ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 316 โจมตีสถานที่ที่พวกเขาไม่คาดคิด
ในตอนที่สือจวิน หลานของสือเถี่ย บุตรของสือซงเทาเกิดในปีนั้น เยี่ยนตี๋ก็อยู่ด้วยเช่นกัน มองดูเจ้าหนุ่มน้อยเติบใหญ่ตั้งแต่เป็นเด็กทารกห่ออยู่ในผ้าอ้อม กระทั่งเดินได้ด้วยตัวเอง
ชื่อของเจ้าหนุ่มน้อย ยังเป็นหยวนเจิ้งเฟิงเป็นคนตั้งให้
สายเลือดเพียงหนึ่งเดียวที่สือเถี่ยเป็นผู้มอบให้ เบื้องบนเบื้องล่างทั้งเขากว่างเฉิงต่างให้ความสนใจอย่างยิ่งยวด
เยี่ยนตี๋มองบุตรชาย “เจ้ามีความคิดอะไร ต้องการสิ่งของใดหรือไม่?”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวตอบอย่างจริงจัง “ตอนนี้ความคิดยังไม่สุกงอม ข้าเตรียมตัวมุ่งหน้ายังสุดขอบแดนเหนือ ไปตรวจสอบสถานที่จริงที่นั้นสักครา ถึงจะสามารถมีบทสรุปได้”
“หากแต่เวลานี้ไม่อาจรีบร้อนได้ชั่วคราว ปัจจุบันสุดขอบแดนเหนือกำลังอยู่ในช่วงหนาวยะเยือกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง เดินทางไปก็ไร้ประโยชน์ ข้าก็เลยถือโอกาสใช้เวลาช่วงนี้เตรียมการบางอย่างโดยละเอียดอีกที ขณะเดียวกันก็คิดทบทวนวิธีของตัวเองสักหน่อย”
“มีของบางอย่างต้องการให้ท่านกับสำนักช่วยรวบรวม เกี่ยวข้องกับการเจรจานอกนภาพิภพกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น ข้าจะเขียนรายการให้ท่านทีหลัง”
เยี่ยนจ้าวเกอแม้จะมีอำนาจแบ่งสรรใช้ทรัพยากรภายในสำนักได้ ทว่าภายใต้สถานการณ์ต่างเมือง เป็นคนในระดับเดียวกับเยี่ยนตี๋ออกหน้าจะดีกว่า
คนกลัวมีชื่อเสียงหมูกลัวอ้วน[1] ขณะนี้เยี่ยนจ้าวเกอก็นับว่าชื่อเสียงระบือไกลแล้วเช่นกัน เขาในนามเฉพาะตัวหาสิ่งของบางอย่าง ถูกคนอื่นจับตามองได้ง่ายยิ่ง
เยี่ยนตี๋ผงกศีรษะ “เขียนเรียงลำดับรายการแล้ว ก็ส่งมาให้ข้าแล้วกัน”
“มุ่งหน้าสุดขอบแดนเหนือคราวนี้ ข้าตั้งใจจะไปทะเลเหนือดูสักหน่อยเช่นกัน” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย
ผู้เป็นบิดาคิดถึงอะไรบางอย่าง แววตาทอประกายวาบ “เจ้าจะไปหาร่องรอยที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งทิ้งไว้รึ?”
