ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1621 วันนี้ไม่เหมือนอดีต
ในสวรรค์ไท่ซู่ บนต้นชบาศักดิ์สิทธิ์ ลู่ยาเต้าจวินส่ายหน้า เหล่าจอมปีศาจด้านหน้าเขาล้วนเงียบงัน
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ที่เป็นผู้นำสีหน้าดำคล้ำเป็นอย่างยิ่ง
ระหว่างเขากับจอมยุทธสำนักเต๋า ไม่เพียงแต่การแข่งขันระหว่างขุมกำลังเบื้องหลังแต่ละฝ่ายเท่านั้น ยังมีบุญคุณความแค้นส่วนตัวด้วย
ฝูหลัวจื่อบุตรคนเดียวของเขาตอนนั้นตายเพราะค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งพวกเยี่ยนจ้าวเกอกางขึ้น
หลายปีมานี้ เผิงท่องเมฆหมื่นลี้วางแผนหาโอกาสแก้แค้นมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยสมปรารถนา
ตอนนี้จักรวาลสำนักเต๋าที่บุกเบิกขึ้นใหม่ตั้งอยู่ตรงนั้นอย่างเปิดเผย
แต่ว่าตอนนี้เผิงท่องเมฆหมื่นลี้จำเป็นต้องไตร่ตรองให้ดีค่อยกระทำ
เขาคับข้องใจต่อการรำพึงรำพันของลู่ยาเต้าจวินถึงขีดสุด แต่ก็มีแต่ความเงียบงันเหมือนเดิม
เนิ่นนานให้หลัง เผิงท่องเมฆหมื่นลี้เอ่ยปากกล่าวว่า “ข้าจะไปแดนอภิรดีศูนย์กลาง ดูว่าจะแลกเปลี่ยนสารีริกธาตุศรีศากยมุณีจากพระศรีอริยเมตไตรยได้หรือไม่”
“มหาเทวะเสมอฟ้าแม้นจะแข็งแกร่ง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เขาตัวจริง ตอนนี้ผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ใช่ว่าจะแสดงร่างที่แท้จริงของเขาได้ต่อ” เผิงท่องเมฆหมื่นลี้เสียงแหบหยาบ แสดงให้เห็นความมุ่งร้าย “ไม่ ในเวลาอันยาวนาน พวกเขาไม่อาจแสดงร่างที่แท้จริงของมหาเทวะเสมอฟ้าได้อีก!”
“ความแข็งแกร่งด้านพลังของมหาวิทยราชมยุรี พวกเราล้วนสู้ไม่ได้ แต่ว่าถึงแม้ผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์จะไม่มีมหาเทวะเสมอฟ้า คนอื่นๆ กลับไม่อาจดูแคลน” ลู่ยาเต้าจวินถอนใจเบาๆ “หากปล่อยให้หยางเจี่ยนสู้หนึ่งต่อหนึ่งกับมหาวิทยราชมยุรี ถึงจะสู้ไม่ได้ ก็เกรงว่าไม่ใช่แบ่งผลแพ้ชนะออกมาได้ในเวลาสั้นๆ ทั้งข้ากลับไม่มีมีดบินสังหารเซียนคอยสะกดเขาไว้อย่างยาวนาน”
ลู่ยาเต้าจวินส่ายหน้า “คนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ถึงสงครามก่อนหน้าจะโผล่ขึ้นมาเพียงแวบเดียว แต่มองออกว่า เขาค่อยๆ หาวิธีรับมือมีดบินสังหารเซียนเจอแล้ว ยิ่งผ่านไปยิ่งไม่เกรงกลัว”
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ใบหน้าเคร่งขรึม หลังเงียบงันครู่นหนึ่งค่อยกล่าวว่า “ถ้ามีแค่พี่ชายข้าเพียงคนเดียว ก็อาจจะดูโดดเดี่ยวไปบ้าง แต่ว่าเมื่อมีคนอื่นๆ คอยช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง สภาพการณ์ย่อมไม่เหมือนเดิม”
“การช่วงชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนในครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเวลาเร่งรัด ไม่อนุญาตให้พวกเราค่อยๆ วางแผน ผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์สายหลักไม่มีทางทำสำเร็จ”
เขากล่าวอย่างแช่มช้า “เมื่อไม่มีค่ายกลลงทัณฑ์เซียน เพียงต้านไว้ระยะหนึ่ง ในที่สุดผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ก็จะรับการกลุ้มรุมจากหลายฝ่ายไม่ไหวเอง”
การดำรงอยู่ของค่ายกลลงทัณฑ์เซียน เปลี่ยนแปลงสภาพของคนในสำนักเต๋าโดยสิ้นเชิง
แต่ว่าในทางกลับกัน ยังมีการข่มขวัญชนิดหนึ่งเพิ่มมา
โดยเฉพาะการสะกดที่เห็นพ้องตรงกันต่อเจ้ามรรคาทั้งหลาย
