ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1634 พวกท่านใครนำทางให้ข้า?
ได้ยินคำพูดของเมี่ยวเฉินเต้าหยิน เยี่ยนจ้าวเกอกับหลงซิงเฉวียนต่างพยักหน้า
อีกฝ่ายกำลังอนุมานเบาะแสเหตุผลเช่นกัน เกิดเป็นการรบกวนที่รุนแรงปานนั้น นักบวชศาสนาพุทธที่บำเพ็ญในสายหลักมีความเป็นไปได้สูงกว่า
“สหายร่วมเส้นทางเมี่ยวเฉิน ท่านร่วมทางกับศิษย์น้องข้า โปรดบอกเล่าสภาพการณ์รายละเอียดสักเที่ยว” เยี่ยนจ้าวเกอว่า
“ได้” เมี่ยวเฉินเต้าหยินอธิบายรายละเอียดหมดสิ้น
เขาทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอครอบครองคัมภีร์นเกิดนภาหยกพิสุทธิ์ คิดใช้เบาะแสมากกว่าเดิม อนุมานที่อยู่ของอิงหลงถูเพิ่มอีกขั้น ดังนั้นจึงพยายามบอกเล่าให้ละเอียดที่สุด
เยี่ยนจ้าวเกอไม่หงุดหงิดแม้แต่น้อย ฟังเมี่ยวเฉินเต้าหยินเล่าเสร็จอย่างสงบ บางครั้งก็แทรกขึ้นถามประโยคหนึ่ง
เส้นแสงสีเขียวมรกตเกาะเกี่ยวอย่างต่อเนื่องในม่านตาสองข้างของเยี่ยนจ้าวเกอ
รอเมี่ยวเฉินเต้าหยินเล่าจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็หลับตาลง เนิ่นนานให้หลังก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง “ถึงยังไม่มีเบาะแสที่ถูกต้องชัดเจน แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่ได้ทราบก็มีมากแล้ว สองท่านตามข้ามา”
ว่าแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็เคลื่อนไหวอยู่ด้านหน้า หลงซิงเฉวียนกับเมี่ยวเฉินเต้าหยินต่างติดตามเบื้องหลัง
ทุกคนเคลื่อนไหวในความว่างเปล่าตามทิศทางที่อิงหลงถูใช้ก่อนจะสาบสูญ
แสงสีมรกตกะพริบในดวงตาสองข้างของเยี่ยนจ้าวเกอไม่หยุด
กลางความว่างเปล่าเหมือนปรากฏเส้นทางที่หลงซิงเฉวียนกับเมี่ยวเฉินเต้าหยินมองไม่เห็น เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ลังเล เคลื่อนไหวบนเส้นทางอย่างต่อเนื่อง
ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไหร่ เยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ ผ่อนฝีเท้าลง
หลงวิงเฉวียนกับเมี่ยวเฉินเต้าหยินต่างมองเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าฮึกเหิมหลายส่วน “สมควรอยู่ใกล้ๆ แล้ว”
เขากวาดมองความว่างเปล่าอันมืดมิดที่อยู่รอบๆ
“ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่เจ้าคาดไว้ สหายน้อยอิงเข้ามาในสถานที่คล้ายเมฆดาราปฐมกำเนิดหรือแควนธารสวรรค์” หลงซิงเฉวียนเข้าใจทันที
เป็นเพราะว่าความพิเศษของสถานที่แบบนั้น ดังนั้นการอนุมานของเยี่ยนจ้าวเกอจึงยิ่งมายิ่งยากลำบาก
ทว่ากล่าวในทางกลับกัน หมายความว่าพวกเขาเข้าใกล้สถานที่แห่งนั้นเป็นอย่างยิ่งแล้ว
ยิ่งใกล้ ผลกระทบที่สถานที่ที่พิสดารอย่างนั้นส่งต่อสภาพแวดล้อมรอบๆ ก็ยิ่งชัดเจน อุปสรรคที่เยี่ยนจ้าวเกอได้รับจึงยิ่งมาก
“สถานที่พิสดารนั้นกำลังถอยหลัง” เยี่ยนจ้วเกอพลันขมวดคิ้ว “คล้ายกับจักรวาลฟ้าฟื้นในตอนแรก ที่แห่งนั้นเคลื่อนย้ายเอง ตำแหน่งจะเปลี่ยนแปลง”
