ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1627 สั่งสมมากปลดปล่อยน้อย ยอดฝีมือทะลัก
การพัฒนาของผู้ฝึกกระบี่มีความยากลำบาก ยิ่งขึ้นสูงยิ่งเป็นเช่นนี้ โดยเฉพาะหลังจากขึ้นสู่ระดับเซียนแล้ว
การซ่อมคมหล่อเลี้ยงกระบี่ เป็นวิชาลับที่คนรุ่นก่อนของสายเหนือพิสุทธิ์ศึกษาและสร้างขึ้นเพื่อทำลายคอขวด
ลับมีดไม่เสียเวลาฟันฟืน การหยุดนิ่งในตอนนี้ ก็เพื่อที่เส้นทางในอนาคตจะได้ราบเรื่นกว่าเดิม
เพียงแต่วิชานี้ยากฝึกฝน คนที่มีความสามารถฝึกฝนสำเร็จเดิมก็มีน้อยมากอยู่แล้ว ในนี้มีคนที่มีความสามารถแต่ไม่เหมาะสม ต้องลดจำนวนลงอีกส่วนหนึ่ง
เช่นเกาเสวี่ยจี้เป็นต้น หรือว่าถ้าเยี่ยนตี๋ฝึกฝนมรรคากระบี่ ก็ไม่เหมาะกับการซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่เช่นกัน
เมื่อเป็นแบบนี้ คนที่ฝึกฝนการซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่จึงน้อยกว่าเดิม
ทว่าเกาฉิงกลับฝึกฝนวิชานี้ได้ ตอนนี้ถึงแม้จะหยุดอยู่ที่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ชั่วคราว ถึงขั้นอาจหยุดนิ่งหลายปี แต่เป็นการสร้างรากฐานเผื่ออนาคต มีประโยชน์มากกว่าโทษ
“เผลอแปปเดียวก็ผ่านไปร้อยปีแล้ว คนรุ่นใหม่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างสะท้อนใจ “ฟังว่าหลายปีมานี้มรกตท่องฟ้าให้กำเนิดอัจฉริยะรุ่นหลังอีกคนหนึ่ง ศักยภาพและพรสวรรค์ไม่ด้อยกว่าอาจารย์ลุงหลงกับศิษย์พี่อวี่เมื่อครั้งกระโน้น ช่างน่ายินดีจริงๆ”
เทียบกับเกาเสวี่ยพอและหลงเสวี่ยจี้สองพี่น้องแล้ว เยี่ยนจ้าวเกออายุน้อยมาก แต่ว่าเขาใช้น้ำเสียงผู้อาวุโสวิจารณ์อัจฉริยะสำนักเต๋าที่ปรากฏขึ้นมาใหม่ พวกเกาเสวี่ยพอไม่คิดว่ามีปัญหาอะไร
หลงเสวี่ยจี้กล่าวต่อวาจาของเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสีหน้าเป็นธรรมชาติ “เป็นเหล็กที่ดี แต่ยังรอการหลอมตี จึงค่อยสามารถหลอมกลายเป็นเหล็กกล้าได้”
“ทุกคนยินดีเหมือนกัน” เกาเสวี่ยพอเอ่ย “ไม่กี่ปีมานี้ฟ้าเหนือฟ้าก็ไม่ใช่ว่ามีอัจฉริยะสะท้านโลกอีกครั้งหรอกหรือ? ยังเป็นศิษย์กว่างเฉิง”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “เด็กคนนั้นหากใช้คำพูดของอาจารย์ลุงหลงล่ะก็ ยังรอการเคี่ยวกรำอยู่”
“และมีคนที่เคี่ยวกรำดีแล้วด้วย” เกาเสวี่ยพอใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม “แม้เป็นก่อนมหาภัยพิบัติ ก็หายากที่ต่างฝ่ายต่างมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุขที่เตรียมตัวผลักเปิดประตูเซียนจำนวนมากขนาดนี้”
“นี่เป็นความบังเอิญ” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “หนำซ้ำจะต้องมีก่อนมีหลังแน่นอน ไม่ถึงกับผลักเปิดประตูเซียนได้พร้อมกัน ยังต้องดูวาสนาของแต่ละคนด้วย”
เป็นอย่างที่เกาเสวี่ยพอว่า ภายใต้การสั่งสมมาหลายปี คนของเขากว่างเฉิงค่อยมีพร้อมพรัก กำลังทะลักอีกรอบหนึ่ง
ไม่เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่นานหยวนเจิ้งเฟิงเพิ่งผลักเปิดประตูเซียนสำเร็จ หลังจากเขา ตามติดด้วยฟางจุ่น อิงหลงถู ซือคงจิง และเซี่ยกวง