การสะกดแบบนี้ ในมุมหนึ่งแล้ว ส่งผลต่อกันและกัน เจ้ามรรคาเป็นเช่นนี้ ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเป็นเช่นนี้
ผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาไม่สอดมือ การต่อสู้ของขุมสกำลังต่างๆ ที่ระดับต่ำกว่าชั้นมรรคา ยังต้องดูความสามารถของยอดฝีมือแต่ละฝ่าย
“ก่อนจะกลับมาที่นี่ ข้าติดต่อพวกมหาเทวะนพยวิญญาณให้กลับแล้ว” ลู่ยาเต้าจวินกล่าวอย่างเรียบเฉย “ถ้าหากทีปังกรฉลาด ก็จะตัดสินใจอย่างเดียวกัน”
“ระหว่างแดนอภิรดีศูนย์กลางกับโถงเซียน การศึกไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่ว่าพวกเรากับแดนสุขาวดีตะวันตก ไม่ว่าภายหลังเป็นอย่างไร ตอนนี้การหยุดสงครามชั่วคราวถือว่าวิเศษสุด”
“ทางผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์เป็นอย่างไร กล่าวตอนนี้ยังเร็วไป ต้องจับตาดูไปก่อน”
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ได้ยินคำพูดของลู่ยาเต้าจวิน สีหน้าไม่ได้ดูดี แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ระหว่างพวกปีศาจสนทนากัน เมฆดำสายหนึ่งข้ามจักรวาลอันกว้างใหญ่ของเขาดาราทะเลดวงดาว พุ่งลงมาในสวรรค์ไท่ซู่
เมฆดำที่บดบังท้องฟ้าและดวงตะวันเข้ามาในสวรรค์ไท่ซู่ ก็หดเล็กลงทันที ไปที่แดนลี่กว่าง สักพักหนึ่งก็ลงมาจากฟากฟ้า มุ่งไปยังต้นชบาศักดิ์สิทธิ์
เมฆดำหายไป หยุดอยู่บนลำต้น เผชิญหน้ากับพวกลู่ยาเต้าจวินกับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้
ระหวางชั้นเมฆอันขมุกขมัว ปรากฏร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่ง ร่างเป็นคนหัวเป็นสิงโต สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกเกรงกลัวยิ่งกว่าก็คือ บนร่างคนนั้นถึงกับเหมือนมีหัวสิงโตอยู่เก้าข้าง
หัวสิงโตน่าเกรงขาม กลับไม่ดุร้าย บุคลิกเรียบร้อย ล้ำลึกเหมือนสายน้ำตั้งตระหง่านราวขุนเขา
เพียงแต่ในตาทั้งสิบแปดข้างมีแสงโลหิตกะพริบ เหมือนกับบึงเลือดสิบแปดบึง ล้ำลึกเย็นชา
เป็นปฐมเทวะนพวิญญาณ สิงโตเก้าหัวที่เคยเป็นพาหนะของเทวกษัตรย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอด
หลังมหาภัยพิบัติ เทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดประสบเพทภัย ปฐมเทวะนพวิญญาณโชคดีรอดมาได้ เข้าสู่เขาดาราทะเลดวงดาว
ปกติเขาจะเร้นกาย เพิ่งปรากฏตัวเมื่อไม่นานมานี้
ก่อนหน้านี้มีการช่วงชิงเกี่ยวกับค่ายกลลงทัณฑ์เซียน เขาก็มิได้เข้าร่วม แต่บัญชาเผ่าปีสาจส่วนหนึ่ง ต่อสู้กับนักบวชศาสนาพุทธอย่างพระโพธิสัตว์กวนอิม วัชรอภิณฑ์พุทธะแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกต่อ
ปัจจุบันการช่วงชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนปิดฉากลงแล้ว สถานการณ์ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สงครามระหว่างเผ่าปีศาจกับแดนสุขาวดีตะวันตกจบลงชั่วคราว
ปฐมเทวะนพวิญญาณบัญชาจอมปีศาจตนอื่นกลับเขาดาราทะเลดวงดาวก่อน
“สหายเก้าวิญญาณคุยธุระกับใต้เท้ากษัตริย์บูรพาแล้ว?” ลู่ยาเต้าจวินถาม
ปฐมเทวะนพวิญญาณที่มีศีรษะเก้าข้าง หัวเป็นสิงโตตัวเป็นคนกล่าว “มิผิด”
เขามองลู่ยาเต้าจวิน ก่อนจะมองเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ “ต้องสงบศึกกับแดนสุขาวดีตะวันตก ร่วมมือกันรับมือสำนักเต๋าสายหลักก่อนหรือ?”
