่านอกจากกษัตริย์วาและอามิตาภพุทธเจ้าแล้ว แม้แต่กษัตริย์บูรพาไท่อี้ที่เป็นสามกษัตริย์โบราณเหมือนกัน ต่างก็เข้าร่วมการกลุ้มรุมกษัตริย์ซี
กษัตริย์ซีแม้ว่าจะทำนายทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่เมื่อเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาเหมือนกัน ล้วนมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ แม้จะด้อยกว่ากษัตริย์ซี ทว่าก็ไม่แตกต่างกันมากนัก
ทุกคนร่วมมือกันโจมตี สุดท้ายกษัตริย์ซีก็เสียชีวิต
พิณฝูซีชำรุดเพราะสาเหตุนี้ ตอนแรกตกไปอยู่ในมือกษัตริย์บูรพาไท่อี้ ต่อมาลู่ยาเต้าจวินเป็นผู้ครอบครอบ สุดท้ายแลกเปลี่ยนกับหยางเจี่ยน จนกระทั่งสงครามในวันนี้ จึงค่อยได้แสดงความสามารถ
“ไม่ว่าที่ลู่ยาเต้าจวินมอบพิณฝูซีชำรุดให้เราเป็นเพราะมีแผนการใด ครั้งนี้ที่พวกเราทำสำเร็จได้ ของวิเศษชิ้นนี้ก็มีส่วนช่วยเหลือ” เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจกล่าว
ครั้งนี้ธงหกวิญญาณขวางเจ้ามรรคาสามคน แต่ไม่อาจขวางคนคนเดียวกันได้สามครั้ง
สายพิณสี่เส้นของพิณฝูซีชำรุดไม่อาจขวางเจ้ามรรคาสี่คนซ้ำกันได้ ทว่าตอนที่เผชิญกับคนคนเดียว สามารถดีดได้สี่ครั้ง
เป็นเพราะการดำรงอยู่ของของวิเศษสองชิ้นนี้ ครั้งนี้สำนักเต๋าสายหลักจึงค่อยถอนเขี้ยวจากปากเสือ ชิงกระบี่สังหารเซียน ซ้ำยังถอยออกมาได้อย่างปลอดภัย ในสถานการณ์ที่มีเจ้ามรรคาอยู่
ปัจจุบันสายพิณทุกเส้นขาดหมดสิ้น วันนี้พิณฝูซีได้ความน่าอัศจรรย์ใดอีก เหมือนกับพิณพังทั่วไปคันหนึ่ง
ทว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอยังคงคารวะต่อพิณฝูซี “ต่อจากนี้ ขอให้เก็บของชิ้นนี้ไว้ในวังดุสิต กลับคืนสู่ความสงบเถอะ”
พอนึกถึงว่าการตายของกษัตริย์ซีในตอนนั้นมีบรมครูสามพิสุทธิ์เข้าร่วมเช่นกัน ปัจจุบันกลับเป็นพิณฝูซีชำรุดช่วยสำนักเต๋าสายหลักก้าวเท้าก้าวสำคัญ พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกซับซ้อนอยู่ชั่วขณะ
“นอกจากพิณฝูซีแล้ว ธงหกวิญญาณจำเป็นต้องมีเจ้ามรรคาจึงจะเขียนชื่อเซ่นหลอมด้านบนได้ สำหรับพวกเราแล้ว นอกจากเหล่าจวินจะลงมือ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีหวัง” ครู่ต่อมา หยางเจี่ยนก็เอ่ยขึ้น
เขาทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งหันไปทางเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจความหมายของเขา หัวเราะหนักใจคำหนึ่ง “ถึงจะต้านมหาวิทยราชมยุรีไว้ได้ แต่ว่าเพทภัยภายหลังมีมากมาย ในกาลเวลาที่ยาวนานอยู่บ้าง มหาเทวะเสมอฟ้ายากจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ต่ำกว่าสิบปีหรือร้อยปี”
“ต่อให้แสดงร่างที่แท้จริงของมหาเทวะเสมอฟ้าได้อีกครั้ง ก็ไม่อาจประสานกับศิลาดินกำเนิดได้อีกนาน”
ทุกคนพอฟัง ต่างส่ายหน้าถอนใจ
เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “ถึงแม้จะไม่ใช่หนึ่งยุคใช้ได้หนึ่งครั้งเหมือนคัมภีร์ตะปูเจ็ดเกาทัณฑ์ของลู่ยาเต้าจวิน แต่ว่าเวลาเว้นช่วงก็นานมาก ไม่อาจฝากความหวังไว้ชั่วคราว ยังดีที่ตอนนี้พวกเรามีค่ายกลลงทัณฑ์เซียน”
“หนำซ้ำคู่ต่อสู้ของพวกเรายังสูญเสียหนักยิ่งกว่า ตรงกันข้ามพวกเรายังได้ประโยชน์มามากมาย” พูดถึงตรงนี้ เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ “พี่ร่วมเส้นทางเกา สร้างความลำบากแก่ท่านแล้วจริงๆ”
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ยิ้มจางๆ กางแขนเสื้อ เงาคนสายหนึ่งกระโดดออกมาจากด้านใน ถึงกับเป็นเกาหาน
เกาหานประคองน้ำเต้าใบหนึ่งไว้ในมือ ปากน้ำเต้ามีแสงสีม่วง ขาว ทองเหลืองส่องสว่าง
เป็นมีดบินสังหารเซียนของลู่ยาเต้าจวิน กับหยกหรูอี้ไตรรัตนะที่ผนึกมีดบินสังหารเซียนชั่วคราว
เผชิญกับสีหน้าคล้ายยิ้มไม่คล้ายยิ้มของเยี่ยนจ้าวเกอ เกาหานกล่าวตรงไปตรงมา “ข้าผู้แซ่เกาก็เสี่ยงอันตรายเช่นกัน ถึงอย่างไรยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่รอบๆ ก็มีมากเกินไป ที่ทำสำเร็จ ล้วนอาศัยโชค นอกจากนี้ยังต้องขอบคุณเทวกษัตริย์น้อยที่ปรานี”
ทุกคนในธารสวรรค์สู้รบกันดุเดือด ในช่วงที่รุนแรงที่สุดยากจะสนใจสิ่งอื่น
เกาหานลอบเข้าไปในธารสวรรค์ มิได้เข้าใกล้สนามรบที่แท้จริง คอยแอบอยู่ด้านข้าง เห็นมีดบินสังหารเซียนถูกหยกหรูอี้ไตรรัตนะกระแทกตกลงไปลอยจมในธารสวรรค์ ยากค้นหาร่องรอย
รอค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งถูกค่ายกลลงทัณฑ์เซียนบดขยี้โดยสมบูรณ์ เกาหานก็ฉวยโอกาสนำน้ำเต้ามา
สุดท้ายธารสวรรค์ถูกค่ายกลลงทัณฑ์เซียนพลิกคว่ำ เกาหานย่อมตกเข้าไปในค่ายกลลงทัณฑ์เซียน มีจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋คุ้มครอง จากนั้นก็ถูกนำตัวมายังสวรรค์หลีเฮิ่น
“ท่านนับว่าหาประโยชน์ในความเสี่ยง เปลืองสมองมากแล้ว” เยี่ยนนจ้าวเกอมองจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กับเกาหานไปมา
ขณะนี้จักรพรรดิโกวเฉินมองจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ แต่ว่าสยตาสงบนิ่งยิ่ง เพียงถอนใจเบาๆ คำหนึ่ง
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋เก็บแสงที่ปากน้ำเต้า แสงสว่างนั้นกลายเป็นหยกหรูอี้ที่ส่องแสงสามสี
“ของล้ำค่าชิ้นนี้มีความหมายสำคัญต่อข้า ขออภัยสหายร่วมเส้นทางทุกท่าน โปรดมอบให้ข้าเถอะ” จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กล่าว “ของนอกจากสิ่งนี้ ข้าไม่ขอสักชิ้นเดียว”
ขณะที่พูด ใบหน้าเขาก็ปรากฏเส้นแสงห้าสี
หลังจากแสงหายไป ก็ปรากฏไข่มุกชิ้นหนึ่ง ทั้งหนึกอึ้งและกว้างไกล เหมือนกับถูกซ่อนอยู่ในจักรวาลแห่งหนึ่ง
เป็นไข่มุกค้ำทะเลชิ้นหนึ่ง