ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 370 บุกตะลุย
ทันทีที่ได้ยินข้อเสนอของเยี่ยนจ้าวเกอ จอมยุทธ์แห่งเมืองทะเลมรกตทั้งหลายล้วนตกตะลึง
อาหู่เองก็หันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความงงงวยเช่นกัน
ถ้าหากสามารถล่อหนึ่งในราชันปีศาจอัคคีที่กำลังโจมตีเมืองไปได้ แรงกดดันของเมืองทะเลมรกตก็จะลดลงมาก
ถึงแม้ว่าตอนนี้ค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดจะได้รับความเสียหาย แต่รับมือการโจมตีของราชันปีศาจอัคคีตัวเดียว อย่างน้อยก็น่าจะพอประคับประคองได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
เมื่อถ่วงเวลาได้เช่นนั้น จอมยุทธ์จากสถานที่อื่นน่าจะส่งกำลังสนับสนุนมาได้ทันท่วงที ถึงตอนนั้นก็เป็นปัญหาของราชันปีศาจออัคคีตัวนั้นที่ไม่อาจถอยได้อีกแล้ว
ส่วนฝั่งปีศาจอัคคีจะมียอดฝีมือตามมาอีกหรือไม่ ก็เป็นเรื่องอีกเรื่องหนึ่ง
อย่างไรเสียเผ่ามนุษย์ในมหาอำนาจแปดพิภพนี้ ก็ไม่ได้มีเมืองทะเลมรกตเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเดียว
หลังจากพวกอันชิงหลินถูกหลอกมาแล้วครั้งหนึ่ง พวกเขาย่อมต้องเพิ่มความระแวดระวังเป็นเท่าตัว
แต่ปัญหาอยู่ที่จะล่อราชันปีศาจออัคคีตัวหนึ่งให้อยู่ห่างจากที่นี่ได้อย่างไร
ปีศาจออัคคีน่าจะรู้แล้วเช่นกัน ว่าเวลาของพวกมันมีจำกัด ในเมื่อบุกมาถึงเมืองทะเลตะวันออกแล้ว เหตุใดต้องยอมแพ้ง่ายๆ ด้วยเล่า
อีกทั้งต่อให้ล่อราชันปีศาจอัคคีไปได้ตัวหนึ่ง แล้วจะถ่วงเวลาอย่างไร
เมื่อเห็นเยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเอาจริงเอาจัง มุมปากของจอมยุทธ์เมืองทะเลมรกตบางคนพลันกระตุกเล็กน้อย
ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็เหมือนว่าเยี่ยนจ้าวเกอต้องการฉวยโอกาสหนีจากวิกฤตในขณะนี้ชัดๆ
หลังจากเมืองทะเลมรกตช่วยเขาฝ่าวงล้อมออกไปแล้ว อย่างน้อยก็มีแค่การไล่ล่าจากปีศาจออัคคีที่มีพลังฝึกปรือระดับมหาปรมาจารย์เท่านั้น ถ้าตั้งใจหนี ด้วยการเคลื่อนไหวอยู่ใต้น้ำ ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสหนีพ้น
เยี่ยนจ้าวเกอสังเกตเห็นสายตาเช่นนั้น แต่เขาก็มิได้สนใจ เขาเพียงมองซ่งเฉา ยอดฝีมือระดับสูงของเมืองทะเลมรกต และผู้อาวุโสสูงสุดที่เป็นมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมด้านหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย
ผู้อาวุโสสูงสุดผู้นี้แซ่อวี๋ คนทั่วไปมักเรียกว่าเฒ่าอวี๋
เขาย่อมไม่ปลีกตัวหนี หากผู้อาวุโสด้านหน้าตำหนัก ที่กำลังใช้ค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดในตอนนี้ต้านไม่ไหว เฒ่าอวี๋จะแทนที่เขาทันที
เฒ่าอวี๋มองเยี่ยนจ้าวเกอ กล่าวว่า “สหายเสี่ยวเยี่ยนฝ่าวงล้อมออกไปเป็นเรื่องดี ส่วนการดึงความสนใจของราชันปีศาจอัคคีจำเป็นต้องประมาณพลังของตัวเอง เจ้าไม่เคยสู้กับราชันปีศาจอัคคีมาก่อน แต่ก็น่าจะทราบถึงความน่ากลัวของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ดี”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ข้าทราบดีขอรับ”
ซ่งเฉากล่าวเสียงทุ้ม “ศิษย์น้องซือคงจากสำนักเจ้าอยู่ในเมืองเช่นกัน ศิษย์น้องเยี่ยนพานางออกไปด้วยกันเถอะ”
