ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 344 ซากมังกร
เมื่อลงไปในทะเลสาบน้ำแข็ง เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบเสียดกระดูกไปทั่วร่างกายอย่างแจ่มชัด
ทว่าเทียบกับความน่าหวาดผวาในตอนที่เผชิญหน้ากับแกนน้ำแข็งใยดินก่อนหน้านี้แล้ว กลับด้อยกว่ามาก
เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่ลงไปเคลื่อนไหวอยู่ใต้ทะเลสาบน้ำแข็ง ขณะที่ปราณจิตราทั่วร่างเยี่ยนจ้าวเกอผันแปร เขตต้องห้ามภายในทะเลสาบก็บังเกิดการตอบสนองร่วมอย่างไม่ชัดเจนนัก
วงแหวนแสงสีขาวหลายวงแผ่กระจายออกไปในทะเลสาบน้ำแข็ง ขณะเดียวกันกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา
ภายในธารแสงสีขาวผุดไอเย็นหลายสายออกมา เย็นจนน้ำทะเลสาบส่วนลึกแข็งตัว ทำให้แสงขาวค่อยๆ กลายเป็นวัตถุจริง
ระหว่างที่คลื่นใต้น้ำก้นทะเลสาบโหดซัด วังน้ำแข็งที่มีท่วงทำนองโบราณและเรียบง่าย และมีพลังปราณมหาศาลปรากฏขึ้นโดยไม่มีที่มาที่ไป เป็นปรากฏการณ์อันโออ่าสง่างามทีเดียว
เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่สองคนเห็นสถานการณ์ ก็อดที่จะพร่ำชมไม่ได้
ด้านหลังมีเสียงน้ำดังขึ้น จอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ไล่ตามมาทันแล้ว
มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณที่ก่อนหน้านั้นถูกเสาทางเดินวังเทพขัดขวางไว้ผู้นั้น บัดนี้มีสีหน้าซีดเซียว เป็นคนนำหน้าพรรคพวกของตน
คนยังไม่ทันได้ลงน้ำ การรุกโจมตีอย่างบ้าคลั่งก็ไล่ตามเยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่มาแล้วก่อนที่จะคิดเสียอีก
มังกรสายฟ้าที่น่าหวาดหวั่นตัวหนึ่งลงมาภายในน้ำ ขณะร้องคำราม สายฟ้านับไม่ถ้วนก็แผ่กระจายอยู่ภายในน้ำทะเลสาบ ประดุจกับตาข่าย กระจายไปทั่วสารทิศ
งูสายฟ้านับร้อยล้านโลดแล่น ขวักไขว่อยู่ในน้ำอย่างรวดเร็ว ไล่ตามมาทางเยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่
แสงอัสนีบ้าระห่ำระเบิดกระจายอยู่ในน้ำไม่หยุด ถึงขั้นทำให้อุณหภูมิน้ำเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันไอเย็นภายในทะเลสาบน้ำแข็งก็ไม่เข้มข้นขนาดนั้นอีกต่อไป
มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณคนนี้ก็กระโดดตามลงน้ำตามมาติดๆ ระหว่างที่ชักดาบเล่มหนึ่ง อันเป็นอาวุธวิญญาณระดับกลางออกมา สายฟ้าบ้าคลั่งก็ผ่าไปทางพวกเยี่ยนจ้าวเกอทั้งสองคนซ้ำแล้วซ้ำอีก ราวกับห่าฝนก็ไม่ปาน
แสงสายฟ้าทำลายล้างตามอำเภอใจ ทำให้จอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ที่ไล่ตามเข้ามาในน้ำ รู้สึกชาตามร่างกาย
เยี่ยนจ้าวเกอไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ ปีกเซียนกระเรียนช่างมหัศจรรย์นัก สามารถพัดกระพืออยู่ภายในน้ำได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน พุ่งออกไปทางวังน้ำแข็งก้นทะเลสาบด้วยความเร็วสูงสุด
ตอนที่เขากับอาหู่เข้าใกล้วังน้ำแข็งแล้ว บนวังน้ำแข็งก็มีแสงสีขาวหลายสายเปล่งประกายขึ้นเป็นริ้ว ก่อตัวกลายเป็นฉากกั้น พลันตัดขาดแสงสายฟ้าที่ไล่ตามมาทันที
เยี่ยนจ้าวเกอมาถึงประตูใหญ่ของวังน้ำแข็ง ก่อนจะกดฝ่ามือลงไปบนประตูใหญ่ กรอกปราณจิตราเข้าไปภายใน
ตำแหน่งฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอที่กดอยู่บนประตูใหญ่ พลันปรากฏลวดลายนูนสี่มุมขนาดรัศมีวงกลมขนาดหนึ่งหมี่โดยประมาณ
