ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1624 กลยุทธตั้งรับ โจมตีส่วนหนึ่ง
สถานการณ์ของสำนักเต๋าเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง แต่ว่ายังไม่ใช่เวลาได้ดีแล้วลืมตน
คิดจะทำให้โลกอันรุ่งเรืองเหมือนที่สำนักเต๋าเคยสยบฟ้าดินมาแล้วในอดีตปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ยังมีเส้นทางอันยาวไกลต้องเดิน
หาาก้าวพลาดบนเส้นทาง สภาพอันรุ่งเรืองในวันนี้อาจกลายเป็นสายน้ำได้ตลอดเวลา
พวกเยี่ยนจ้าวเกอรู้เรื่องนี้ดี ไม่สูญเสียความฮึกเหิมและความระวัง
หลังจากเซ่นไหว้ปลอบประโลมผู้วายชนม์เสร็จ ทุกคนก็ออกจากหุบเขาเจิดจรัส
“เมื่อก่อนข้าได้สาบานกับกงจักรมหาประกายกาฬใต้ต้นผมขาวต้นนั้นว่า ต้องการให้คนที่เคยกลุ้มรุมอิ่นประกายกาฬตายด้วยกงจักรมหาประกายกาฬ ให้กงจักรมหาประกายกาฬแก้แค้นด้วยตัวเอง” เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งเดินทางหนึ่งพูด “น่าเสียดายตอนไปพื้นที่ของเส้นทางนอกรีตเพื่อตามหาเฮ่อเหมี่ยนในครั้งนั้น เวลาฉุกละหุก มาไปรีบเร่ง ไม่ทันได้ตามหาคนในตอนนั้นเพื่อคิดบัญชี”
เขาก้มหน้ามองวงแสงสีที่ส่องแสงระยิบระยับในมือ “อนาครจะต้องเพิ่มเรื่องนี้เข้าไปด้วย”
“เรื่องที่สมควรกระทำย่อมต้องกระทำ แต่ว่าอย่าได้เร่งรีบเกินเหตุ” เสวี่ยชูชิงกล่าว
“ท่านวางใจ ข้าทราบดี” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า
ขณะที่ภายในสำนักเต๋ายุ่งกับการสร้างสวรรค์ ขยับขยายดินแดน ดึงดูดความสนใจของขมุกำลังอื่นๆ ก็ให้ความสนใจกับทิศทางของโลกภายนอกอย่างต่อเนื่องด้วย
แดนสุขาวดีตะวันตกกับเขาดาราทะเลดวงดาวสงบศึกกันแล้ว
ทางโถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาว เทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์ต่างไม่ปรากฏตัวขขึ้นอีก มีแต่ยอดฝีมือเส้นทางนอกรีตซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของแต่ละฝ่ายยังคงสู้กันอยู่
ทว่าระดับความรุนแรงของสงครามใหญ่เริ่มลดลงแล้วเช่นกัน
ในที่สุดพระศรีอาริย์ก็สามารถหลอมเปลี่ยนเศษศิลามนุษย์กำเนิดได้อย่างเรียบร้อย สงครามที่เส้นทางนอกรีตสองฝ่ายพัวพันมาร้อยปีในครั้งนี้ ในที่สุดก็จบลง เริ่มเข้าสู่ช่วงสงบศึกรอบใหม่
ระหว่างกันและกันถึงแม้จะมีการกระทบกระทั่งกันอยู่ ความขัดแย้งและการต่อสู้ขนาดเล็กบังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การศึกขนาดใหญ่ต้องรอรอบต่อไป
ความรุ่งเรืองของสำนักเต๋าย่อมดึงดูดความระวังและความหวั่นเกรงของเส้นทางนอกรีตสองเส้นทาง คอยป้องกันตลอดเวลา
การปะทุของสงครามครั้งต่อไป จำเป็นต้องมีจังหวะเวลาใหม่ ไม่อย่างนั้น ยากจะเกิดขึ้นอีกครั้งในเวลาไม่กี่ปี
แต่สำหรับสำนักเต๋าสายหลักในปัจจุบันแล้ว ไม่จำเป็นต้องอาศัยการต่อสู้ระหว่างสองฝ่าย ค่อยกล้าเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยอีก
แน่นอนว่าสำหรับพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ตนเองสามารถมองดูเสือสู้กันบนภูในการต่อสู้ระหว่างกันเองของคู่ต่อสู้ได้ ย่อมประเสริฐสุด
“ถ้าเผ่าปีศาจกับศาสนาพุทธสาสยหลักล้วนไม่สอดมือ ความได้เปรียบของแดนสุขาวดีบัวขาวในที่สุดยังมากกว่าโถงเซียน” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “โถงเซียนรุกคืบไม่ได้ แต่ถ้าหากว่าจะป้องกันอย่างเดียว ก็ไม่ถึงกับเสียท่า อย่างมากสุดทิ้งแดนเซียนอีกส่วนหนึ่ง แล้วหุบอาณาเขตก็ใช้ได้”
