ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 247 เหยียบย่างขั้นฝ่านภา!
พลังความสามารถพลังฝึกปรือของพวกเหลียนเฉิงและเหลียนอิ๋ง ที่ฐานะเดิมอยู่ในขุมกำลังชั้นสอง เปรียบกับศิษย์ของจวินจื้อหย่วนแล้ว แน่นอนว่าด้อยกว่าอีกขั้นหนึ่ง
ซึ่งพวกเขาไม่วาดหวังว่าจะสามารถกราบเข้าเป็นศิษย์ใต้สำนักกว่างเฉิง และมีจุดมุ่งหมายเข้าพรรคกระบี่วายุคำรามให้ได้
ขุมกำลังระดับป้อมปราการตระกูลเหลียน นอกจากผู้สืบทอดสายตรงจำนวนหนึ่งที่รับช่วงต่อกิจการตระกูลแล้ว ก็คาดหวังอีกว่าตระกูลหรือไม่ก็ภายในพรรคของตน จะสามารถมีคนก้าวเดินออกไปเข้าสู่ขุมกำลังชั้นหนึ่งได้มากขึ้นกว่านี้
ฉะนี้จึงสามารถโน้มดึงผู้หนุนช่วยเบื้องหลังได้ ความสลับซับซ้อนบนพื้นที่ขุมกำลังยุ่งเหยิงเสียยิ่งกว่าในจินตนาการของคนทั่วไปอีก
ทว่านี่ก็เป็นการคัดเลือกปกติที่สามารถเข้าใจได้เช่นกัน ดังเช่นขุมกำลังชั้นหนึ่งอย่างอาณาจักรถังตะวันออก พรรคสายรุ้งสีชาดนี้ ที่คัดเลือกชนรุ่นหลังสายตรงที่เป็นส่วนสำคัญที่สุด และผู้มีพรสวรรค์วิถีวรยุทธ์พิสุทธิ์โดดเด่นที่สุดเช่นเดียวกัน ด้วยมุ่งหวังว่าจะสามารถกราบเข้าเป็นศิษย์ใต้สำนักเขากว่างเฉิงได้เฉกเช่นเดียวกัน
หลานสายตรงของประมุขพรรคกระบี่วายุคำราม ก็เป็นศิษย์ภายใต้สำนักเขากว่างเฉิงเช่นเดียวกัน เยี่ยนจ้าวเกอยังเคยพบพานอยู่หลายครา ทั้งยังมักได้รับการฝากฝังจากผู้อาวุโสจวินให้ดูแลอยู่บ้างสักหน่อย
สำนักเขากว่างเฉิงเองก็เสริมแกร่งการควบคุมแต่ละดินแดนในอาณัติตนเอง โดยผ่านวิธีประเภทนี้เช่นเดียวกัน
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นทั้งห้า อาทิสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หรือสำนักเขาไร้พรมแดน ก็ใช้วิธีเดียวกัน
ซึ่งใต้ขุมกำลังชั้นสองเฉกเช่นป้อมปราการตระกูลเหลียน และจวนภูเขาวายุอำพัน แน่นอนยังมีขุมกำลังอื่นที่อ่อนด้อยกว่า
ส่วนเรื่องจำนวนนั้น ขุมกำลังเช่นนั้นยิ่งมากกว่าแล้ว
โลกแปดพิภพมีกระแสนิยมวรยุทธ์ ถ้าหากมองลงไปอย่างต่อเนื่อง การดำรงอยู่ของหอวรยุทธ์ หอชุมนุม และจำพวกพรรคเล็กสำนักน้อยระหว่างตลาดในเมืองยิ่งคณานับราวกับขนวัว
กระทั่งต่ำลงไปจากขุมกำลังชั้นสองอีก จอมยุทธ์ที่ฐานะเดิมอยู่ในขุมกำลังเหล่านี้ หากไม่สามารถไต่เต้าขึ้นสูง เดินไปยังโลกหล้าที่กว้างใหญ่ไพศาลกว่านี้ได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงกลมกลืนไปกับมหาชนจริงๆ แล้ว
ฝึกยุทธ์ ยังไม่ถึงขั้นบำเพ็ญฝึกวิถีวรยุทธ์ มากกว่านั้นคือเพื่อป้องกันตัวเอง ไปจนถึงขั้นดำรงชีวิต
“ท่านลุง คิดๆ ดูแล้วท่านก็คงได้ยินเรื่องความเปลี่ยนแปลงของทะเลสาบปิดนภามาบ้างเช่นกัน” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเสียงเบา “มารร้ายนพยมโลก เฉกเช่นปีศาจอัคคีของโลกปีศาจอัคคี ต่างก็เป็นศัตรูร่วมของเผ่าพันธุ์มนุษย์เรา คนของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตเสียสติ ประสงค์ชักนำนพยมโลกมาถึง ทั้งโลกแปดพิภพล้วนจำต้องป้องกัน”