ชายหนุ่มผงกศีรษะ “เงื่อนงำที่ยึดกุมได้ก่อนหน้านี้ ข้ามีเบาะแสอยู่บ้างแล้ว ภายในช่วงวันต่อๆ ไปนี้พินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดสักหน่อย บางทีอาจจะสามารถได้อะไรบางอย่าง ถ้าหากสามารถหาเบาะแสโดยอาศัยสิ่งที่ได้รับนี้มากขึ้นล่ะก็ น่าจะคุ้มค่าแก่การรอคอย”
ขณะเอื้อนเอ่ย สีหน้าอารมณ์ของเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ต่างก็หม่นหมองอยู่บ้าง
ในปีนั้นได้ป้ายโลหะเล็กมาจากมือเยี่ยจิ่ง หรือจะเป็นสือเถี่ยมุ่งหน้ายังทะเลเหนือแสวงหาเบาะแสที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง
หลังจากสือเถี่ยหวนกลับมา ก็นำสิ่งของที่มีส่วนเกี่ยวข้องปฐพีพิภพและนพยมโลกกลับมาเล็กน้อย รวมทั้งเบาะแสส่วนหนึ่งที่เกี่ยวพันกับร่องรอยจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง
เยี่ยนจ้าวเกอคิดทบทวนเกี่ยวกับมหาค่ายกลแดนมารของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต นอกจากประมือโดยตรงซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้ว ของที่สือเถี่ยนำกลับมาก็ส่งผลไม่ต่างกันนัก
หากแต่ ประมุขภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตซินตงผิงที่ในเวลานั้นยังไม่ได้เปิดโปงฐานะ แน่นอนว่าได้ประโยชน์จากในนั้นเช่นกัน
เยี่ยนตี๋กล่าว “จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งร่วงโรยไปนานนักแล้ว ถึงแม้ว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ติดกายของเขาในอดีตจะสูญหายไปไม่แจ่มชัด แต่ยังมีอยู่บนโลกจริงหรือไม่ ใครก็ไม่อาจยืนยันได้เช่นกัน เจ้าต้องการเสาะหา ข้าไม่คัดค้าน แต่ก็อย่าให้สิ้นสติเช่นกัน”
“ท่านพ่อวางใจ ข้าเข้าใจดี” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว
หลังจากหยุดชะงักไปเล็กน้อย ชายหนุ่มค่อยพูดเสียงเบาว่า “ร่องรอยของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง เป็นเรื่องที่ไม่แน่ชัดจริงๆ เพราะฉะนั้นข้าจงไม่ได้เอาของวิเศษไว้เป็นหลักทั้งหมดเช่นกัน”
“กล่าวให้ชัดคือ นี่เป็นเพียงแค่ถือโอกาส ถึงขั้นเพียงแค่อำพรางเท่านั้น”
เยี่ยนตี๋เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “โอ้?”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “ครานี้ถูกสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์บุกสำนัก นับว่าโดนฉีกหน้าโดยสมบูรณ์ สถานการณ์ขณะนี้สงบลงใหม่อีกครั้ง หากแต่เป็นเพราะว่าอัตราส่วนพลังของทั้งสองฝ่ายกลับมาสมดุลกันอีกครา”
“พลังอำนาจอีกฝ่ายมาก ต้องกลับมาสร้างความลำบากให้กับสำนักเราอีกเป็นแน่”
ตั้งแต่อาจารย์ของหวงกวงเลี่ย จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อาทิตย์ม่วงจางเชา และประมุขเขานิมิตทมิฬรุ่นสุดท้าย ร่วมกันวางแผนที่จะบุกรุกเขากว่างเฉิงในตอนที่ผู้สะเทือนสวรรค์ จ่านตงเก๋อเข้าฌานปีนั้น ทั้งสองฝ่ายก็ได้ผูกความแค้นแล้ว
