ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 335 เหนือทะเลตะวันออก
ไม่ใช่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอรู้ดีอย่างยิ่งว่าพรสวรรค์วรยุทธ์ของอิ่นหลิวหัวเป็นอย่างไร เพียงแต่อ้างอิงตามคำพูดของผู้อาวุโสเจิ้นแห่งสำนักเขากว่างเฉิง ผู้ที่เป็นคนค้นพบนางแล้ว นางมีพรสวรรค์ในเส้นทางวรยุทธ์ที่โดดเด่นอย่างยิ่ง
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอตรวจสอบ พลังจันทราที่มีมาแต่กำเนิดทั่วกายแล้ว ก็ยอมรับข้อเท็จจริงนี้เช่นกัน
ถึงแม้ว่าจะห่างชั้นจากพวกฝานชิวและเมิ่งหว่านอยู่ กระนั้นก็ไม่นับว่าแย่ นับว่าอยู่ในระดับเดียวกันกับเฉินซู่ถิง เหนียนเหลย และหลิงฮุ่ยด้วยซ้ำ
แม้จะเป็นเช่นนี้ เมื่อพรสวรรค์ตั้งแต่กำเนิดไม่ดีพร้อมค่อยเพิ่มพูนในภายหลัง โดยมีวิธีบ่มเพาะของเยี่ยนจ้าวเกอมากมาย สุดท้ายแล้วผลพวงก็จะไม่ต่ำต้อยเช่นกัน
หากแต่ปัญหาอยู่ที่ระดับพลังฝึกปรือของอิ่นหลิวหัวในตอนนี้ต่ำเกินไป
แม้ระดับพลังฝึกปรือจะไม่ใช่ปัจจัยในการตัดสินเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น กระนั้นกลับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเชื่อมประสานกับสตรีแห่งจันทรา
ล้วนไม่กล่าวถึงอย่างอื่น แม้จะเป็นสตรีแห่งจันทรา อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีพลังในระดับปรมาจารย์ก่อน จึงจะสามารถเชื่อมประสานกับมงกุฎแห่งจันทราได้
หากพลังจันทราแกร่งกล้า ยอดทักษะจันทราเกรียงไกร ทว่าระดับพลังฝึกปรือของตนต่ำต้อยเกินไป ก็ยากที่จะประชันกับสตรีแห่งจันทราคนอื่นๆ อย่างยิ่งเช่นกัน
อวิ๋นซิ่วชิงแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เองก็เป็นเช่นนี้
ทว่าต่อให้เป็นอวิ๋นซิ่วชิงผู้นั้น ก็มีระดับพลังฝึกปรือระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกแล้วเช่นกัน
ไม่เอ่ยถึงเฉกเช่นเมิ่งหว่านและเฉินซู่ถิงที่เลื่อนระดับถึงขั้นเคียงนภาแล้วเช่นนั้น ถ้าหากอวิ๋นซิ่วชิงมีระดับพลังฝึกปรือระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราเช่นเดียวกับพวกเฟิงอวิ๋นเซิงกับฝานชิว สุดท้ายแล้วจะชนะหรือแพ้ไม่พูดถึงก่อน อย่างน้อยๆ ระหว่างประลองก็จะไม่ถูกพวกเฟิงอวิ๋นเซิงกระหน่ำโจมตีโดยไม่อาจตอบโต้
ซึ่งหากอิ่นหลิวหัวที่อยู่เบื้องหน้าเริ่มต้นตอนนี้ ก็อาจจะสายไปบ้างแล้วจริงๆ
บรรดาผู้ที่นำหน้าไปแล้ว ไม่มีทางย่ำอยู่กับที่รอให้นางไล่ตามทัน ทุกคนต่างกำลังมุ่งตะบึงไปข้างทั้งสิ้น
ถ้าหากยืดเวลาไปอีกสักนิด ให้อิ่นหลิวหัวมุมานะบากบั่น ซ้ำยังมีวิธีต่างๆ นานาและทรัพยากรของเยี่ยนจ้าวเกอ รวมถึงสำนักเขากว่างเฉิงทดเสริมตลอดเวลา จะสามารถเหนือกว่าเมิ่งหว่านกับเฟิงอวิ๋นเซิงได้หรือไยงม่ไม่พูดถึง หากแต่ไล่ตามคนอื่นๆ ให้ทันยังพอมีหวัง