จวินจื้อหย่วนพยักหน้า “แน่นอน ข่าวที่ส่งมาจากเหตุทะเลสาบปิดนภา พรรคข้าก็กำลังติดตามปัญหาด้านนี้อยู่ ป้องกันการแทรกซึมของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตอย่างกวดขัด”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวว่า “นั่นไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้วจริงๆ เรื่องนี้ยังขอให้ท่านลุงจวินเปลืองสมองสักหน่อย”
มารร้ายเจนจัดในการสุมความคิดชั่วร้าย ความปรารถนา และความยึดติดในใจผู้คน
เทียบกับหกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่แล้ว จอมยุทธ์เช่นหานเซิ่ง เฒ่ามารหัวขวานที่พเนจรตามลำพังเช่นนั้น ไม่พอใจกับฐานะที่ยืนอยู่เหนือมวลชนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหก จึงถูกภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตดึงเป็นพวกได้ง่ายยิ่งกว่า ปรารถนาทำลายเพื่อก่อเกิดการสร้าง เปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
แท้จริงแล้วในอีกแง่มุมหนึ่ง ขุมกำลังชั้นหนึ่งและขุมกำลังชั้นสองภายใต้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งหกเหล่านี้ ก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน
ปรารถนาจะคว่ำดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกแล้วแทนที่ ปรารถนากลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหม่ ปรารถนาพลังและอำนาจที่ตัดสินเองโดยสมบูรณ์…
ความคิดทำนองนี้อีกมากมาย ไม่ว่าจะความทะเยอทะยานก็ดี หรือจะความไม่ย่อท้อต่อสิ่งใดเองก็ช่าง ล้วนมีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นช่องว่างโอกาสที่ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตจะเจาะทะลวงเข้าไป
แน่นอนว่าความคิดที่คล้ายคลึงกันนี้ ไม่ได้แสดงว่าจะถูกภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตฉวยโอกาสเสมอไป และหาได้แสดงว่าจะก่อเกิดความคิดมารร้ายในใจเป็นแน่เสียเมื่อไร
นี่ล้วนขึ้นอยู่กับความแน่วแน่ของจิตใจ สติสัมปชัญญะ และการทำสมาธิของแต่ละคน
ทว่าไม่สามารถขจัดความเป็นได้นี้ทิ้งไป มีผู้มองโลกในแง่ร้ายกระทั่งคิดว่า ขุมกำลังชั้นหนึ่งและชั้นสอง กลับอาจจะเป็นเขตประสบหายนะหนักจากแทรกแซงกัดกินของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตด้วยซ้ำไป
สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว อันที่จริงเขาคิดมาโดยตลอดว่าการที่ขุมกำลังชั้นหนึ่งและชั้นสองมีความคิดเช่นนั้น นับเป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก
จอมยุทธ์มักมีพลังอันฮึกเหิมและความโอหังที่มากกว่าคนธรรมดาทั่วไปมาก ดังเช่นความแปลกประหลาดของหลิวเซิ่งเฟิงเช่นนั้นในตอนแรก แต่อย่างไรเสียก็เป็นจำนวนน้อยนิด
จอมยุทธ์ที่มีความสำเร็จได้อย่างแน่นอน มีสักกี่คนที่ยอมอยู่เบื้องล่าง?