ชายหนุ่มพลันส่ายหน้า “ตามข้าออกไปน่าจะเป็นอันตรายยิ่งกว่าเดิม”
จอมยุทธ์ในเมืองทะเลมรกตทุกคนต่างหวั่นใจ พลางมองเยี่ยนจ้าวเกอ ‘เขาคิดจะดึงความสนใจของราชันปีศาจอัคคีจริงๆ หรือนี่’
เวลากระชั้นเข้ามาแล้ว ระหว่างที่คุยกันอยู่นี้ ค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดเหนือศีรษะของทุกคนก็กำลังสั่นสะท้านอย่างต่อเนื่อง
รอยฉีกบนม่านน้ำที่ปกคลุมอยู่ด้านบนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ายกลคุ้มภูเขาที่แข็งแกร่งในอดีตในตอนนี้กลับคลอนแคลนไม่มั่นคง
เมื่อมองไปเห็นร่องรอยบนม่านน้ำ ปรากฏกรงเล็บขนาดใหญ่ที่มีเปลวไฟลุกไหม้สองข้าง มันเริ่มแยกม่านน้ำออกจากกัน คิดจะขยายรอยแตกให้ใหญ่ขึ้น
เปลวไฟขนาดใหญ่หลายกลุ่มพุ่งลงมาจากในม่านน้ำที่แตกออกนั้น
ครั้งนี้กลับไม่ใช่อุกกบาบาตทั่วไป แต่เป็นปีศาจอัคคีที่แข็งแกร่งตัวหนึ่ง มันอาศัยการคุ้มกันจากราชันปีศาจออัคคี บุกเข้ามาผ่านรอยแยกของค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัด!
ปีศาจอัคคีที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับมหาปรมจารย์ของเผ่ามนุษย์ กำลังพุ่งลงมาในเมืองทะเลมรกต!
เฒ่าอวี๋ตวาดเสียงหนึ่ง ก่อนจะใช้ร่างญาณวรยุทธ์ของตนเอง ปะทะกับปีศาจอัคคีที่บุกเข้ามาตัวนั้น
“ศิษย์น้องวังส่งสหายเสี่ยวเยี่ยนออกไป!” เฒ่าอวี๋ปะทะกับศัตรูพลางสั่งการ
ในเมื่อเฒ่าอวี๋ตัดสินใจแล้ว ผู้อาวุโสวัง ผู้อาวุโสระดับหนึ่งผู้ดูแลเมืองทะเลมรกตก็ไม่รีรออะไรอีก ใช้ลมปราณห่อหุ้มพวกเยี่ยนจ้าวเกอไว้ แล้วพุ่งไปนอกเมือง
ครั้นเห็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอกับผู้อาวุโสวังจากไปแล้ว ผู้อาวุโสแห่งเมืองทะเลมรกตบางคนมีก็เริ่มมีสีหน้ากังวล “นี่…”
เฒ่าอวี๋ฟาดฝ่ามือใส่ร่างของปีศาจอัคคี ทำให้มีเปลวไฟกระจายออกมาจากร่างของมัน “เขามาจากเขากว่างเฉิง ไม่ใช่ตัวบัดซบหน้าไหว้หลังหลอกอย่างพวกสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์”
“ถึงแม้เขาคิดจะหนีเอาตัวรอดจริงๆ ก็ถือว่าข้าตอบแทนที่เขากว่างเฉิงเคยช่วยสร้างกระบี่สัตย์แห่งทะเลมรกตขึ้น”
ผู้อาวุโสวังพาเยี่ยนจ้าวเกอฝ่าวงล้อมออกมา บัดนี้ชายหนุ่มเห็นในเมืองทะเลตะวันออกเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
จอมยุทธ์เมืองทะเลมรกตที่อยู่ที่เมืองชั้นในยังคงสงบนิ่ง ส่วนคนที่หลบหลีกจากหายนะในเมืองชั้นนอกไม่สำเร็จ ต่างกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
ถึงแม้จะมียอมฝีมือแห่งเมืองทะเลตะวันออกป้องกันไฟที่ตกมาจากฟ้า แต่บางพื้นที่ไม่สามารถดูแลได้กลับกลายเป็นทะเลเพลิงไปเสียแล้ว
ปีศาจอัคคีตัวแล้วตัวเล่าพุ่งลงมา ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นสนามรบที่น่าพรั่นพรึง
ค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดป้องกันราชันปีศาจออัคคีสองตัวนั้น นับว่าใช้พลังทั้งหมดแล้ว ตอนนี้ไร้พลังดูแลเหล่าคนที่อยู่ในเมือง
แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งวารีพิภพในวินาทีนี้ประสบกับหายนะที่ไม่ด้อยกว่าสงครามกว่างเฉิงเลย!