ทว่านั่นก็ต้องใช้เวลาที่ค่อนข้างยาวนาน สถานการณ์โลกแปดพิภพในปัจจุบันแปรผันในชั่วพริบตา เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงใช้เวลาคิดหาวิธีอยู่สองสามปี มักมีความรู้สึกว่าวางแผนไม่ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดบ่อยๆ ฉะนั้นก็ยิ่งอย่าได้เอ่ยถึงสถานการณ์ของอิ่นหลิวหัวในตอนนี้เลย
ฟู่เอินซูกล่าว “การที่จะไล่ตามพวกเมิ่งหว่านให้ทัน ย่อมยากลำบากอย่างแน่นอน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีหวัง อวิ๋นเซิงก็พัฒนาพรวดพรวดจนถึงระดับตอนนี้ภายในเวลาไม่ถึงสามปีไม่ใช่หรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอมองอิ่นหลิวหัวแวบหนึ่ง ค่อยเอื้อนเอ่ยว่า “ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ได้ แต่หาใช่ง่ายดายไม่ ยังต้องดูที่ตัวนางเองด้วย”
“พรสวรรค์ในด้านวรยุทธ์ของอิ่นหลิวหัวนับว่าไม่เลว ถึงแม้ว่าอาจารย์ของนางก่อนหน้านี้จะมีระดับฝีมืออยู่บ้าง แต่ก็ทำให้นางเสียเวลาไปไม่น้อยแล้ว ปัจจุบันเข้ามาในสำนักเขากว่างเฉิงของเราแล้ว ขอเพียงแค่ยอมตรากตรำฝึกฝนอย่างหนัก ไม่เคยเลยที่จะไม่มีความเป็นไปได้ที่จะก้าวหน้าขึ้นอย่างพรวดพราด และไล่ตามคนอื่นให้ทัน” ฟู่เอินซูกล่าว
“ยิ่งไปกว่านั้น สภาพของอวิ๋นเซิงตอนนี้ดีเยี่ยม สำนักเราสามารถเห็นแสงรำไรที่จะช่วงชิงมงกุฎแห่งจันทรามาได้แล้ว ส่วนหลิวหัวก็สามารถเป็นเหมือนเจ้าเด็กน้อยแซ่อวิ๋นของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ที่จู่ๆ ก็โผล่มาในปีนี้ผู้นั้น เป็นผู้ช่วยคอยช่วยเหลืออวิ๋นเซิง และยกระดับแผนการได้ชัยชนะได้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”
วาจานี้ของฟู่เอินซูเป็นการกล่าวต่อหน้าอิ่นหลิวหัว นางหันหน้ากลับไปมองทางอิ่นหลิวหัว “ถ้าหากเจ้าสามารถเหนือกว่าอวิ๋นเซินได้ เช่นนั้นภาระหนักอึ้งในการได้รับมงกุฎแห่งจันทราของสำนักก็จะตกอยู่บนบ่าของเจ้าอย่างแน่นอน แม้เจ้าจะเริ่มต้นค่อนข้างสายไป แต่ถ้าหากมีปณิธานแน่วแน่ล่ะก็ จำเป็นต้องพยายามให้มากขึ้น มุ่งแสวงหาความก้าวหน้าอย่างห้าวหาญ”
อิ่นหลิวหัวมองฟู่เอินซู แล้วก็มองเยี่ยนจ้าวเกอ ก่อนจะรีบร้อนกล่าวว่า “ยังต้องขอให้ท่านและศิษย์พี่เยี่ยนโปรดชี้แนะมากกว่านี้”
เยี่ยนจ้าวเกอเอื้อนเอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “สำหรับแผนบ่มเพาะเจ้า จะเหมือนเช่นศิษย์น้องเฟิงทุกประการ”
“ตามหลักแล้ว เจ้าเริ่มต้นค่อนข้างช้า ดังนั้นความหนักหน่วงในการฝึกฝนย่อมต้องมากกว่า ต้องเป็นเช่นนี้ถึงจะสามารถไล่ตามพวกศิษย์น้องเฟิงได้ทัน หากแต่ความหนักหน่วงในการฝึกฝนของศิษย์น้องเฟิงก็หนักมากอยู่แล้ว บางครั้งถึงขนาดที่ข้ามผ่านขีดจำกัดที่ทุกคนจะสามารถทนได้แล้ว”
“ถ้าหากยังจะเคี่ยวเข็ญเจ้าต่อไปอีก เกรงว่าเจ้าจะไม่อาจทนไหว”