ขณะนี้กำลังอยู่ห่างจากพวกเขา ดังนั้นความอัศจรรย์พิสดารจึงเริ่มอ่อนแอลง
ตำแหน่งของอีกฝ่ายล่องลอยไม่แน่นอน เยี่ยนจ้าวเกอคิดค้นหาเบาะแส ความยากเปลี่ยนเป็นมหาศาล
ความแข็งแกร่งอ่อนแอของพลังอันพิสดารที่ขัดขวางการอนุมานของเขา เพียงเปิดเผยระยะห่างของสองฝ่าย ทว่าในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนไม่มีแบ่งเป็นบนล่างซ้ายขวาสี่ทิศ เยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจแยกแยะทิศทางตามมันได้
นั่นเป็นแค่ความรู้สึกที่พร่าเลือนมากชนิดหนึ่งเท่านั้น
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้เลือนรางว่า การเคลื่อนย้ายของสถานที่แห่งนั้นมิได้คล่องแคล่วว่องไวเท่าจักรวาลฟ้าฟื้น
การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของมันมีความเชื่องช้าติดขัดอยู่บ้าง
“หากเป็นวิธีการเคลื่อนไหวเหมือนจักรวาลฟ้าฟื้น ก็ยากจะถูกพวกเราตามเจอถึงที่นี่แล้ว” หลังเยี่ยนจ้าวเกอคำนวณในใจครู่หนึ่ง ก็พูดกับหลงซิงเฉวียน “พวกเราแยกย้ายกันหาดู”
หลงซิงเฉวียนเอ่ย “คอยสังเกตคนในศาสนาพุทธด้วย บางทีพวกเขาสามารถนำทางให้พวกเราได้”
“มีความคิดนี้อยู่พอดี” เยี่ยนจ้าวเกอบอกลาหลงซิงเฉวียนกับเมี่ยวเฉินเต้าหยินเสร็จ ก็เคลื่อนไหวในความว่างเปล่าด้วยตัวเอง
เขาสะบัดแขนเสื้อเบาๆ ร่งแยกสมุทรสุดขอบโลกกับพ่านพ่านกระโดดออกมาจากด้านใน
“อืม เจ้าติดตามข้าแล้วกัน” เยี่ยนจ้าวเกอมองพ่านพ่านปราดหนึ่ง กวักมือให้มัน
พ่านพ่านกะพริบตา มาถึงด้านข้างเยี่ยนจ้าวเกออย่างว่าง่าย
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง เคลื่อนไปยังทิศทางอีกทิศหนึ่ง ขยายพื้นที่การค้นหา
เยี่ยนจ้าวเกอร่างจริงพาพ่านพ่านเดินทางต่อ
ไปได้สักพัก เยี่ยนจ้าวเกอจิตใจพลันสั่นไหว
จิตใจของเขาเหมือนกับปรากฏบัวเขียวหลายดอก บัดเดี๋ยวสูญหายบัดเดี๋ยวปรากฏ หุบกลีบรอบาน
‘หาเจอแล้ว…’ เยี่ยนจ้วเกอตมุมปากตวัดโค้ง เก็บกลิ่นอายของตัวเองเพิ่มอีกขั้น เข้าใกล้ด้านหน้าอย่างเงียบๆ
ในความว่างเปล่าอันดำสนิทไกลออกไป ปรากฏแสงสว่างที่กระจ่างเหมือนกับเครื่องเคลือบ
แสงสว่างนั้นบริสุทธิ์เปี่ยมปรีชาญาณ มีปัญญาของตัวเอง แสดงว่ามาจากสำนักเต๋าสายหลัก ไม่ใช่แดนสุขาวดีบัวขาวเส้นทางนอกรีต
เยี่ยนจ้าวเกอหยุดนิ่ง มิได้เข้าใกล้ต่อ เพียงสัมผัสความแปรปรวนที่อยู่ไกลออกไปเงียบๆ
‘หนึ่งในนี้มีความคุ้นเคยหลายส่วน ก่อนหน้านี้เราเคยสัมผัสด้วย…’ เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งสมาธิครุ่นคิด ‘อ้อเป็นนักบวชฮุ่ยอั้น เป็นคนคุ้นเคยจริงๆ แล้ว’
กลางความว่างเปล่าที่ห่างจากเยี่ยนจ้าวเกอ นักบวชศาสนาพุทธหลายท่านกำลังรวมกลุ่ม
ผู้นำเป็นมู่จานักบวชฮุ่ยอั้นที่ตอนนั้นเยี่ยนจ้าวเกอเคยทำความรู้สึกด้วย