ตอนที่พลังความสามารถตนเองไม่มากพอ รู้ชัดถึงสภาพความเป็นจริงจึงยอมอยู่ใต้อำนาจ นั่นไม่ได้หมายความว่าจะยินยอมใช้ชีวิตเช่นนี้ไปตลอดชีวิต
พึ่งพิงกำลังของตัวเองยากยิ่งจะขัดขืน จึงไปแสวงหาความช่วยเหลือจากกำลังภายนอก แต่ไรนี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่พอจะวิพากษ์เอาผิดได้เช่นกัน
กระนั้นการแสวงหากำลังจากภายนอกแบบใด นี่ก็ต้องให้ความสำคัญแล้ว
การดำรงอยู่เฉกเช่นนพยมโลกและปีศาจอัคคีนี้นั้น ก็เป็นสิ่งต้องห้ามโดยสิ้นเชิง
ผู้คนโดยส่วนมาก ต่อให้มีความทะเยอทะยานและความคิดมุ่งสูงขึ้นในใจ ก็กำจัดการดำรงอยู่เช่นนพยมโลกและปีศาจอัคคีได้เช่นกัน
อย่างไรเสีย ศัตรูร่วมที่กินคนดื่มเลือด หมดสิ้นความเป็นมนุษย์ หันหลังให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ของตัวเองโดยสิ้นเชิง อีกทั้งยังมุ่งอาฆาตต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ของตนเอง เรื่องราวเช่นนี้ ผู้คนจำนวนมากต่างก็กำจัดปฏิเสธ
หากแต่มักจะมีคนกลุ่มน้อยทนความยั่วยวนไม่ไหว กลายเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งในภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต
เทียบกับปีศาจอัคคีที่ฉุนเฉียวชอบเข่นฆ่า กินคนทั้งเป็นแล้ว มารร้ายนพยมโลกมีความฉงนฉงายและการตบตามากยิ่งกว่า ทำให้ผู้คนยากจะป้องกัน
ถึงแม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะสนทนาเรื่อยเปื่อยกับจวินจื้อหย่วน ทว่าปัญหานี้ ก็ต้องแลกเปลี่ยนความเห็นสักหน่อยเช่นกัน
ผู้เหลือรอดจากสำนักเขานิมิตทมิฬที่อุทิศตนให้ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต บัดนี้หลบซ่อนกลับวายุพิภพจำนวนมาก ภายนอกส่อเค้าต่างๆ นานา ลมฝนกำลังตั้งเค้ามายังที่แห่งนี้
‘ท่านลุงจวินยังคงไม่คิดจะรับช่วงต่อตำแหน่งประมุขพรรค?’ ในตอนที่จวินจื้อหย่วนและบุตรสาวจวนจะผุดลุกกล่าวลา เยี่ยนจ้าวเกอก็ใช้ปราณจิตราส่งกระแสจิตถามชายวัยกลางคน ‘สถานการณ์ปัจจุบันค่อนข้างยุ่งเหยิง ผู้กุมหางเสือที่แก่กล้ามีพลัง เป็นประโยชน์ต่อพรรคของท่านในการรับมือคลื่นพายุโหมกระหน่ำมากกว่า’
จวืนจื้อหย่วนได้ยินดังนั้นก็มุ่นคิ้วเล็กน้อย จมอยู่ในห้วงความคิด
เขาไม่มีกะจิตกะใจจะแก่งแย่งอำนาจ หากแต่สำหรับพรรคกระบี่วายุคำรามฐานะเดิมของตนแล้ว แน่นอนว่าเป็นกังวลเป็นธรรมดา
หลังจากส่งจวินจื้อหย่วนไปแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ไพล่มือทั้งสองไว้เบื้องหลัง ประกายตาอ่อนเรื่อ จวินจื้อหย่วนจมอยู่ในความลังเล การตัดสินใจที่ก่อนจะใคร่ครวญอีกครั้ง เยี่ยนจ้าวเกอกลับสบายใจด้วยซ้ำไป