อาหู่ถึงแม้ไม่ใช่ศิษย์กว่างเฉิง แต่ก็กลายเป็นประมุขในหมู่คนมาหลายปีแล้วเช่นกัน กำลังเตรียมตัวเพื่อผลักเปิดประตูเซียน
ถ้าหากไม่ประมาท ในเวลาไม่กี่ปีนี้ เขากว่างเฉิงมีความเป็นไปได้ที่จะปรากฏเซียนจริงแท้มากกว่าห้าคนขึ้นไปติดต่อกัน
จำนวนนี้ใกล้เคียงจำนวนคนจากทุกเขตแดนของมรกตท่องฟ้าที่เลื่อนสู่ระดับเซียนในไม่กี่ปีมานี้
มิน่าเกาเสวี่ยพอจึงได้ถอนใจชมเชย
นอกจากฟ้าเหนือฟ้าและเขากว่างเฉิงแล้ว เพียงเพิ่มฟู่ถิง เหอซีสิง กับไป๋เทาเซียนจริงแท้สามคน
สั่งสมอย่างเงียบๆ มาหลายปี ในที่สุดยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ของฟ้าเหนือฟ้า ก็ค่อยๆ ทะยอยทะลวงสู่ระดับเซียน
ตอนนี้ถึงแม้จะเร็วไป แต่ว่าในอนาคตจะมีคนจำนวนมากกว่าเดิมท้าสู้ภัยพิบัติมนุษย์เซียน
สือจวินแห่งเขากว่างเฉิง เสี่ยวอ้ายแห่งหุบเขาเจิดจรัส หลงฮั่นหวาและถังหย่งฮ่าวแห่งโถงทอง เมิ่งหวานแห่งผาบัวแดงบนยอดเขาอัศจรรย์ ต่างเลื่อนสู่ระดับประมุขในหมู่คนแล้ว เริ่มสั่งสมอย่างเงียบๆ
นอกจากนี้ยังมีหวังผู่แห่งเขานครหยก เสิงม่อแห่งอารามคงมายาบนเขาหอเมฆหา ก็เป็นแบบนี้เช่นนี้
ภัยพิบัติสัจพิศวงไม่ใช่ธรรมดา หากล้มเหลวพ่ายแพ้ก็จะเสียชีวิต
ดังนั้นการขวางกั้นของมนุษย์เซียนจึงมีคนติดอยู่หลายคน ทั้งติดเป็นหลายปี นี่เป็นกฎเกณฑ์เชิงภววิสัย
เหมือนย่างเฉาเจี๋ย หลิงเจิงกู่ และไป๋เทาในอดีต
ยิ่งใกล้มรรคายิ่งยากลำบาก พอมาถึงระดับในตอนนี้ สิ่งที่จะตัดสินว่าคนคนหนึ่งสามารถพัฒนาขึ้นอีกระดับชั้นได้หรือไม่ บางครั้งก็มิได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของตัวคนเพียงต่อไป ยังต้องดูเงื่อนไขในโลกภายนอกด้วย
ปัจจุบันการพัฒนาของสำนักเต๋าค่อยๆ รุ่งเรืองขึ้น มรรคาของวิเศษกับวรยุทธ์มรรคาเต๋าอุดมสมบูรณ์กว่าก่อนหน้า ลดระดับความยากในการพัฒนาของจอมยุทธ์ลงอย่างใหญ่หลวง และเพิ่มอัตราในการทะลวงเชิงภววิสัย
ทว่าพวกฟางจุ่นกับอิงหลงถูแม้บอกว่าอีกไม่กี่ปีก็มีความหวัง ก็ยังคงต้องระมัดระวังตัว ไม่มีความมั่นใจมากพอที่จะกล้าทดลองโดยง่าย
ดั่งที่เยี่ยนจ้าวเกอว่า คนจำนวนมากกระโดดข้ามประตูมังกรพร้อมกันไม่อาจเป็นจริง จะต้องมีก่อนมีหลัง
ลำดับก่อนหลังนี้ ระหว่างกลางอาจจะกั้นด้วยเดือนปีที่ไม่น้อย
กระนั้นสำนักเต๋าสายหลักในปัจจุบัน ฟ้าเหนือฟ้าในตอนนี้ เขากว่างเฉิง ณ เวลานี้ มีสภาวะดุจสายรุ้ง ภายใต้การสั่งสมมากปล่อยออกน้อย ก็ถึงเวลาผลิดอกออกผลแล้ว
หลังจากการทะลักระลอกนี้ ไม่ทราบว่าจะมีการระเบิดครั้งใหญ่ที่เหมือนกันอีกตอนไหน
แต่ว่าคลื่นทะเลเกิดขึ้นน้อย น้ำในทะเลสาบไหลตลอดกาล
เขากว่างเฉิงที่ขึ้นสู่ครรลองที่ถูกต้องแล้ว มีกลกไกลการสร้างเลือดเสริมความแข็งแรง คนมีความสามารถจะโผล่ขึ้นมาต่อเนื่องไม่ขาดสาย
สำหรับผู้สืบทอดสำนักเต๋าคนอื่นๆ เป็นสถานการณ์คล้ายกัน
เวลานั้นบางทีอาจจะเรียกได้จริงๆ ว่าเป็นโลกอันรุ่งเรืองมาถึง
ก่อนหน้านี้ พวกเยี่ยนจ้าวเกอยังคงต้องพยายาม
