ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 198 ปีเกิดตน กระทำการใหญ่
ในที่สุดสงครามสู้รบบนทะเลสาบปิดนภาก็ค่อยๆ สงบลง สุดยอดยอดฝีมือของแต่ละดินแดนศักดิ์สิทธิ์พบปะหารือกันอีกครั้ง รวบรวมข้อมูลในมือที่ได้รับมาใหม่เข้าด้วยกัน และดำเนินการปรึกษาอย่างละเอียดขึ้นอีกขั้น โดยมุ่งเป้าหมายไปยังปัญหาของนพยมโลกและภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต
การเปลี่ยนแปลงของทะเลสาบปิดนภานี้ แม้ว่าจะได้รับการแก้ไข ทว่าแต่ละดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกัน
เหล่าจอมยุทธ์ที่พลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำอยู่บ้าง ก็ไม่ได้เอ้อระเหยแต่อย่างใด ล้วนกำลังสนทนาแลกเปลี่ยนกับผู้ที่ตนคุ้นเคย
ส่วนคนรุ่นเยาว์ที่เข้าร่วมการประชุมฝ่านภาก่อนหน้า บัดนี้ไม่ใช่ตัวละครสำคัญอีกต่อไป
ทว่าในฐานะผู้สืบทอดหลักที่แต่ละดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่อบรมบ่มเพาะด้วยจิตใจสงบ ประสบการณ์และโลกทัศน์ของพวกเขา รวมถึงความเข้าใจต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ล้วนเหนือชั้นกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับการเปลี่ยนแปลงของนพยมโลกครานี้ โดยส่วนมากแต่ละคนต่างก็มีแนวคิดเป็นของแต่ละคนเองด้วยเช่นกัน
ภายในนั้นมีบางคนบาดเจ็บจากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ไม่ว่าความสัมพันธ์ยามปกติจะเป็นเช่นไร เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักในเวลานี้นึกขึ้นได้ ในที่สุดแล้วรู้สึกถึงความเศร้ารันทดอยู่บ้าง
แน่นอน ว่าสายตาของพวกเขา ก็ตกอยู่บนร่างเยี่ยนจ้าวเกออยู่บ่อยๆ ด้วยเช่นกัน
คนวัยเยาว์กลุ่มหนึ่ง ขณะนี้มองเยี่ยนจ้าวเกออยู่ ต่างก็มีความรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าจะชิงจุดสนใจในการประชุมฝ่านภา ถึงแม้ว่าพลังความสามารถและพรสวรรค์จะอยู่เหนือผู้คนจำนวนมาก ทว่าก่อนหน้านี้ผู้คนมากมายมองว่า เยี่ยนจ้าวเกอกับตนเองไม่ได้มีความแตกต่างมากมายนักแต่อย่างใด
อีกฝ่ายยอดเยี่ยมยิ่งกว่า รุดหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้คนมากมายเลื่อมใส ความคิดที่ยิ่งกว่านั้นคือฮึกเหิมขึ้นมารีบเร่งไล่ตามไป วันหลังจะประลองวัดฝีมือกับเยี่ยนจ้าวเกอสักครั้ง
ทว่าหลังจากเข้าใจเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตอนนี้แล้ว ความคิดในใจผู้คนไม่น้อยค่อยๆ เกิดความเปลี่ยนแปลงไป
ระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับพวกเขาดูเหมือนว่าจะถูกกั้นเอาไว้ชั้นหนึ่ง ไม่ใช่ประเภทเดียวกันอีกต่อไป
ถึงแม้ว่าจะยังเป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์เท่านั้น กระนั้นกลับแก้ไขปัญหาที่มหาปรมาจารย์จำนวนมากต่างก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถจัดการได้
