ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1647 ในท่านมีข้า ในข้ามีท่าน
ไท่อี้จินหยินสะบั้นชีวิตของมู่จาด้วยหนึ่งฝามือ สีหน้าเป็นปรกติ ความสนใจกลับมายังร่างนาจาอีกรอบ
เขายื่นมือออกมากวัก ฝักบัวรองรับนาจาพลางลอยขึ้น ฝาอัคคีเทพเก้ามังกรด้านบนใหญ่กว่าเดิม ครอบคลุมนาจากับฝักบัวไว้
มังกรไฟเก้าตัวหมุนตัว ยังคงพ่นเพลิงผลาญสีขาวน้ำนมออกมาไม่หยุด
ทว่าครั้งนี้กลับไม่ใช่ต้องการให้เกิดผลสะกด แต่ค่อยๆ ถอนสำนึกดุร้ายจิตชั่วช้าในร่างนาจา ช่วยหล่อเลี้ยงเขา เพื่อที่จะได้ฟื้นฟูกลับเป็นปกติโดยไว
แสงสีแดงปรากฏด้านนอก หยุดอยู่บนผิวกาย ความจริงแสดงให้เห็นว่าความพยายามของไท่อี้จินหยินสัมฤทธิ์ผล หยุดการจมลงของนาจา ไม่ให้ไถลลงไปในทะเลเลือดต่อ
ตอนนี้จำเป็นต้องค่อยๆ ขจัดจิตสังหาร ทำลายทะเลเลือด เช่นนี้จึงรับประกันได้ว่าภายหลังจะไร้ความกังวล
นี่เป็นกระบวนการที่ยาวนาน ทั้งจำเป็นต้องระวังตลอดเวลา
เกิดมีความผิดพลาด ก็อาจจะล้มเหลวก่อนสำเร็จ กระนั้นเทียบกับความบ้าคั่งของนาจาเมื่อก่อนหน้าจนไท่อี้จินหยินต้องเสี่ยงชีวิตไปสะกดแล้ว เป็นความแตกต่างราวฟ้ากับเหวอย่างไม่ต้องสงสัย ผ่อนคลายกว่ามาก และปลอดภัยกว่ามาก
ก่อนหน้านี้ถ้าสะกดไว้ไม่อยู่ คนที่เผชิญหน้ากับความร้ายกาจของนาจาคนแรกคือไท่อี้จินหยิน ตอนนี้หลี่จิ้งเป็นตัวอย่าง
“ก่อนหน้านี้ฟังสหายน้อยอิงผู้นั้นพูดว่า ปัจจุบันสำนักเต๋าของเราสร้างสวรรค์ ค่อยเห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว?” ไท่อี้จินหยินถามเยี่ยนจ้าวเกอและหลงซิงเฉวียน
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “มิผิด ปัจจุบันมีสวรรค์ทั้งหมดหกแห่งถูกสร้างขึ้นใหม่”
ไท่อี้จินหยินกล่าว “สถานการณ์ในปัจจุบันของศิษย์เล็กกลับไม่มั่นคงยิ่ง ข้าอาจจำเป็นต้องเข้าฌานกับเขาสักหลายปี ไม่ทราบขอยืมนิวาสสถานสักแห่งได้หรือไม่?”