หลังจากคุยสถานการณ์ของอวี่เย่กับเกาเสวี่ยพอและหลงเสวี่ยจี้ นัดแน่ว่าพยายามตามหาของวิเศษจำพวกพู่โลหิตแก่นศิลาเท่าที่จะทำได้เสร็จ เยี่ยนจ้าวเกอก็ผละออกมา เยี่ยมเยือนผู้ยิ่งใหญ่สายเหนือพิสุทธิ์คนอื่นๆ ในมรกตท่องฟ้าอย่างอวิ๋นเจิงเต้าหยินเรียบร้อย ก็ออกจามรกตท่องฟ้า กลับสู่ฟ้าเหนือฟ้า
หลังจากโลกจำนวนมากในฟ้าเหนือฟ้าต่างเข้าไปในสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจียด้วยกัน จักรวาลฟ้าฟื้นก็หดตัวลงทันที
ตำหนักโอสถเดิมหลุดออกจากยอดเขากว่างเฉิง จักรวาลในตำหนักที่ปล่อยออกไปด้านนอกถูกเก็บเข้ามาด้านในตำหนักใหญ่
เพราะการพิจารณาถึงทางหนีทีไล่ เยี่ยนจ้าวเกอมิได้เก็บตำหนักโอสถไว้ในสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจีย แต่ให้มันล่องลอยในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนต่อ
“เพื่อค่ายกลลงทัณฑ์เซียนจึงได้ทุ่มเทกำลังทั้งหมด อุตส่าห์มีสภาพแวดล้อมที่มั่นคงอย่างในปัจจุบัน พวกเราสามารถพักผ่อนเอาแรงได้แล้ว” สวีเฟยมองเยี่ยนจ้าวเกอ “ขณะเดียวกันพวกเราก็ต้องลดความเร็วลง คอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ด้านนอก”
สำนักสำนักเต๋าสายหลักแล้ว การพัฒนาด้วยตัวเองมีความสำคัญมาโดยตลอด
การช่วงชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ไม่ใช่เพื่อแก้แค้นบุกโจมตีโถงเซียนหรือแดนสุขาวดีบัวขาว เริ่มสงครามกับอีกฝ่ายในทันที สร้างจุดจบตกตายร่วมกัน หรือสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บ
ถึงจะเป็นนางเซียนอวิ๋นเซียวที่ตอนนี้ควบคุมค่ายกลลงทัณฑ์เซียน เป็นเพราะว่าสูญเสียพี่ชายและน้องสาวสองคนไปเพราะมหาภัยพิบัติ แต่ก็ยังคงรักษาสติเอาไว้
ไม่ใช่ไม่แก้แค้น เพียงเวลายังมาไม่ถึง
พัฒนาอย่างต่อเนื่อง สั่งสมโดยไม่หยุดพัก จนกระทั่งตัวเองอาศัยพลังสะกดอีกฝ่าย กวาดชำระจักรวาลได้
“ศิษย์พี่สวีก็จำเป็นต้องรักษาตัวให้มาก ภารกิจในสำนักถ้าสะดวกก็มอบแก่ศิษย์น้องเซี่ย ศิษย์น้องหลาน ยังมีพวกจวินเอ๋อร์” เยี่ยนจ้าวเกอว่า
ในสงครามแย่งชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียน สวีเฟยที่ครอบครองกายทองมหาเทวะร่างหนึ่งก็สูญเสียพลังไปมหาศาลเช่นกัน หลังจากการศึกจึงค่อนข้างเหนื่อยอ่อน ฟื้นฟูปราณกำเนิดไม่ง่าย
“ข้าจะจัดการเอง” สวีเฟยพยักหน้า จากนั้นมองเยี่ยนจ้าวเกอ “ศิษย์น้องเยี่ยนเจ้าเล่า?”
“ถึงข้าอยากจะหาเรื่องพวกทีปังกรพุทธะกับลู่ยาเต้าจวิน แต่ตอนนี้จังหวะเวลายังไม่สุกงอม เคลื่อนไหวมิสู้อยู่นิ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอว่า “สงครามค่ายกลลงทัณฑ์เซียนจุดประกายให้แก่ข้าไม่น้อย ข้าจำต้องใช้เวลาสะสางสิ่งของในหลักการ วรยุทธ์ส่วนหนึ่ง ดังนั้นคิดจะเข้าฌานไปสักพัก”
สวีเฟยได้ยินก็รู้สึกสนใจ “ตอนนี้เจ้าทำให้ห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด การฝึกฝนต่อจากนี้คือการพยายามรวมสามบุปผาบนศีรษะ ในสารจำเป็น ปราณ และจิตใจอันเป็นสามบุปผา เจ้าจะผนึกรวมอันไหนก่อน?”