ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 349 อาวุธเฉพาะของเยี่ยนจ้าวเกอ
จอมยุทธ์มหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณระยะกลาง ใช้พลังทั้งหมดพร้อมกับอาวุธวิญญาณระดับกลาง เพื่อใช้ท่าไม้ตายอย่างดาบเทพมารทมิฬ ก่อให้เกิดอานุภาพอันน่าตกตะลึง
เยี่ยนจ้าวเกอไม่หลบเลี่ยงและไม่ป้องกัน ปะทะกับดาบนี้ตรงๆ เขารับแรงกดดันไว้อย่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
เขาใช้หมัดนอแรดกับกายเพชรสองกระบวนท่าพร้อมกัน ผนวกกับเกราะภูผาวิญญาณ ทว่าการเผชิญกับดาบนี้ก็ยังคงอันตรายมากอยู่ดี
การป้องกันของเกราะภูผาวิญญาณถูกทำลายแล้ว
ประกายแสงอันละลานตาของกายเพชรมืดสลัวลง คล้ายกับเพชรที่แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
เขาปลดปล่อยพลังหมัดนอแรดจนถึงขีดสุด เลือดเนื้อและผิวหนังค่อยๆ เหมือนแรดดึกดำบรรพ์ขึ้นหลายส่วน
การโจมตีทั้งหมดของเจิ้งซั่วได้ทำลายการป้องกันทั้งสามอย่างลง และเขายังคงใช้พลังได้อย่างเต็มเปี่ยม!
เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่สนใจ ชายหนุ่มใช้มือซ้ายประคองเตากลืนดินขึ้นขวางคันศรฟ้าคำรามที่พุ่งมา ก่อนจะสะบัดมือขวาคราหนึ่ง มังกรเขียวในกระบี่วิญญาณกลายร่างประกายสีเขียว พุ่งเข้าใส่หลินโจวที่เพิ่งปล่อยศร!
ประกายดาบเหมือนดั่งงู ยิ่งมีกระกระแสไฟฟ้าพัวพันอยู่รอบนอก มันยิ่งเหมือนมังกรอัสนีเขียว พาดผ่านท้องฟ้าเป็นแนวขวาง เร่งรุดถึงเบื้องหน้าหลินโจวในชั่วพริบตา
หลินโจวเหนี่ยวธนูนภาอลหม่าน อาวุธวิญญาณระดับสูงยอดติดต่อกัน บัดนี้พละกำลังของเขาแทบจะหมดลงแล้ว แต่ยังฝืนใช้พลังของตนเองเตรียมยิงศรดอกที่สี่ออกไป
แต่คันศรฟ้าคำรามเพิ่งขึ้นพาดบนสายธนูได้ไม่ทันไร ยังไม่ได้แม้กระทั่งเล็งยิง ประกายสีมรกตสายหนึ่งก็พุ่งมาถึงตรงหน้าแล้ว
ขณะที่พละกำลังจะหมดสิ้น เขายกอาวุธวิญญาณชั้นยอดขึ้น พลังทั้งหมดถูกรวมอยู่บนตัวธนู
ครั้งนี้เผชิญหน้ากับมังกรเขียวจากกระบี่วิญญาณที่เยี่ยนจ้าวเกอสะบัดออกจากมือแล้ว เขากลับยืนนิ่งกับที่เหมือนรูปสลัก ด้วยยากหลบหลีกได้ทัน
หลินโจวกัดฟันกรอด ได้แต่ยื่นธนูนภาอลหม่านในแนวขวางไว้ด้านหน้า ป้องกันประกายกระบี่ที่เหมือนกับมังกรเขียว
ท่ามกลางเสียงระเบิด แสงสีม่วงกับแสงสีเขียวสว่างวาบ เจิดจ้าไปทั่วบริเวณ
ธนูนภาอลหม่านในมือหลินโจวแสดงพลังอันน่าทึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่คันธนู แต่ก็เป็นอาวุธวิญญาณระดับสูง จึงป้องกันมังกรเขียวจากอาวุธวิญญาณระดับล่างได้
แต่ว่าตัวหลินโจวกลับถูกกระแทกปลิวออกไป ส่วนธนูนภาอลหม่านหลุดออกจากมือ
ธนูที่เปล่งแสงสายฟ้าสีม่วงหล่นลงบนพื้น งูสายฟ้าที่สูญเสียการควบคุมเตลิดไปรอบๆ ทำให้ที่ราบหิมะบริเวณนั้นเกิดหลุมลึกหลายหลุม
“โฮก” เสียงคำรามดุร้ายดังขึ้นเหนือที่ราบหิมะแดนเหนือ คล้ายกับหมาป่าเดียวดายที่ได้รับบาดเจ็บ
หลินโจวคืบคลานอยู่บนพื้น มือหนึ่งบังใบหน้า ปิดดวงตาของตนเอง
แต่ว่าสันมือและร่องแยกของนิ้วทั้งห้ากลับมีเลือดไหลลงมาไม่หยุด!