เขาเกรงใจแบบนี้ ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล
ตอนนี้ถึงแม้นาจาจะเหมือนไม่มีอุปสรรคใหญ่แล้ว แต่ปัญญายังไม่ได้จัดการโดยสมบูรณ์ เกิดว่าระหว่างทางเกิดช่องโหว่วขึ้น ผลลัพธ์อาจไม่น่าคิดถึง ไม่แน่ว่าจะมอบภัยพิบัติร้ายแรงมาให้สวรรค์จู๋ลั่วหวงเจีย
ถึงเวลาต่อให้สะกดเขาได้ อาจจะเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ ทั้งสร้างการทำลายล้าง
ถ้าหากอยู่ในจวนมหาเอกาต่อ ก็ออกจะห่างจากสวรรค์หกแห่งของสำนักเต๋าเกินไป สหายร่วมเส้นทางสามพิสุทธิ์คนอื่นๆ คิดช่วยคุ้มครองเขา กลับไม่สะดวกอยู่บ้าง
แต่ว่านี่กลับไม่สร้างความลำบากแก่เยี่ยนจ้าวเกอ
สถานที่อย่างสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจียแม้ว่าไม่ได้ แต่จักรวาลที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นมา กลับให้ไท่อี้จินหยินยืมได้ชั่วคราว อย่างมากเรื่องอพยพคนในแผนการก่อนหน้านี้ก็หยุดไว้ก่อน
ไท่อี้จินหยินแม้จะหน้าหนาท้องดำ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ยังไม่ถึงกับทำตัวเป็นนกพิราบยึดครองรังนกกางเขน ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่กังวล
“จินหยินเกรงใจแล้ว สำหรับสำนักเต๋าเรา การกลับมาของท่านกับมหาเทพสมุทรตรีภพเป็นเรื่องน่ายินดีเทียมฟ้า” เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือให้เขา
“เช่นนี้ขอขอบคุณสหายน้อยแล้ว” ไท่อี้จินหยินกล่าวอย่างเกรงใจ
เยี่ยนจ้าวเกอมองฝาอัคคีเทพเก้ามังกรด้านข้าง มองดูนาจาที่หลับใหลบนฝักบัว ใต้การห้อมล้อมของเพลิงผลาญ ในฝาโปรงแสง
“ผู้เยาว์ฟังตำนานเกี่ยวกับมหาเทพสมุทรตรีภพมาไม่น้อย ส่วนใหญ่ยากแยกแยะจริงปลอม” เขาเอ่ยอย่างใคร่ครวญ “ข่าวลือส่วนหนึ่ง บวกกับท่าทีของราชาเจดีย์สวรรค์ ระหว่างพวกเขาแสดงความขัดแย้งกันยิ่ง”
ไท่อี้จินหยินเงียบงันเล็กน้อย ค่อยเอ่ยว่า “เรื่องราวที่ยาวนานเกินไป ข้าเองก็จำไม่ได้แล้ว สหายน้อยเยี่ยนมีข้อสงสัยใด สามารถบอกออกมาได้เต็มที่ ดูว่าข้าจดจำได้หรือไม่”
นี่เป็นเพราะหลังมหาภัยพิบัติ สำนักเต๋าสามัคคีกันมากขึ้น พวกเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งช่วยเหลือเรื่องใหญ่ ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของไท่อี้จินหยิน สิ่งที่ปากกล่าวออกมาจะมีแค่ประโยคแรกแล้ว
“ครั้งกระโน้นราชาเจเดีย์สวรรค์กลัวเผ่ามังกรหาเรื่อง ไม่กลัวท่านกับผู้อาวุโสทั้งหลายในสำนักเต๋าหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจนิสัยของไท่อี้จินหยินดี ไม่สนใจท่าทางอมพะนำของอีกฝ่าย ถามคำถามของตัวเองโดยตรง
“ถึงหลี่จิ้งจะมาเป็นศิษย์ของหรานเติงช้า แต่ว่าก็เกี่ยวพันกับศาสนาพุทธมาแต่แรกแล้ว” ไท่อี้จินหยินตอบอย่างแช่มช้า “แน่นอนว่าตอนนั้นยังไม่มีแดนอภิรดีศูนย์กลางกับแดนสุขาวดีตะวันตก มีแค่นิกายตะวันตก”
“ก่อนที่มหาเทพสมุทรตรีภพจะจุติ หลี่จิ้งก็เป็นคนในนิกายตะวันตกแล้ว?” เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว “ว่ากันว่ารากฐานแรกสุดของมหาเทพสมุทรตรีภพอยู่ที่วังกษัตริย์วา…”
เขาอดมองไท่อี้จินหยินไม่ได้ “จินหยิน ตอนนั้นเป็นเผ่าปีศาจเข้ามาผสมโรงกับสำนักเต๋าเรา หรือว่าท่านไปขุดมุมกำแพงจากคำชี้แนะของบรมครูบรรพกำเนิดกัน?”