“พวกเราปล่อยให้เป็นไปกระมัง?” สวีเฟยพูดพลางใคร่ครวญ
ด้านหนึ่งสำนักเต๋าสายหลักเพิ่งได้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนมา เหล่าคู่ต่อสู้คนอื่นๆ อยู่ในช่วงเวลาที่หวั่นเกรงที่สุด พากันเก็บเขี้ยวเล็บ คอยระวังการเคลื่อนไหวทางสำนักเต๋าสายหลัก
เวลานี้หากสำนักเต๋าสายหลักกดดันต่อไม่ยอมเลิกรา แม้นพวกคู่ต่อสู้จะไม่ยินยอม ก็เป็นไปได้ว่าจะถูกกระตุ้นจนยอมทุ่มเทกำลัง
สถานการณ์อีกด้านหนึ่งตอนนี้อยู่ในสมดุลที่แยบคาย
หากว่าตอนนี้ผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ช่วยแดนสุขาวดีบัวขาวเสี่ยงอันตรายทุบตีโถงเซียน แดนสุขาวดีบัวขาวย่อมยินดี โถงเซียนจะล่มสลายอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อเป็นแบบนั้น เทวกษัตริย์ไร้ประมาณก็ไม่มีอะไรต้องหวาดกลัวอีก ไม่กริ่งเกรงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนอีกต่อไป
ถึงเวลาจะมีแต่แดนสุขาวดีบัวขาวที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด
การปล่อยให้เป็นไป ย่อมมิได้หมายความว่าระหว่างสำนักเต๋าสยหลัก โถงเซียน และแดนสุขาวดีบัวขาวไร้เรื่องราวใดแล้ว
ไม่ใช่ไม่แก้แค้น เพียงเวลายังมาไม่ถึง
เรื่องเร่งด่วนในปัจจุบันของสำนักเต๋าสายหลัก ยังคงเป็นการอาศัยความปลอดภัยของสถานการณ์ใหญ่ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น พยายามพัฒนาตัวเอง สั่งสมพลังขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
“พวกทีปังกรพุทธะกับลู่ยาเต้าจวินกำลังรอวาสนาทางนพยมโลกอยู่” เยี่ยนจ้าวเกอสายตาล้ำลึก “สำหรับพวกเรา การมองหาโอกาสในสถานการณ์นี้ก็สำคัญเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน”
ถ้าหากว่าสามพิสุทธิ์สายหลักเพิ่มผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคามาคนหนึ่งนอกจากเหล่าจวินได้ เช่นนั้นสถานการณ์ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
“วาสนาที่พระอาจารย์เสวียนตูจะเลื่อนสู่ระดับมรรคาอยู่ที่นพยมโลกเช่นกัน” เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวอย่างแช่มช้า “แข่งขันกับพวกทีปังกรพุทธะโดยตรง”
ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเช่นนี้
การดำรงอยู่ของค่ายกลลงทัณฑ์เซียน เป็นความมั่นใจที่สำคัญในการช่วงชิงวาสนาระดับมรรคาต่อจากนี้
พวกทีปังกรพุทธะกับลู่ยาเต้าจวินมีความคิดแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงเสี่ยงอันตราย สุดท้ายพลาดไปเพียงกระบวนท่าเดียว
สถานการณ์การช่วงชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียน เป็นการปูทางและการแสดงตตัวอย่างของการช่วงชิงมหามรรคาต่อจากนี้
การช่วงชิงมหามรรคาจะโหดร้ายและดุเดือดมากขึ้น
เจ้ามรรคาคนเดียวทำอะไรค่ายกลลงทัณฑ์เซียนไม่ได้ จะต้องให้ผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาสี่คนลงมือด้วยกัน ถึงจะเด็ดกระบี่ทำลายค่ายกลได้
แต่ว่าในทางกลับกัน ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนทำอะไรผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาไม่ได้ เพิ่มจำนวนไปก็ไม่มีประโยชน์ อย่าว่าแต่ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนสี่ค่าย ต่อให้มีสี่ร้อยค่าย ก็ทำอันตรายผู้เป็นเจ้ามรรคามิได้