ภายหลังจ่านตงเก๋อร่วงโรยไปเนื่องจากสงครามเดือดกับปีศาจอัคคี ปราณดั้งเดิมของเขากว่างเฉิงเสียหายอย่างหนัก พลังอำนาจสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ มากขึ้น ความเป็นอยู่ของเขากว่างเฉิงไม่ดีนักตลอดมา
โชคดีที่มีบุรุษเทียมฟ้า จ่านซีโหลว นำพาเขากว่างเฉิงซ่อนประกายเติบใหญ่ในราตรี ข้ามผ่านเดือนวันที่มืดมนที่สุดช่วงนั้น
ทว่าหลังจากที่จ่านซีโหลวก็ล่วงลับไป เขากว่างเฉิงไม่มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ความเป็นอยู่ก็ยากลำบากขึ้นมาอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อาทิตย์ม่วงจางเชาแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็สูญหายไปไม่ชัดเจน แต่หวงกวงเลี่ยบรรลุธรรมสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ มีมาตรสุริยันวัดสวรรค์ในมือ ความสามารถรุ่งเรืองอย่างยิ่ง
แม้ว่าหยวนเจิ้งเฟิงอห่งเขากว่างเฉิงยังมีชุดคลุมนภาปราบปรามภารกิจพื้นฐาน กลับทำได้เพียงอาศัยมหาค่ายกลนภา ปกป้องสำนักได้ไร้กังวล ทว่ายังไม่เพียงพอที่จะรุดหน้า ปล่อยให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ครอบงำ ฮุบแทรกซึมเข้าไปทีละก้าวๆ
ในเวลานั้นเมืองทะเลมรกตถูกตำหนักอัสนีสวรรค์กับปีศาจอัคคีทะเลตะวันออกโจมตีขนาบ เขาไร้พรมแดนคอยเฝ้าสังเกตสถานการณ์ ทั้งเขากว่างเฉิงล้วนมีแรงกดดันมหาศาล
ไม่เช่นนั้นฟางจุ่นก็คงไม่ถึงขั้นใช้วิธีโจมตีไปถึงปฐพีพิภพเช่นกัน
ผลคือฟางจุ่นรั้งม้าหน้าผาได้ทันกาล กลับทำให้ซินตงผิงเลือกเดินทางเส้นนั้นต่อไป
หวงกวงเลี่ยมีความคิดจะครองบัลลังก์แปดพิภพถึงที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงเข้าฌานมุ่งแสวงฝ่าทะลวงอีกครั้ง เขากว่างเฉิงถึงได้มีช่องว่างให้เคลื่อนไหวค่อนข้างมาก
กระนั้นในใจมวลชนแต่ไรไม่เคยผ่อนสบาย ถ้าหากหวงกวงเลี่ยออกฌานโดยสมบูรณ์ รูปการณ์ต้องยิ่งใหญ่ขึ้นเป็นแน่ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็จะแกร่งกล้าขึ้นเช่นกัน
หากแต่ สถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายในตอนนี้แตกต่างโดยสิ้นเชิงแล้ว
หยวนเจิ้งเฟิงบรรลุธรรมสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ หวงกวงเลี่ยแม้จะพัฒนาขึ้นอีกก้าวเช่นกัน กลับทำมาตรสุริยันวัดสวรรค์หายไป
ภายใต้สถานการณ์ในปัจจุบันที่มีหยวนเจิ้งเฟิงกับชุดคลุมนภารักษาการณ์ด้วยตัวเอง ทำให้หวงกวงเลี่ยไม่กล้ามาเหยียบเขากว่างเฉิงซ้ำอีกโดยเด็ดขาด
หวงกวงเลี่ยยังมีชีวิตอยู่ อยากบุกยึดยอดเขาเรืองรอง ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันที่สถานที่อื่น หยวนเจิ้งเฟิงที่มีชุดคลุมนภาเสริมกาย ยังคงครองความได้เปรียบมากกว่า
พันธมิตรทั้งสองฝ่าย เมืองทะเลมรกตและเขาไร้พรมแดน ขนาบตำหนักอัสนีสวรรค์ไว้ตรงกลาง สองต่อหนึ่ง
โชคไม่เข้าข้างใครตลอดไป ตอนนี้ถึงคราวเขากว่างเฉิงพลิกกลับมาบีบสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ทุกทาง สะสางบัญชีเก่าแล้ว