ถึงแม้ธนูนภาอลหม่านจะกระแทกมังกรเขียวจากกระบี่วิญญาณไปได้ ทำให้หลินโจวรอดพ้นจากความตายได้ครั้งหนึ่ง ทว่าดวงตาข้างหนึ่งของเขากลับถูกประกายกระบี่แทงจนมืดบอด!
หลินโจวสูดลมหายใจเย็นเยียบดังฟืดฟาด พลางดิ้นรนลุกขึ้นจากพื้น ดวงตาอีกข้างที่เหลือเบิกกว้าง เต็มไปด้วยริ้วเลือด
เขาพยายามทอดสายตามองไปไกล ก่อนจะเห็นประกายดาบของเจิ้งซั่วทำลายการป้องกันของเยี่ยนจ้าวเกอ กำลังจะฟันใส่ร่างของฝ่ายหลัง
แต่ว่าหลินโจวกับเจิ้งซั่วยังไม่ทันจะดีใจ ผิวหนังบนร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกอพลันเปล่งแสงสีทอง!
อักขระที่เรียบง่ายแต่ลี้ลับตัวหนึ่งปรากฏขึ้นป้องกันคมดาบของเจิ้งซั่วแทนเยี่ยนจ้าวเกอ!
ชายหนุ่มท่องคาถาเก่าแก่และออกเสียงยาก
ร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกอถูกปกคลุมภายใต้แสงสีทองเจิดจ้า เหมือนกับมนุษย์สีทองก็ไม่ปาน
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอท่องคาถาเก่าแก่นั้นเสร็จ แสงสีทองบนร่างของเขาก็เข้มขึ้นมากกว่าเดิม อักขระตรงทรวงอกชัดเจนและลี้ลับมากขึ้น
แสงสีทองหลายสายกระจายออกมาจากอักขระ ก่อนจะจับตัวกันกลายเป็นการป้องกันอย่างที่สี่ ขวางดาบของเจิ้งซั่วไว้ด้านนอก
ภาพนี้หลินโจวเคยเห็นมาก่อน วิชาร่างคาถาอักขระทอง!
เจิ้งซั่ว มหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณใช้ดาบเทพมารทมิฬ อาวุธวิญญาณระดับกลางกำจัดอักขระทองจากวิชาร่างอักขระทองหมดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้แสงสีทองบนร่างของเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ มืดสลัวลง
หลังจากการเคี่ยวกรำครั้งแล้วครั้งเล่า เจิ้งซั่วในตอนนี้ใกล้จะหมดแรงเต็มที ไม่อาจโจมตีต่อไปได้อีก
เมื่อเห็นว่าอยู่ห่างจากเยี่ยนจ้าวเกอเพียงหนึ่งก้าว เจิ้งซั่วก็คำรามขึ้น ใช้ดาบเทพมารทมิฬในมืออีกครั้ง
เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าไร้อารมณ์ อ้าปากแผดเสียงดังยาว
เขาโยนมังกรเขียวจากกระบี่วิญญาณไปด้านหลัง ในมือขวาพลันปรากฏของสิ่งหนึ่ง!
ด้ามไม้ไผ่สีเขียวเข้ม!
มันไม่ยาวมาก แบ่งเป็นสามปล้อง
เยี่ยนจ้าวเกอยกด้ามไม้ไผ่ขึ้นทุบใส่ดาบเทพมารทมิฬของเจิ้งซั่ว
ไม้ไผ่ที่ดูเปราะบางจนแม้แต่คนธรรมดายังฟันหักได้ กลับทำให้เจิ้งซั่วตื่นตระหนก เมื่อมันกระทบถูกอาวุธวิญญาณระดับกลางอย่างดาบเทพมารทมิฬ
เขาเห็นบนดาบเทพมารทมิฬของตนเอง ปรากฏรอยแตกมากมาย!
อาวุธวิญญาณระดับกลางอย่างดาบเทพมารทมิฬถูกไม้ไผ่ฟาดจนแตก!
กระนั้น เขาสัมผัสปราณวิญญาณและคลื่นพลังบนไม้ไผ่ด้ามนั้นไม่ได้แม้แต่น้อย
ถึงแม้วรยุทธ์ของเยี่ยนจ้าวเกอจะเหนือกว่าจอมยุทธ์ระดับเดียวกัน แต่เรื่องที่มังกรเขียวในกระบี่วิญญาณอันเป็นอาวุธวิญญาณระดับล่างมิอาจทำได้ กลับใช้ไม้ไผ่ทำได้อย่างนั้นหรือ?