พฤติการณ์ของคนเช่นนี้ผู้หนึ่ง ในการประชุมฝ่านภา เหมือนกับว่าไม่อาจสมเหตุสมผลไปกว่านี้ได้แล้ว
ถึงขั้นที่การประลองศึกษาและแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นเดียวกันในการประชุมฝ่านภา จริงๆ แล้วไม่เพียงพอที่จะแสดงลีลาที่แท้จริงของเยี่ยนจ้าวเกอออกมาให้เห็น
เหล่าผู้มีความสามารถโดดเด่นวัยเยาว์ที่เกิดความคิดนี้ขึ้นในใจ ต่างก็เงียบกริบชั่วขณะหนึ่ง ความคิดสุดคณานับปรากฎขึ้นในใจ ความรู้สึกนึกคิดสับสนอลหม่าน มีความหมายแฝงกลุ่มหนึ่งที่ยากจะเอื้อนเอ่ย
ทุกคนล้วนมุ่งความสนใจไปที่นพยมโลกและภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต จดจ่ออยู่บนร่างเยี่ยนจ้าวเกอ จนถึงขนาดที่น้อยคนนักจะสนใจว่า มีคนคนหนึ่งที่แต่ไหนแต่ไรไม่มีทางปรากฎตัวอยู่ในผู้คนของทะเลสาบปิดนภา ก็มาถึงที่แห่งนี้เช่นกัน
ชายหนุ่มงดงามสง่าผู้หนึ่ง สีหน้าท่าทางสงบเงียบ สายตาเฉียบคม ทั้งกายสวมอาภรณ์ศิษย์สืบทอดหลักแห่งตำหนักอัสนีสวรรค์
หลินโจว บุตรของหลินเฟิง ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตำหนักอัสนีสวรรค์ บุตรสวรรค์โปรดปรานรุ่นเยาว์แห่งตำหนักอัสนีสวรรค์ คุณชายฟ้าคำรนซึ่งถูกเรียกขานว่าเป็นสี่คุณชายแห่งยุคเฉกเช่นเดียวกับเยี่ยนจ้าวเกอ หวงเจี๋ย และซ่งเฉา!
สีหน้าของเขาซีดเซียวอยู่บ้าง ดูเหมือนว่าอ่อนเพลีย
ก่อนหน้านี้เขาถูกเยี่ยนจ้าวเกอโจมตีจนบาดเจ็บ ถูกบีบบังคับให้ใช้หยกเปลี่ยนโลหิตสู่ธารแสงขับเคลื่อนวิชาต้องห้ามมาใช้ปลีกหนี ทำให้ปราณดั้งเดิมของหลินโจวเสียหายอย่างหนัก จนถึงตอนนี้ล้วนไม่ได้ฟื้นฟูจนสู่สภาพเดิมมาโดยตลอด
ดังนั้นการประชุมฝ่านภาครานี้ หลิวโจวจึงเหมือนเช่นเยี่ยนส่าน ต่างก็ไม่เข้าร่วม
เนื่องด้วยเหตุวิชาคมเชือก วิชาวรยุทธ์สืบทอดของเมืองทะเลมรกต เมืองทะเลมรกตจึงต้องการหาเรื่องหลินโจวมาโดยตลอด
ถึงแม้ว่าคราวนี้ตำหนักอัสนีสวรรค์จะให้ข่าวสารนพยมโลก ทำให้เมืองทะเลมรกตได้รับความกรุณาไม่มากก็น้อย ไม่สืบหาเร่งด่วนอะไรเช่นนั้นอีกต่อไป ทว่าตัวหลิวโจวเองยังคงพยายามเลี่ยงเต็มที่จะปรากฎตัวต่อหน้าผู้มีอำนาจแห่งเมืองทะเลมรกต
กระนั้นการล้อมปราบจอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตครานี้ หลิวโจวยังคงเดินทางตามยอดฝีมือตำหนักอัสนีสวรรค์อย่างลับๆ จนมาถึงยังทะเลสาบปิดนภา
เขามาที่นี่ ไม่ใช่เพื่อการประชุมฝ่านภา ไม่ใช่เพื่อภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตและนพยมโลก ทั้งยังไม่ใช่เพื่อตามแก้แค้นเยี่ยนจ้าวเกอด้วยเช่นกัน
หลิวโจวมาเพื่อคนอีกคนหนึ่ง
เขาอยู่ห่างออกไปไกลยิ่ง เร้นกายแอบซ่อน มองออกไปไกลสุดสายตา มองดูเงาร่างหญิงสาวผู้หนึ่งที่กลับมาอยู่ข้างกายยอดฝีมือเมืองทะเลมรกตแล้ว