สิ่งสำคัญทั้งหมดขึ้นอยู่กับเวลา!
เยี่ยนจ้าวเกอสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง มุ่งหน้าไปด้านนอกค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัด โดยมีผู้อาวุโสวังแห่งเมืองทะเลมรกตเป็นคนพาไป
หลังจากออกมาจากค่ายกลมาอยู่ในทะเลลึก ผู้อาวุโสวังก็กล่าวว่า “พวกเจ้ารีบไปเถอะ ปีศาจอัคคีตามร่องรอยในทะเลได้ยาก”
ครั้นกล่าวจบ บนผิวทะเลก็มีเสียงคำรามปานสายฟ้าดังมา
น้ำทะเลป้องกันการรับรู้ของปีศาจอัคคีกลุ่มใหญ่ได้ แต่รบกวนราชันปีศาจอัคคีไม่ได้
ราชันปีศาจอัคคีสองตัวแม้จะไม่ได้แยกกันลงมือ ยังคงโจมตีค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดต่อ ทว่าภายใต้การชี้นำของพวกมัน จึงมีปีศาจอัคคีตัวอื่นพุ่งลงทะเลมาหาพวกเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว
ปีศาจอัคคีตัวสูววใหญ่ที่นำหน้าเหมือนกับเทพเจ้าในยุคโบราณ ทั่วทั้งร่างมีเปลวไฟลุกไหม้ ไม่ว่าร่างผ่านไปที่ไหน น้ำทะเลล้วนระเหยกลายเป็นไอ เปิดเป็นทางเส้นหนึ่งให้ปีศาจอัคคีตัวอื่นตามมา
ที่ด้านหลังตัวมันยังมีปีศาจออัคคีที่มีพลังฝึกปรือสูงบ้างต่ำบ้างตามมามากมาย
สีหน้าผู้อาวุโสวังยังคงเรียบเฉย เขาตรงเข้าปะทะขัดขวางปีศาจอัคคีที่แข็งแกร่งที่สุดด้านหน้าไว้
“รบกวนผู้อาวุโสวังแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอรู้ดีว่าตอนนี้มิใช่เวลาพูดมาก เขาสะกิดอาหู่ที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะหมุนตัวพุ่งออกจากเมืองทะเลตะวันออก
อาหู่เขย่าถุงย่อส่วนที่ติดตัวไว้ สยงเมา[1]ตัวไม่ใหญ่มากตัวหนึ่งพลันโผล่ออกมา เป็นพ่านพ่านที่หดตัวเล็กลงขณะอยู่ในถุงย่อส่วน
พ่านพ่านกลิ้งในน้ำทะเลรอบหนึ่ง ร่างกายกลับมาเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว กระแสน้ำสีดำหลายสายหมุนวนรอบตัวมัน ก่อนที่มันจะแหวกน้ำทะเลออก พาเยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่ผละไปอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ต้องการดึงดูดความสนใจของราชันปีศาจอัคคี ก็ต้องพยายามหนีจากเมืองทะเลมรกตก่อน
ราชันปีศาจออัคคีมีพลังฝึกปรือแข็งแกร่งนัก หากอยู่ใกล้เมืองทะเลมรกตมากเกินไป ก็ไม่อาจถ่วงเวลาได้
น่านน้ำใกล้เกาะมังกรบูรพา บัดนี้ล้วนเป็นชัยภูมิปีศาจอัคคี
ด้านหลังมีคนไล่ ด้านหน้ามีอุปสรรค
อุกกาบาตหลายลูกพุ่งลงมาจากฟากฟ้า ทะลุเข้ามาในทะเล ก่อนจะกลายเป็นปีศาจอัคคีที่ดุร้าย ที่พุ่งเข้ามาหาเยี่ยนจ้าวเกอ!
พ่านพ่านหยุดทำตัวเซื่องซึม แสดงความดุร้ายของอสูรออกมา กลงเล็บสองข้างยื่นออกไปด้านหน้า จับปีศาจอัคคีสองตัวไว้ จากนั้นก็เหวี่ยงขาหน้าสองข้า จับพวกมันชนกันเอง จนแตกสลายกลายเป็นเปลวไฟ!
ยามนี้เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าไร้อารมณ์นัก เขาคำรามเสียงทุ้มต่ำ ฝ่ามือสองข้างผลักออกไปด้านหน้าพร้อมกัน
ปราณจิตราอันบ้าคลั่งก่อให้เกิดคลื่นกลางทะเล กำจัดร่างพวกปีศาจอัคคีในชั่วพริบตา
พวกเขาบุกตะลุยบดขยี้ไปด้านหน้า!
……………………………………….
[1] สยงเมา หมายถึง หมีแพนด้า