“ต่อจากนี้จะปฏิบัติต่อผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์อย่างไร กล่าวตอนนี้ยังเร็วไป” ลู่ยาเต้าจวินว่า “ทว่าอย่างน้อยในเวลาอันสั้น ก็ไม่พัวพันแดนสุขาวดีตะวันตกต่อมากเกินไป คอยจับตาดูโถงเซียนกับแดนอภิรดีศูนย์กลางก็พอ”
ลู่ยาเต้าจวินพูดพลางยิ้ม “ถึงอย่างไร พวกเราไม่สอดมือ แดนสุขาวดีตะวันตกไม่สอดมือ แดนอภิรดีศูนย์กลางจะได้ยึดครองความได้เปรียบแน่”
ร่างของปฐมเทวะนพวิญญาณเหมือนครอบคลุมอยู่ในเมฆดำ “ไม่ว่าพี่ร่วมเส้นทางท่านจะตัดสินใจอย่างไร ข้าล้วนไม่ถือสา แต่คิดสร้างความลำบากแก่สำนักเต๋าสายหลัก อย่าได้คำนวณข้าเข้าไปด้วย”
“ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ข้าล้วนไม่มีความต้องการจะเข้าร่วม เพียงแต่ว่าครั้งกระโน้นชีวิตหลานของข้ามอดม้วยด้วยน้ำมือของซุนเห้งเจีย เขากลายเป็นยุทธวิชัยพุทธะ ปัจจุบันอยู่บนแดนอภิรดีศูนย์กลาง ข้าต้องการแก้แค้นให้ผู้หลาน ดังนั้นจะออกเขาไปสักเที่ยว”
ลู่ยาเต้าจวินได้ยินก็กล่าวว่า “ไม่เป็นไร สหายร่วมเส้นทางนพวิญญาณตามสบาย”
“ขอลาแล้ว” ร่างสิงโตห้าคนกลืนหายไปในเมฆดำ บินไปจากต้นชบาศักดิ์สิทธิ์
รอปฐมเทวะนพวิญญาณไปแล้ว ลู่ยาเต้าจวินสีหน้าสงบนิ่ง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ หันไปพูดกับพวกเผิงท่องเฆหมื่นลี้ “คอยจับตาดูทางผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ไปก่อน แต่อย่าได้ทำอะไรวู่วาม”
จอมปีศาจทั้งหลายรวมถึงเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ แม้จิตใจจะไม่ยินยอม แต่ล้วนทราบว่าสถานการณ์ใหญ่ในปัจจุบันไม่แน่นอน ต้องคอยสังเกต พอได้ยินคำพูดของลู่ยาเต้าจวิน ก็พากันพยักหน้า แล้วค่อยแยกย้าย
ลู่ยาเต้าจวินนั่งอยู่บนลำต้น หลับตาใคร่ครวญ
ครู่ต่อมา เขาลืมตาขึ้น
มหาเทวะอีกาทองปรากฏขึ้น ยืนนิ่งอยู่ข้างเขา
“ส่งของสิ่งนี้ไปให้สามพิสุทธิ์สายหลัก” ลู่ยาเต้าจวินพูดพลางหยิบหุ่นฟางตัวหนึ่งออกมา
ลูกศรเล่มหนึ่งติดอยู่กลางหว่างคิ้วหุ่นฟาง รอยเลือดแห้งกลังเป็นสีดำสนิท
“ตัวอู๋ตังทราบวิธี นี่ช่วยให้นางรักษาตัวได้เร็วขึ้น เจ้านำคำพูดข้าไปมอบให้นาง ในมือข้ามีของที่นางสนใจ” ลู่ยาเต้าจวินกล่าวจบ ก็ส่งหุ่นฟางให้มหาเทวะอีกาทอง
มหาเทวะอีกาทองรับไว้อย่างนอบน้อย แล้วบินออกจากต้นชบาศักดิ์สิทธิ์
ลู่ยาเต้าจวินยิ้ม พึมพำเบาๆ กับตัวเอง “ในเมื่อวันนี้ไม่เหมือนในอดีต ก็ไม่อาจใช้สายตาเก่ามองคนได้อีกต่อไป ต้องมีการเตรียมตัวบางส่วนถึงจะถูก”
ขณะเดียวกัน ในแดนสุขาวดีตะวันตก กลางพุทธเกษตรแดนสุขาวดีของทีปังกรพุทธ พุทธะผู้เก่าแก่ขณะนี้กำลังสนทนากับพระโพธิสัตว์กวนอิม วัชรอภิณฑ์พุทธะ ยุทธวิชัยพุทธะ
“ตอนนี้สภาพของผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์กลับเป็นอิสระมากกว่าพวกเราแล้ว” ทีปังกรพุทธะกล่าวอย่างผ่อนคลาย