ครั้นเห็นอีกฝ่ายบาดเจ็บไปทั้งตัว ในสายตาหลินโจวเผลอเผยแววตาเจ็บปวดออกมา ทว่าถึงอย่างไรเสียนางก็ไม่เป็นอันตราย เขาก็ผ่อนลมหายใจเช่นกัน “จิ้งหว่าน ยังดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร…”
หลินโจวจ้องมองหลี่จิ้งหว่านอย่างเหม่อลอย หลังจากนั้นครู่ใหญ่จึงหลุดออกจากภวังค์ ทอดถอนใจ “น่าเสียดาย ที่ตอนนี้เจ้าจำข้าไม่ได้ เดิมเราควรจะรู้จักกันในการประชุมฝ่านภาครานี้แท้ๆ”
นึกได้ถึงการประชุมฝ่านภา สีหน้าหลินโจวก็อึมครึมลง สายตากวาดผ่านเงาร่างของเยี่ยนจ้าวเกอ
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเป็นจุดสนใจ สายตาของเขาจึงเฉียดผ่านไป ไม่หยุดค้าง กระนั้นลักษณะของเยี่ยนจ้าวเกอกลับสลักลึกอยู่ในสมองของเขา
“ส่วนเจ้า เยี่ยนจ้าวเกอ เดิมทีชะตาของเจ้าควรจะเดินมาสุดทางในการเปลี่ยนแปลงของทะเลสาบปิดนภาครั้งนี้…”
หลินโจวหลับตาลง หายใจเข้าลึกคำหนึ่ง “การแทรกซึมเข้ากัดกร่อนของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต แข็งแกร่งยิ่งใหญ่ดังคาด และยิ่งสันทัดในการดักซุ่ม ข้าเปิดโปงตัวตนของบางคน บีบบังคับให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงแผนการ เช่นนี้ถึงจะมีคนที่ซ่อนตัวลึกยิ่งกว่าเปิดเผยออกมา ไม่เช่นนั้นหากเรื่องของทะเลสาบปิดนภาราบรื่น อีกฝ่ายก็จะยังคงซุ่มต่อไป”
“นี่หมายความว่าเรื่องของทะเลสาบปิดนภาครั้งนี้ เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นหนึ่งเท่านั้น พวกเขายังมีการวางแผนที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่า”
คิดถึงตรงนี้ หลินโจวก็ขมวดคิ้ว
เขาและตำหนักอัสนีสวรรค์ชิงยึดครองโอกาสสำคัญ แต่ไรไม่เพียงสามารถทำให้ความยุ่งเหยิงของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตในเหตุการณ์ครานี้สงบลงได้ ยังได้รับผลประโยชน์และการตอบแทนจากทางดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่แห่งอื่นทั้งห้านั่นมากขึ้น
แต่เนื่องด้วยการคิดย้อนกลับของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ทำให้เรื่องราวเกิดความพลิกผันมหาศาล จนเกือบจะเรือล่มเมื่อจอด ตาบอดเมื่อแก่
ท้ายที่สุดกลับเป็นเยี่ยนจ้าวเกอพลิกสถานการณ์ ตัดสินใจครั้งสุดท้าย
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว แม้ว่าคนอื่นๆ จะยังคงขอบคุณตำหนักอัสนีสวรรค์อย่างสุดซึ้ง ทว่าคนจำนวนไม่น้อยต่างก็เห็นว่าผลการกระทำจากเยี่ยนจ้าวเกอกลับมากยิ่งกว่า
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่แห่งอื่นๆ ติดค้างน้ำใจของตำหนักอัสนีสวรรค์ ความหนักหน่วงพลันถูกเจือจางลงไม่น้อย
หลินโจวลืมตาขึ้นช้าๆ ม่านตามองต่ำลง แววตาสงบเงียบไร้คลื่น “ครั้งนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นหนึ่งเท่านั้น!”
คนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ กำลังให้ความสนใจเยี่ยนจ้าวเกอเช่นเดียวกัน
ท่ามกลางศิษย์รุ่นเยาว์แห่งสำนักเขากว่างเฉิงปรากฎบุคคลเช่นนี้ออกมาคนหนึ่ง เลี่ยงไม่ได้ที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะไม่ให้ความสำคัญ
ยิ่งไปกว่านั้น สืบเรื่องราวย้อนไปถึงต้นตอ สงครามถังตะวันออกก่อนหน้านี้ และยังมีการที่สำนักเขาไร้พรมแดนกับตำหนักอัสนีสวรรค์ขัดเคืองกันเนื่องด้วยวิชากำเนิดสายฟ้า รวมถึงสายแร่ศิลาวิญญาณลึกล้ำ ทว่าสุดท้ายแล้วผูกพันธมิตรกับเขากว่างเฉิงและเมืองทะเลมรกต เป็นปฏิปักษ์กับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์
เหตุการณ์เหล่านี้ ล้วนไม่พ้นเกี่ยวข้องกับเยี่ยนจ้าวเกอทั้งสิ้น
บุคคลระดับสูงที่รับผิดชอบนำคณะดักซุ่มโจมดีจอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ก็คือมู่กวงจวิน หนึ่งในเจ็ดสุริยัน
ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่มาเข้าร่วมการประชุมฝ่านภา ณ ทะเลสาบปิดนภาพร้อมกับถังหย่งฮ่าว หวงเจี๋ย และคนอื่นๆ คือโพ่เสี่ยวจวิน หนึ่งในเจ็ดสุริยันเช่นกัน
ขณะเดียวกันโพเสี่ยวจวินก็เป็นไส้ศึกของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ภายในสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์
ผลสุดท้ายโพ่เสี่ยวจวินถูกมู่กวงจวินสังหารกับมือ ในสงครามดุเดือดก่อนหน้านี้
สีหน้าท่าทางของมู่กวงจวินอ่อนโยน สงบเงียบสุขุม มองดูเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ไกลออกไปเงียบๆ เพียงเท่านั้น
ในสงครามถังตะวันออก เขาเคยเตรียมออกมือโจมตีสังหารชายหนุ่ม ผลคือประสบกับการซ้อนแผนของเขากว่างเฉิง ไม่เพียงแต่ไม่อาจสมปรารถนาแล้ว ยังถูกสือเถี่ยและเยี่ยนตี๋สร้างความเสียหายอย่างหนักครั้งแล้วครั้งเล่า
มู่กวงจวินมองอยู่ครู่ใหญ่ ใช้ปราณจิตราส่งกระแสจิตไปหาหวงเจี๋ยที่อยู่หลังกายเขา โดยที่ไม่หันหน้ากลับไปมอง ‘เจ้าเร่งไปทะเลสาบปิดนภาโดยเฉพาะ เห็นก็เห็นแล้ว คิดเห็นอย่างไร?’
ชายหนุ่มที่อยู่หลังกายเขาเงียบสงัดสงบเยือกเย็นไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแต่กล่าวว่า “ปีเกิดครั้งที่สองของข้ากำลังจะมาถึงแล้ว”
ประโยคไร้หัวท้ายนี้ มู่กวงจวินกลับฟังเข้าใจความหมาย
เพราะว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้คนจำนวนน้อยมิกี่คน ที่เข้าใจชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังผู้นี้
“ยามปกติถ่อมตนสักหน่อยไม่เป็นไร ทว่าปีเกิดพิเศษกว่าบ้าง ควรกระทำการใหญ่สักเรื่อง ทิ้งเอาไว้เป็นอนุสรณ์”
นี่คือคำกล่าวที่หวงเจี๋ยเคยเอ่ยเอาไว้
สิ่งที่น้อยคนนักจะรู้ก็คือ ในปีเกิดปีแรกของเขา ตอนที่อายุสิบสองปีนิดๆ เขาถูกกำหนดให้เป็นผู้นำสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์รุ่นถัดไป
นี่ทำให้ตำแหน่งผู้นำสำนัก ถูกตระกูลหวงยึดกุมอย่างต่อเนื่องถึงสามรุ่น แทบจะเป็นการสืบทอดรุ่นต่อรุ่น
ทว่ายอดฝีมือระดับสูงส่วนสำคัญที่สุดของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีผู้ใดคัดค้าน ล้วนสนับสนุนการตัดสินใจนี้ทั้งสิ้น
…………….