“ในจวนมหาเอกาแหง่นี้จะต้องมีผู้ยิ่งใหญ่สามพิสุทธิ์คนหนึ่งซ่อนตัวอยู่แน่ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นเซียนสวรรค์มหาชาลคนหนึ่ง แต่ว่าสมควรตัดขาดกับโลกมาหลายปี จึงไม่ทราบข่าวในโลกภายนอก” พระโพธิสัตว์ศาสนาพุทธท่านหนึ่งเอ่ย “แต่ว่าเขาช่วยอิงหลงถูนั่นเข้าไป ย่อมสมควรทราบสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว”
มู่จากล่าวอย่างใคร่ครวญ “ไม่เป็นไร อาจได้รับบาดเจ็บ และอาจถูกเรื่องราวบางอย่างพัวพันไว้ เอาเป็นว่าเขาเหมือนไม่อาจออกจากจวนมหาเอกาได้”
ท่านมองสหายคนอื่นๆ “เขาทราบว่าข่าวในโลกภายนอกไม่แปลกปลอม แต่ว่าโลกภายนอกก็ใช่จะทราบถึงที่อยู่ของจวนมหาเอกาแห่งนี้ สำนักเต๋ามีผู้มีความสามารถมากมาย แต่ว่าพวกบิดาจะมาถึงแล้ว พวกเราไม่ใช่ไม่มีโอกาส”
“ถ้าหากพระโพธิสัตว์กับพวกบิดาท่านมาถึงก่อน เรื่องราวจะมีหนทางเอง” นักบวชศาสนาพุทธที่อยู่รอบๆ ต่างพยักหน้า “จวนมหาเอกาล่องลอยในความว่างเปล่า พวกเราติดตาม อย่าได้สูญเสียร่องรอย”
มู่จารอจะพูดอะไร สีหน้าพลันเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
จากนั้นข้างหูทุกคนก็แว่วเสียงหนึ่ง
“ที่แท้เป็นจวนมหาเอกา ยุคสมัยนี้ยังมีสถานที่แบบนี้อยู่อีกหรือ? เป็นกรณีพิเศษจริงๆ”
ร่างของเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ เดินออกมาอย่างช้าๆ จากความว่างเปล่าที่มืดมิด
เขาหันไปมองความว่างเปล่าตรงหน้า “อืม ดูเหมือนไม่มีคนซุ่มจู่โจม ไม่ใช่หลุมพราง”
มู่จามองเยี่ยนจ้าวเกอ สีหน้าเคร่งขรึมถึงขีดสุด
แสงสายหนึ่งพุ่งออกมาบนศีรษะของท่าน แต่ไม่ทันไรก็เหมือนประสบอุปสรรคเหมือนชนกำแพง
แสงสายฟ้าสาดขึ้นจางๆ ในจักรวาลรอบๆ ปรากฏแวบเดียวก็หายไป แต่ว่าเหมือนกับมีม่านกำบังไร้รูปร่างแผ่นหนึ่ง ครอบคลุมท้องฟ้า ปิดผนึกสี่ด้าน
นักบวชศาสนาพุทธที่อยู่รอบๆ ต่างขมวดคิ้ว ‘สายฟ้าอนัตตา…’
ไม่เพียงแต่แสงสายฟ้าที่ไร้รูปร่างปิดผนึกมิติเวลารอบๆ เท่านั้น ที่นี่ยังมีความมืดชั้นหนึ่งแผ่กระจาย กลืนกินแสงและเสียง ปราณและความคิดที่ไปยังด้านนอก
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าเป็นปรกติ ประสานมือให้แก่มู่จาก่อน “นักบวชฮุ่ยอั้น ไม่เจอกันนาน สบายดี”
“ตอนแรกยังดี ตอนนี้ไม่ดีแล้ว” มู่จามองเยี่ยนจ้าวเกอครู่หนึ่ง ยิ้มอย่างจนปัญญา
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม เอ่ยว่า “เมื่อครู่อยู่ไกล ได้ยินไม่ถนัด แต่ว่าข้าคล้ายได้ยินว่า ในจวนมหาเอกาแห่งนั้น นอกจากศิษย์น้องร่วมสำนักของข้าผู้แซ่เยี่ยนแล้ว ยังมีผู้อาวุโสสำนักเต๋าของข้าอยู่ด้วย ไม่ทราบเป็นท่านไหน?”
“พวกเราเองก็ไม่รู้” มู่จาส่ายหน้าตอบ
เยี่ยนจ้าวเกอไม่รีบไม่ร้อน “อืมม์ ไม่เป็นไร หลังเจอย่อมรู้เอง”
เขากวาดมองนักบวชศาสนาพุทธทั้งหมด “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สหายร่วมเส้นทางคนไหนในหมู่พวกท่านจะนำทางให้ข้า”