ได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอถามเช่นนี้ ไท่อี้จินหยินไม่ถือสา เพียงแย้มยิ้มไม่ตอบคำ
ครู่ต่อมา นักพรตเฒ่าก็ค่อยกล่าวอย่างแช่มช้าประโยคหนึ่ง “ยุคโบราณตอนต้นสำนักเต๋าเรามีสภาวะยิ่งใหญ่ แต่ว่าการเดินหมากในที่ลับระหว่างนิกายต่างๆ ก็ไม่เคยหยุด ทุกฝ่ายผลัดกันแพ้ชนะ”
“กายเซียนบัววิเศษของมหาเทพสมุทรตรีภพไม่มีความเกี่ยวข้องกับสำนักเต๋า ดังนั้นจึงมีเจดีย์ทองเหลืองหรูอี้ที่ใช้สะกดเขาโดยเฉพาะ เป็นในท่านมีข้า ในข้ามีท่านจริงๆ…” เยี่ยนจ้าวเกตบหน้าผากของตัวเอง “จุ๊ๆ ความจริงข้าอยากพูดว่า มีสีสัน”
รอยยิ้มค่อยๆ สลายไปจากใบหน้าไท่อี้จินหยิน ปรากฏความเจ็บปวดอยู่บ้าง “หลังยุคโบราณตอนต้น กลับเป็นสถานการณ์อีกแบบ โดยเฉพาะพอเข้าสู่ยุคนี้ ทุกอย่างก็แตกต่างโดยสิ้นเชิง บุปผามิได้เป็นสีแดงตลอด พรรณพฤกษ์มิได้เขียวตลอด”
การแสดงออกของเขาแสดงว่าคิดถึงมหาภัยพิบัติเมื่อก่อนหน้า
นาจาก็เกือบจะตกตายเพราะหลี่จิ้งในมหาภัยพิบัติครั้งนั้น
ทว่าวามเจ็บปวดนี้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว ไท่อี้จินหยินมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างชมเชย “โชคดีที่น้ำมีขึ้นมีลง บุปผามีวันเบ่งบาน สถานการณ์ในปัจจุบันเปลี่ยนไปอีกแล้ว”
“คำพูดของจินหยินถูกต้องที่สุด” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า เขาหันไปพูดกับอิงหลงถูว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าพาจินหยินกับมหาเทพสมุทรตรีภพไปที่อยู่ของพวกเรา อธิบายสถานการณ์กับอวิ๋นเซิงและศิษย์น้องหลาน พวกนางจะรู้เองว่าสมควรจัดการอย่างไร”
“ขอรับศิษย์พี่” อิงหลงถูพยักหน้าก่อน จากนั้นก็ถามอย่างสงสัย “ศิษย์พี่เยี่ยน ท่านไม่กลับสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจียกลับพวกเราหรือ?”
สายตาของไท่อี้จินหยินกับหลงซิงเฉวียนก็มองมาเช่นกัน
“ข้ายังไม่กลับ” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “ข้าสนใจเรื่องที่แดนสุขาวดีตะวันตกกำลังยุ่งอยู่มากกกว่า”
เป็นเพราะสำนักเต๋าสายหลัก ถึงแม้สงครามระหว่างโถงเซียนกับแดนสุขาวดีจะเกิดขึ้นอีก ทว่าการแสดงออกของแดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจค่อยข้างกดข่ม หลีกเลี่ยงไม่ให้สำนักเต๋าสายหลักเป็นชาวประมงได้ประโยชน์
ถ้าหากไม่ใช่ถูกเผ่าปีศาจพัวพันไว้ เช่นนั้นการแสดงบนเรื่องของนาจาและจวนมหาเอกาในครั้งนี้ของแดนสุขาวดีตะวันตก ก็ออกจะขาดพลังไปบ้าง
เหมือนกำลังยุ่งกับเรื่องอื่นอยู่ ดังนั้นการโยกย้ายกำลังคนจึงดูฉุกละหุก
ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็คงไม่มาถึงก่อนพวกสมันตภัทรโพธิสัตว์ ผลคือกำจัดพวกมู่จาหมดสิ้น หาจวนมหาเอกา อิงหลงถู ไท่อี้จินหยิน และนาจาพบก่อนก้าวหนึ่ง
ภายหลังนาจาทำลายผนึกออกมาไล่ฆ่าหลี่จิ้ง พวกนักบวชศาสนาพุทธอย่างสมันตภัทรโพธิสัตว์ก็ไร้ความสามารถใช้ออกด้วยการขัดขวางจากพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ยามเผชิญกับสถานการณ์อย่างนี้ แดนสุขาวดีตะวันตกกลับไร้ทัพสนับสนุนระลอกสองมาสนับสนุนในทันที
ในนี้เกรงว่าจะไม่ใช่แค่เพราะกริ่งเกรงสำนักเต๋าสายหลักอาจจะมีคนสนับสนุนเท่านั้น
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเหมือนกับว่าอีกฝ่ายจะขาดแคลนกำลังคนจริงๆ ยากจะดำเนินการต่อ ดังนั้นจึงถอยหนี
นี่ทำให้เขาอดเกิดความสงสัยในใจไม่ได้