ชายหนุ่มกล่าว “ฉะนั้น ผลักดันตนเองให้เหมือนกับศิษย์น้องเฟิงในตอนแรกก่อนก็แล้วกัน รอหลังจากเจ้าผ่านประสบการณ์จริง สมมุติว่ารู้สึกว่าตัวเองสามารถทนได้มากกว่านี้ เช่นนั้นพวกเราค่อยเพิ่มระดับตามสถานการณ์กันอีกครา”
อิ่นหลิวหัวเม้มริมฝีปาก ฉับพลันนั้นรู้สึกว่าการที่ตนเข้ากราบเข้าเป็นศิษย์สำนักเขากว่างเฉิงแล้ว ไม่แน่ว่าจะโชคดีเหมือนที่คาดไว้ในตอนแรกเช่นนั้น
ทว่านางเองก็มีความโอหังและความหยิ่งในศักดิ์ศรีของคนวัยหนุ่มสาวอยู่บ้างเช่นกัน จึงกล่าวในทันทีว่า “ศิษย์พี่เยี่ยนโปรดวางใจ ข้าจะอดทนฝึกฝนอย่างแน่นอน”
เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ “นอกจากนี้ ในฐานะสตรีแห่งจันทรา เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวเอง หากอยู่ในสำนักก็แล้วไป แต่ถ้าออกเดินไปภายนอก จะต้องคอยระวังคนอื่นลอบทำร้าย ข้าเชื่อว่าปัญหาในด้านนี้ อาจารย์ฟู่เคยเตือนเจ้าแล้ว”
ฟู่เอินซูกล่าว “เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว”
อิ่นหลิวหัวรีบร้อนกล่าว “เจ้าค่ะ อาจารย์กำชับข้าอยู่บ่อยๆ”
คำที่นางเรียกฟู่เอินซู ในขณะที่นางตอนนี้อยู่ในชุดสีขาวของศิษย์ธรรมดา หากเข้าหูผู้อาวุโสตำหนักอาญาล่ะก็ ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีใครคิ้วขมวด
เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้นัก เมื่อสำนักรับอิ่นหลิวหัวเข้าสำนัก แรกเริ่มก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นศิษย์ธรรมดา นางกับเฟิงอวิ๋นเซิงกราบเป็นศิษย์ภายใต้ฟู่เอินซูด้วยกัน ก็เป็นเรื่องที่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้าเช่นกัน
ถึงแม้ว่าบัดนี้นางจะสวมชุดสีขาวทั้งกาย หากแต่อยู่ข้างกายฟู่เอินซู และได้รับของล้ำค่าส่วนตัวของฟู่เอินซูกับทรัพยากรของสำนักต่างๆ นานา ไม่ใช่ศิษย์ธรรมดาทั่วไปจะเปรียบได้อย่างแน่นอน
นี่ไม่ได้เกี่ยวกับว่ายุติธรรมหรือไม่ยุติธรรม ความยุติธรรมนั้นอยู่ที่ความเท่าเทียมของโอกาส ทว่าเงื่อนไขระหว่างผู้คนมีความแตกต่างกัน การที่สำนักต้องการผู้ที่มีความสามารถระดับสุดยอด แน่นอนว่าต้องพยายามทำให้ยอดฝีมือนั้นแกร่งกล้ายิ่งขึ้น หาใช่ฝืนพยายามทำให้เฉลี่ยเท่ากันไม่
แน่นอนว่าการได้รับอำนาจและสิ่งของที่มากกว่า จะทำให้ภาระและหน้าที่มากขึ้นไปด้วย
เพียงแต่การที่ตอนนี้อิ่นหลิวหัวเรียกฟู่เอินซูเช่นนี้ นางเองก็น่าจะยังไม่ได้มีความกล้าหาญอะไรขนาดนั้น เกินกว่าครึ่งเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากฟู่เอินซูในยามปกติ
เยี่ยนจ้าวเกอก็เกาศีรษะอยู่บ้างชั่วขณะหนึ่ง สำหรับอาจารย์ป้าผู้ไม่สนใจอะไรคนนี้
ฟู่เอินซูทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มองเยี่ยนจ้าวเกอพลางเอ่ยถามว่า “เรื่องของแม่ลูกจวินเอ๋อร์ เจ้ามีเบาะแสแล้วหรือ?”