หากว่าจวินจื้อหย่วนยังคงยืนหยัดความคิดเห็นเดิมอย่างเด็ดขาดยิ่ง ในใจเยี่ยนจ้าวเกอถึงค่อยต้องกังขา
ส่วนที่ว่าเนื่องจากจวินจื้อหย่วนเปลี่ยนความคิด เข้าร่วมการแข่งขันประมุขพรรคอีกครา จะทำให้ผู้อาวุโสหงกับผู้อาวุโสไป๋เสียสมดุลในใจ แท้จริงแล้วกลับไม่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอกังวล
เยี่ยนจ้าวเกอนอกจากต้อนรับจวินจื้อหย่วนแล้ว ก็ไม่ได้พบพานแขกเหรื่อภายนอกผู้ใดอีก
นอกจากทางด้านเยี่ยนจ้าวเกอนี้แล้ว บรรดายอดฝีมือสำนักเขากว่างเฉิงที่รวมทั้งสวีเฟย บัดนี้ดูเหมือนว่าสงบเงียบ แต่อันที่จริงแล้วต่างก็กำลังให้ความสนใจความเปลี่ยนแปลงสิ่งละอันพันละน้อยของเกาะทรายอย่างใกล้ชิด
ครั้นส่งจวินจื้อหย่วนไปแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็เริ่มการเข้าฌานใหม่อีกครั้ง
จุดมุ่งหมายของการเข้าณานครั้งนี้ ก็คือเลื่อนขั้นจากระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะท้าย สู่ขั้นฝ่านภา!
ขั้นประจักษ์นภาของระดับยุทธ์หลอมกาย ขั้นฝ่านภาของระดับปรมาจารย์ และขั้นบรรลุธรรมของระดับมหาปรมาจารย์
สามระดับขั้นนี้ถือขั้นสูงสุดของการฝึกยุทธ์ทั้งสามระดับ ได้แก่จอมยุทธ์ ปรมาจารย์ และมหาปรมาจารย์
เป็นทั้งขั้นสูงสุด และเป็นทั้งจุดเริ่มต้น เมื่อย่างเหยียบสู่ขั้นนี้ นั่นหมายความว่าจอมยุทธ์เริ่มจะพุ่งทะยานสู่งระดับขั้นนที่สูงขึ้น เตรียมตัวเพื่อที่จะก้าวข้ามคูน้ำกั้นที่แสนยากหาที่เปรียบไม่ได้นั่น
ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอก็ต้องก้าวสู่จุดสูงสุดแรกนี้ก่อนเช่นกัน จากนั้นค่อยไปยลทัศนียภาพของที่ที่สูงกว่านี้
กาลเวลาดุจสายน้ำ ผ่านพ้นไปท่ามกลางความสงบภายในห้องสงบจิต และเสียงดังเอะอะของโลกภายนอก
ค่ำวันหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอยังคงนั่งสมาธิเฉกเช่นปกติ เปลือกตาทั้งสองปิดสนิท ประหนึ่งเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างไรอย่างนั้น
ด้านบนเหนือศีรษะเขา รัศมีแสงลวงตาสายหนึ่งทะยานขึ้น ในชั่วเสี้ยวขณะหนึ่ง ผนึกแน่นเป็นของจริงฉับพลัน!
เยี่ยนจ้าวเกอลืมตาขึ้น ภายในห้องสงบจิตที่อับแสงมืดมน ชั่วพริบตาเปลี่ยนเป็นสว่างจ้าขึ้นมาราวกับเวลากลางวัน ตามการขยับลืมตาครั้งนี้ของเขา
บัดนี้เยี่ยนจ้าวเกอเหยียบย่างขั้นฝ่านภาได้สำเร็จ!
บนดวงหน้าของเขาเผยยิ้มน้อยออกมา ก่อนจะผุดลุกขึ้น แล้วผลักประตูออกไป
ที่บังเอิญก็คือ อาหู่กำลังเดินเข้าลานบ้านมาในเวลานี้พอดีเช่นกัน ครั้นแลเห็นเยี่ยนจ้าวเกอก็ตะลึงลานเป็นอย่างแรก ตามด้วยยิ้มกว้างกล่าว “คุณชาย มีเรื่องน่ายินดีคู่ขอรับ!”
————————-