เพียงแต่ตามที่หยวนเจิ้งเฟิงบรรลุธรรมสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ พลังความสามารถของเขากว่างเฉิงก็พรวดสูงขึ้น เมืองทะเลมรกตกับเขาไร้พรมแดนเผชิญหน้ากับพันธมิตรที่แจ่มชัดว่าสูงเหนือฝ่ายตน ถึงแม้ต้องพึ่งพาอาศัยหยวนเจิ้งเฟิงถ่วงดุลหวงกวงเลี่ย ทว่าสุดท้ายแล้วในใจคิดเช่นไร ก็ยังไม่รู้ได้เช่นกัน
เนื้อในสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หนาแน่นเช่นเดียวกัน พลังเปี่ยมล้น เขากว่างเฉิงคิดอยากถือไพ่เหนือว่าโดยสิ้นเชิง ครั้นชำระแค้นที่บุกเขา ก็ยังคงไม่ง่ายเช่นกัน
สถานการณ์ของโลกแปดพิภพ ตกอยู่ในสภาวะสมดุลที่อันตรายซ้ำยังเปราะบาง
เยี่ยนจ้าวเกอเอื้อนเอ่ย “ต้องการชัยชนะในการแข่งขัน ไม่นอกเหนือไปจากการพยายามทั้งสองทิศทาง ไม่เสริมแกร่งตนเอง ก็ต้องตัดกำลังศัตรู”
“ถ้าหากมีการค้นพบร่องรอยของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งอย่างยิ่งใหญ่ สามารถนำพาพลังความสามารถสำนักให้ยกระดับอย่างสูงได้ เช่นนั้นแน่นอนว่าดี แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้ยังไม่อาจยืนยัน”
ในลูกตาดำทั้งสองของเยี่ยนจ้าวเกอทอประกายแสงเย็นวาบ “มีไมตรีจิตมอบให้ ทว่าไม่มีไมตรีจิตตอบสนอง ช่างไร้มารยาทนัก เช่นั้นข้าก็จะส่งของกำนัลตอบกลับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กลับชุดหนึ่ง”
เยี่ยนตี๋กล่าวอย่างสงบนิ่ง “จะรับมือหวงกวงเลี่ยนั้นไม่ง่ายเลย ต่อให้มันจะไม่มีมาตรสุริยันวัดสวรรค์แล้วก็ตาม”
หวงกวงเลี่ย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเสาเอกของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ เขาได้รับบาดเจ็บ พลังของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะพร่องลงไปทันที
ทว่าเช่นเดียวกัน ต่อให้เพิ่งจะปะทะจนหัวร้างข้างแตกที่เขาเขากว่างเฉิง ความแกร่งกล้าของหวงหวงเลี่ยก็ยังคงมหาศาลไม่ต้องสงสัยเช่นกัน
พิจารณาจากพลังความสามารถเฉพาะตัว หวงกวงเลี่ยที่ออกฌานโดยสมบูรณ์รุดหน้าขึ้นอีกขั้นได้สำเร็จ รากฐานสามารถถือได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในโลกแปดพิภพปัจจุบัน
หากหยวนเจิ้งเฟิงไม่มีชุดคลุมนภา เทียบกับเขาแล้วก็ยังด้อยกว่าเช่นกัน
สงครามกว่างเฉิง ก็มีการตรึงไว้ของหยวนเจิ้งเฟิง ค่ายกลสังหารของเยี่ยนจ้าวเกอถึงจะสำแดงอิทธิฤทธิ์ ทำให้หวงกวงเลี่ยปล่อยมาตรสุริยันวัดสวรรค์ทิ้งไป
เยี่ยนตี๋กล่าวถาม “เจ้าจะพุ่งเป้าไปที่สตรีแห่งจันทราของพวกเขารึ?”
เยี่ยนจ้าวเกอสั่นศีรษะ “หวงกวงเลี่ยเอง เสริมด้วยเมิ่งหว่าน เป็นจุดแข็งที่สุดของพวกเขา เมิ่งหว่านแม้ระดับพลังฝึกปรือต่ำต้อย แต่ความได้เปรียบในการประลองสตรีแห่งจันทรานั้นมากยิ่ง พวกเขาตอนนี้จะให้ความสำคัญมากขึ้น ปกป้องอย่างเน้นหนัก ถึงขั้นวางแผนลอบสังหารศิษย์น้องเฟิงของพวกเราทางนี้ นี่เป็นสถานที่ที่พวกเขารวมขุมพลังไว้มากที่สุดตอนนี้”
เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาลงเล็กน้อย “ข้าต้องการโจมตีสถานที่ที่พวกเขาไม่คาดคิด ทำให้พวกเขาอ่อนแอ”
………………..
[1] คนกลัวมีชื่อเสียงหมูกลัวอ้วน เป็นสุภาษิตจีน หมายถึง คนเมื่อมีชื่อเสียงจะนำพาความยุ่งยากมาสู่ตน เหมือนหมูเมื่ออ้วนก็จะโดนฆ่า