ชายหนุ่มกล่าวตอบ “ในช่วงหลายวันมานี้ สุดท้ายแล้วของที่จำเป็นก็จะหาได้ครบแล้ว ถึงเวลาข้าก็จะออกเดินทาง แต่จะมีความมั่นมากน้อยเพียงใดนั้น ยังต้องสำรวจสถานที่จริงก่อนจึงจะรู้ได้”
ฟู่เอินซูถอนใจเบาๆ “เรื่องนี้ เจ้าจงพึงใส่ใจใคร่ครวญให้มากกว่านี้ ต้องการสิ่งใด ขอให้พูดมาตรงๆ”
ในชั่วขณะนี้ ใบหน้าฟู่เอินซูก็มีสีหน้าเอาจริงเอาจังขึ้นอย่างมาก
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “อาจารย์ป้าโปรดวางใจ ข้าจะทุ่มเทพยายามสุดกำลัง”
หลายวันถัดจากนี้ เยี่ยนจ้าวเกอหยุดอยู่ข้างกายฟู่เอินซูชั่วคราว จัดวางแผนการฝึกฝนเรียนรู้ต่อไปของอิ่นหลิวหัว โดยยึดตามสภาพร่างกายของนาง
นอกจากนี้แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอเองก็ประมือกับปีศาจอัคคีที่กระเจิดกระเจิงเข้ามา บนทะเลส่วนนอกของทะเลตะวันออกอย่างแท้จริง
‘มีบ่อเกิดมาจากที่ราชันปีศาจอัคคี ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในอดีตนั่นอย่างที่คิด’ เยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ แจ่มชัดในใจ ความคิดร้อยแปดพันเก้าผุดขึ้นมาในสมอง
หลังจากผ่านไปหลายวัน ของที่เยี่ยนจ้าวเกอต้องการก็เตรียมพร้อมทั้งหมดแล้ว เขาจึงกล่าวลาฟู่เอินซู แล้วออกเดินทางอีกครั้ง
ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งทะเลตะวันออกแซ่จางที่รักษาการณ์อยู่ที่นี่โดยเฉพาะ ถึงแม้ว่าจะไม่สู้เมืองทะเลมรกตผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นอย่างแน่นอน กระนั้นก็มีความเข้าต่อในสถานการณ์ของมหาสมุทรอยู่บ้างไม่มากก็น้อยเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอเชื่อมโยงข้อมูลเหล่านี้แล้ว สามารถกำหนดเส้นทางเดินเรือมุ่งหน้าขึ้นเหนือของตัวเองได้อย่างสะดวก
ถึงแม้ว่ามหาสมุทรจะโคลงเคลง ทว่าวิธีเดินทางของเยี่ยนจ้าวเกอก็ค่อนข้างพิเศษ
กระสวยเบิกดินแดนไม่เพียงสามารถทะลุผ่านแผ่นดินได้เท่านั้น ยังสามารถดำน้ำอยู่ในทะเลลึกได้เฉกเช่นปลาแหวกว่ายเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอก็ฝ่าลมโต้คลื่น ผ่านทะเลตะวันออก มุ่งหน้าไปยังทะเลเหนือเช่นนี้
………………..