เจิ้งซั่วในตอนนี้ตะลึงลานทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง
เขาอึ้งงันอยู่เพียงพริบตาเดียว ด้วยรู้ว่าตนไม่ควรหยุดนิ่ง เยี่ยนจ้าวเกออยู่ตรงหน้าเช่นนี้ การหยุดนิ่งเท่ากับรนหาที่ตาย
แต่ในวินาทีนั้น เขากลับรู้สึกอึ้งอย่างมิอาจควบคุม
หัวสมองของเจิ้งซั่วมิได้เจ็บปวดหรือเกรี้ยวโกรธ มีเพียงแต่ความรู้สึกเหลือเชื่อและเหลวไหล รวมถึงความรู้สึกสงสัย
น่าเหลือเชื่อ…
เป็นไปได้อย่างไร…
เหลวไหลเกินไปแล้ว!
เจิ้งซั่วพยายามสลัดอารมณ์เหล่านี้ เพื่อให้ตัวเองได้สติ
ในอึดใจที่เขาได้สติกลับมา สิ่งที่ปรากฏในสายตาของเขาก็คือเยี่ยนจ้าวเกอโต้กลับแล้ว ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้น ด้ามไม้ไผ่สีเขียวเข้มฟาดมาทางศีรษะของเขา!
ชายชรายกดาบขึ้นไม่ทัน จึงใช้อาวุูธวิญญาณระดับล่างของตนเองชิ้นหนึ่งป้องกันแทน
เข็มขัดของเขาเปล่งประกายแสงสีแดงฉาน กลายเป็นลำแสงที่ดูเหมือนโซ่ ป้องกันเบื้องหน้าเอาไว้
แต่เมื่อด้ามไม้ไผ่สีเขียวเข้มของเยี่ยนจ้าวเกอฟาดลงมา โซ่สีแดงฉานเส้นนั้นพลันขาดสะบั้น!
อาวุธวิญญาณระดับล่างชิ้นนั้นส่งเสียงร้องโหยหวน ถูกทำลายแหลกโดยสิ้นเชิง!
เจิ้งซั่วอ้าปากตาค้าง ‘นี่เป็นสิ่งของประเภทใดกัน?!’
ครั้นเห็นภาพนี้ หลินโจวก็ปิดดวงตาข้างที่เหลือลงด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันก็รู้สึกงงงัน
หลินโจวไม่เพียงตาบอดหนึ่งข้าง เขายังรู้สึกว่าร่างกายของตนเองอ่อนระโหยโรยแรง คิดจะลุกขึ้นยืนยังลำบาก ความเจ็บปวดทั่วร่างกายแล่นเข้าสู่ขั้วหัวใจ
เยี่ยนจ้าวเกอทำให้เขาบาดเจ็บขณะเพิ่งจะรั้งคันศรดอกที่สี่จากธนูนภาอลหม่าน บัดนี้พลังของเขาเกิดการย้อนกลับ ทำให้ร่างที่หมดแรงอยู่แล้วปวดแสบสาหัสกว่าเดิม
ทันทีที่เห็นธนูนภาอลหม่านบ้าคลั่งเพราะเสียการควบคุม ยากจะเก็บขึ้นมาได้ หลินโจวก็ได้แต่หมุนตัววิ่งหนี!
หลินเทียนเฟิง บิดาของหลินโจวเป็นผู้ดูแลธนูนภาอลหม่านมาโดยตลอด หลังจากหลินเทียนเฟิงเสียชีวิต ธนูคันนี้ก็ไม่ได้เป็นเพียงอาวุธวิญญาณระดับสูงสำหรับหลินโจวอีกต่อไป
ในตอนนี้เขากลับจำต้องทิ้งมัน
สภาพของเขาในตอนนี้ จำเป็นต้องถอยหนีไปในทันที หากยังไม่หนี เขาคงหนีไปไม่พ้นอีกตลอดกาล
เหนือน้ำพุข้ามชั่วยาม เยี่ยนจ้าวเกอฟาดด้ามไม้ไผ่สีเขียวเข้มลง ทำลายอาวุธวิญญาณระดับล่างของเจิ้งซั่ว จากนั้นก็ฟาดด้ามไม้ไผ่ใส่ศีรษะของเจิ้งซั่ว!
มหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณผู้น่าเกรงขาม ถูกเยี่ยนจ้าวเกอเล่นงานจนหัวหมุน มองเห็นดาวพร่างพราวในชั่วพริบตา
แม้เขาจะสร้างโล่ปราณวิญญาณขึ้นมาได้ทันท่วงที แต่ก็เกือบจะถูกฟาดศีรษะแยกอยู่เหมือนกัน
ส่วนอาหู่ ถึงเขาจะใช้พลังทั้งหมดสะกดน้ำพุวิญญาณไว้ ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน แต่น้ำวนภายในน้ำพุวิญญาณก็ยังไหลเวียนอย่างรุนแรง
เยี่ยนจ้าวเกอสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ยกด้ามไม้ไผ่ขึ้นอีกครั้ง แล้วทุบใส่เจิ้งซั่ว!
…………