ระหว่างที่ลวดลายเปล่งประกายวามวาว ทั้งกายเยี่ยนจ้าวเกอประหนึ่งหลอมรวมเข้าสู่ภายในน้ำแข็ง ค่อยๆ เริ่มหายไป
จอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ที่ไล่ตามลงน้ำไปล้วนร้อนรน มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณคนนั้นฟันดาบหนึ่งไปทางเยี่ยนจ้าวเกอเต็มกำลัง
ทว่าริ้วแสงสีขาวรอบๆ วังน้ำแข็งสั่นสะเทือนดังกึกก้อง ราวกับสัตว์ใหญ่ที่ถูกยั่วให้โกรธขณะอยู่ในระหว่างจำศีล หลังจากปัดป้องประกายดาบสายฟ้าแล้ว ก็พัดกระพือคลื่นความเย็นโหมกระหน่ำไล่หลัง โจมตีโต้กลับไป
ผู้อาวุโสตำหนักอัสนีสวรรค์ผู้นี้รู้สึกทันทีว่าตนเองไม่อาจต้านทานไหว ทำได้เพียงล่าถอยด้วยความจำใจ
ทว่าภายใต้การม้วนขึ้นของคลื่นความเย็น น้ำทะเลสาบทั่วทั้งผืนราวกับล้วนมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นน้ำแข็งทั้งสิ้น
ระหว่างที่หิมะและน้ำแข็งยื่นขยายออกไป ผู้อาวุโสตำหนักอัสนีสวรรค์ไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย ขณะที่เบิกตากว้างร้องตะโกน ก็ปล่อยดาบวิเศษ อาวุธวิญญาณระดับกลางของตนร่วงลง อาศัยพลังปะทุชั่วพริบตา ผละออกจากการผูกมัดของหิมะและน้ำแข็ง เช่นนี้ถึงจะฉวยโอกาสพุ่งออกมาบนผิวน้ำ ไม่ได้ถูกแช่แข็งปิดผนึกอยู่ภายในทะเลสาบ
ส่วนจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์คนอื่นๆ เวลานี้กำลังช่วงชิงกันหนีออกมาจากทะเลสาบน้ำแข็ง ในใจบ่นเพียงว่าไฉนบิดามารดาถึงให้ขามาเพียงสองข้างเช่นนี้ ด้วยกลัวว่าจะวิ่งได้ช้าเกินไป
เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่ยืนอยู่ก้นทะเลสาบ กลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ฝ่ามือเยี่ยนจ้าวเกอกดอยู่บนประตูใหญ่วังน้ำแข็ง ร่างกายค่อยๆ หลอมสู่ภายใน
อาหู่ถูกเขาพาเข้าไปภายในวังน้ำแข็งพร้อมกัน
เมื่อเข้าไปภายในวังน้ำแข็งแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้รุดหน้าเข้าไปในทันที หากแต่หยุดนิ่งอยู่กับที่ สังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างละเอียดสักครู่หนึ่งก่อน
วังน้ำแข็งสูงใหญ่ รูปแบบของสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดก็ดูเหมือนว่างดงามเรียบง่ายและโล่งกว้าง บนผนังกำแพง มีมังกรสลักนูนไว้ สมจริงประหนึ่งกับมีชีวิตจริงๆ
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูมังกรน้ำแข็งสลักนูนอย่างละเอียด ก่อนจะค่อยๆ หรี่ตาลง “มังกรสมกับคุณค่า ความร่ำรวยของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง นอกจากร่องรอยวรยุทธ์ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่แล้ว ไม่ได้หลีกหนีความสัมพันธ์กับเผ่ามังกรอย่างที่คิด”
หลังจากเพ่งพินิจทั่วทั้งวังน้ำแข็ง และสัมผัสการไหลเวียนพลังชีวิตภายในนั้นแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็รำพึงรำพันกับตัวเอง “ไม่ใช่สถานที่ฝังกระดูกของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์น้ำแข็ง แต่กลับเป็นที่พำนักของเขาในอดีต”
อาหู่เอ่ยถาม “คุณชายขอรับ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง น่าจะเป็นหนึ่งในจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ในโลกแปดพิภพ หลังจากวิกฤตการณ์ใหญ่ เริ่มต้นวรยุทธ์ขึ้นมาใหม่ ก่อนหน้าผู้ใดกระมัง?”
เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ “ถูกต้อง เป็นคนรุ่นเดียวกันกับปฐมาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนัก เฒ่าเบิกฟ้า หนึ่งในยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์กลุ่มแรกหลังจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ของโลกแปดพิภพ”
“เพียงแต่ว่า ไม่สร้างรากฐานวรยุทธ์ของโลกแปดพิภพขึ้นใหม่ เหมือนเช่นท่านปฐมาจารย์กับผู้อาวุโสคนอื่นๆ บางส่วน”
“จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งคุ้นชินกับการไปไหนมาไหนลำพัง น้อยนักจะมีใครได้สัมผัสพูดคุยกับเขา จึงไม่มีผู้ใดสืบทอดวรยุทธ์ไว้เช่นกัน เป็นหรือตายยังไม่ชัดเจน ส่วนภาพที่ปรากฏอยู่บนประวัติศาสตร์ราวกับสตรีอ่อนช้อย”
“เพียงแต่นี่ไม่สามารถปกปิดความมหัศจรรย์ของเขาได้ และก็เป็นบุคคลอันดับหนึ่งในโลกแปดพิภพภายหลังอย่างแท้จริงเช่นกัน”
ชายหนุ่มกอดออกมองดูวังน้ำแข็งตรงหน้า “นั่นเป็นเพราะว่าเรื่องที่ยากต่อการเข้าใจมีมากอย่างยิ่ง ดังนั้นกลับมีคนจำนวนมาสนใจการหายตัวไป และสนใจยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ท่านนี้ ว่าไปทำอะไรกันแน่”
“น่าเสียดาย เบาะแสที่เขาเหลือไว้มีน้อยเกินไป จวบจนถึงหลายปีมานี้ เพิ่งจะมีร่องรอยให้ได้ตาม”
ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว ในสมองก็ผุดข้อมูลที่ได้มาในตอนนั้นอีกครั้ง “หมู่ดาราร่วมตัว หมู่มังกรลงทะเล บ่อน้ำเย็นเก่าแก่ เกล็ดย้อนสะท้านจันทรา…”
“การหายตัวไปของเขา อาจจะเกี่ยวข้องกับของจำนวนมากก็เป็นได้เช่นกัน”
ครั้นเก็บความคิดลง เยี่ยนจ้าวเกอจึงค่อยสืบเท้าไปด้านหน้า “ไปกันเถอะ ให้ข้าได้ชมที่พำนักเดิมของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ท่านนี้สักหน่อย ว่ามีของอะไรที่มีคุณค่าเหลือไว้หรือไม่”
ทั้งสองคนมุ่งหน้าผ่านหิมะน้ำแข็งชั้นแล้วชั้นเล่าตลอดทาง จนมาถึงบริเวณศูนย์กลางวังน้ำแข็ง
ยามที่สืบเท้าเหยียบเข้ามา มีไอเย็นปะทะเข้ามาเป็นระลอกๆ
เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอมองไปอย่างละเอียด ก็เห็นว่าเสาน้ำแข็งหนาใหญ่ท่อนหนึ่ง ตั้งอยู่ใจกลางตำหนัก ราวกับค้ำยันวังน้ำแข็งไว้
เมื่อมองดูรูปร่างเสาน้ำแข็งกระจ่างชัด ลูกตาดำเยี่ยนจ้าวเกอพลันหดเล็กลงชั่วครู่
เสาน้ำแข็งโปร่งใส ภายในผนึกไว้ด้วยเงาสีดำขนาดใหญ่เงาหนึ่ง
ปรากฏว่าคือซากของมังกร!
ไม่ใช่กระดูกมังกรน้ำแข็งที่ค้นพบกลางเทือกเขามฤคลับตาที่ถังตะวันออกเมื่อหลายปีก่อน หากแต่เป็นซากศพมังกรแท้ที่สมบูรณ์
กรงเล็บมังกร เกล็ดมังกร หนวดมังกร หางมังกร…ทั้งหมดล้วนมีครบ
นอกจากจะไม่มีชีวิตแล้ว อย่างอื่นล้วนครบถ้วน ถูกผนึกแช่แข็งไว้ภายในเสาน้ำแข็ง คล้ายกับเพียงแค่อยู่ในช่วงจำศีลเท่านั้น ดูไปแล้วประหนึ่งกับมีชีวิตอยู่
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเอ่ย “ประเสริฐนัก แค่ของสิ่งนี้ การเดินทางหนนี้ก็ไม่สูญเปล่าแล้ว”
อาหู่ยิ่งมองตาค้างจนน้ำลายไหล “คุณชาย ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ร่างมังกรที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ในโลกแปดพิภพหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ นอกจากปฐมาจารย์เปิดสำนักของเมืองทะเลมรกตได้รับซากมังกรน้ำตัวหนึ่งในปีนั้นแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดได้อีกกระมัง?”
ชายหนุ่มผงกศีรษะ “ไม่ผิดหรอก เป็นเช่นนั้น”
เขามองไปโดยรอบ “ถึงแม้ว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งจะไม่ได้ทิ้งอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่นี่ แต่ได้ซากมังกรแท้เช่นนี้ตัวหนึ่ง ก็นับว่าได้กำไรมากแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอดึงสติกลับมาจากเสาน้ำแข็ง จากนั้นเริ่มเดินสำรวจไปรอบๆ อีกขั้น
ภายในตำหนักใหญ่ คล้ายกับมีเก้าอี้ขนาดยักษ์อยู่ตัวหนึ่ง ประกอบขึ้นด้วยน้ำแข็งบริสุทธ์ ส่องแสงวาบวาม
…………..