นี่เป็นความแตกต่างระหว่างค่ายกลลงทัณฑ์เซียนกับผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาที่ไม่อาจมองข้าม
เป็นเหตุผลว่าหากกล่าวตามความหมายที่แท้จริง ถึงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนจะสามารถกวาดล้างมหาชาลได้ แต่ว่ามันก็เป็นตัวตนที่อยู่ต่ำกว่าระดับมรรคาเหมือนกัน
พวกเยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี
“ดูจากทิศทางใหญ่แล้ว ตอนนี้พวกเราอยู่ในสภาพตามหาโอกาสเป็นฝ่ายรุกจู่โจม แต่ว่ากลยุทธ์โดยรวมเป็นการตั้งรับ” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ
ถ้าหากว่าก่อนหน้านี้ตั้งรับยังตั้งรับไม่ไหว ได้แต่เคลื่อนย้ายหลบหนีไปทั่ว ใช้โอกาสที่เหล่าศัตรูเกิดความขัดแย้งระหว่างกันเองแทรกเข็มเข้าไปในช่องว่าง เสี่ยงใช้เล็กงัดใหญ่
เช่นนั้นตอนนี้หลังจากมีค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ก็ตั้งหลักต่อสู้ในระดับเดียวกันกับเหล่าคู่ต่อสู้ได้แล้ว แต่ว่าโดยรวมยังต้องเป็นสภาพกลยุทธ์ตั้งรับ
ถ้าหากสำนักเต๋าสายหลักเพิ่มเจ้ามรรคามาอีกคนหนึ่งนอกจาเหล่าจวินได้ อาจมีโอกาสพลิกกลยุทธ์จากโต้ตอบเป็นโจมตี เริ่มยึดครองการบุก ร่วมมือกันรุกคืบ
นั่นย่อมเป็นภาพของโลกอันรุ่งเรืองที่พวกเซ่าจวินหวงและหูเยว่ซินคาดหวัง
“ยังคงเป็นคำเดิม ถ้าไม่หาวิธีทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ก็ต้องทำให้ศัตรูอ่อนแอลง” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยพลางครุ่นคิด “คิดหาวิธี ดูว่าจะถ่วงแข้งถ่วงขาทีปังกรกับลู่ยาได้หรือไม่”
เวลานี้เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเรียบๆ “ไม่เพียงแต่ทีปังกรพุทธะกับลู่ยาเต้าจวิน คนที่คิดทะลวงสู่ระดับมรรคา เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นวางกลลวงจากด้านใน หลายๆ ครั้งแล้วต้องเก็บรักษาระดับการพัฒนาและวาสนาของตัวเองเป็นความลับไม่ประกาศออกไป”
“ผู้คนยอมรับว่าทีปังกร ลู่ยา และพระอาจารย์เสวียนตูอยู่ใกล้ระดับมรรคามากที่สุด แต่ว่าคนอื่นๆ ใช่ว่าไม่มีความเป็นไปได้ คนที่คิดชิงวาสนาในนพยมโลกครั้งนี้ ใช่ว่าจะมีแค่พวกเขาสามคน”
เยี่ยนตี๋เอ่ย “ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์นี้สุดท้ายแล้วจะเห็นได้ชัดเจนตอนไหน ตอนนี้ยากบอกยิ่ง ต่างฝ่ายต่างกำลังช่วงชิงกันอยู่”
“ถูกแล้ว ถึงแม้ทุกคนจะต้องการยึดถือนพยมโลกเป็นหมูที่เลี้ยงไว้ เตรียมเชือดทิ้งในวันปีใหม่ แต่เป็นเหมือนที่หยางเอ้อร์หลางบอก หมู่ป่าตัวนั้นอาจวกกลับมาขวิดนายพรานตายได้ทุกเวลา” เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้าตบหน้าผาก ยิ้มเยาะตัวเอง “ในตาหมากของค่ายกลลงทัณฑ์เซียน คนอื่นๆ ก็ไม่ใช่ว่าเสียท่าเราอย่างนี้หรอกหรือ?”
หลังระบายลมหายใจออกยาวๆ เขาก็กล่าวว่า “ใช้ประโยชน์จากค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ได้สภาพการพัฒนาที่ไม่ง่ายมา พวกเราย่อมต้องใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น”
“นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมก่อนหน้านี้ไม่ดี ทุกคนต้องหลบซ้ายซ่อนขวา ปลีกตัวเร้นกาย” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “ตอนนี้สภาพแวดล้อมแตกต่างไปจากเดิม รอหลังประกาศข่าวออกไปให้ผู้คนรับรู้เป็นวงกว้าง จะมีข่าวน่ายินดีส่งกลับมาให้พวกเราหรือไม่?”