ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 424 ปีกงอกบนหลังเสือ
เยี่ยนจ้าวเกอมองไป เห็นเหนือรถบรรทุกกรงยักษ์หลายคันพาดไว้ด้วยศาลาพักร้อน
ในศาลาพักร้อนมีคนนั่งอยู่ น่าจะเป็นจอมยุทธ์เลือดปีศาจที่รับผิดชอบจัดส่งสัตว์ยักษ์เหล่านี้
บนรถบรรทุกคันหนึ่ง เหนือกรงขังสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด มีสตรีอ่อนวัยผู้หนึ่งนั่งอยู่ในศาลา นางใส่เสื้อผ้าประณีตงดงาม ดวงหน้าดุจภาพวาด แม้การแต่งตัวจะแตกต่าง แต่ใบหน้านางเหมือนซือคงจิงไม่ผิดเพี้ยน
เมื่อคนที่มุงดูอยู่เห็น ‘ซือคงจิง’ ผู้นี้ ต่างก็พากันส่งเสียงโห่ร้องยินดี แสดงให้เห็นถึงความยกย่องถึงขีดสุด
ชายหนุ่มกอดอก ก่อนจะละสายตาไป ‘นอกจากจะลักพาตัว ไม่เช่นนั้นตอนนี้ไม่เหมาะกับการพูดคุย’
หลังจากเจอเรื่องในอดีตของโอวหยางฉีและฉางนิ่งมาแล้ว ครั้นเห็นคนที่คล้ายกันอีกเช่นนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าไร
ในตอนที่เพิ่งมาถึงโลกลอยน้ำ เขายังครุ่นคิดอยู่ว่าจะเจอคนที่เหมือนกับซือคงจิงบนโลกใบนี้หรือไม่ คิดไม่ถึงว่าจะเจอรวดเร็วขนาดนี้
หลังจากได้ตรวจสอบตำราโบราณ อ่านเรื่องประหลาดทางภูมิศาสตร์ รวมถึงการสนทนากับเด็กที่เกิดที่นี่เมื่อครู่ เยี่ยนจ้าวเกอก็ได้ทราบแล้วว่า สถานที่ที่ตนอยู่ในปัจจุบันเป็นอาณาเขตที่อยู่ขอบมุม ซึ่งค่อนข้างห่างไกลความเจริญของโลกลอยน้ำ
สำหรับ ‘ซือคงจิง’ นางนี้ เยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดจะทำอะไรกับนาง เพียงแต่ค่อนข้างสนใจสัญลักษณ์ส่วนหนึ่งที่นางอาจจะครอบครองอยู่
‘ในมหาอำนาจแปดพิภพมีสี่คนที่ทราบแล้ว ไม่รู้ว่าในโลกลอยน้ำจะมีคนเช่นนี้กี่คน’ เยี่ยนจ้าวเกอจำเครื่องหมายบนเสื้อของสตรีผู้นั้นไว้ จากนั้นก็ไม่สนใจอีก
ทุกคนวกกลับไปกลับมาในเมือง พยายามหาข่าวสารเพิ่มอย่างเต็มที่
ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอคลำหาทาง ก็ฟังผู้คนสนทนากันไปด้วย ค่อยๆ คุ้นเคยกับภาษาของที่นี่มากขึ้น
“เมืองนี้มีชื่อว่ากาฬสงัด จากที่นี่ไปทางเหนือ จะเป็นเมืองหลวงสินธุเสถียร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศฟู่หรานที่ปกครองดินแดนแห่งนี้” เยี่ยนจ้าวเกอเล่าให้พวกเฟิงอวิ๋นเซิงฟัง “พวกเราไปที่เมืองสินธุเสถียรก่อน จากนั้นค่อยคิดแผนการต่อไป”
เขาเว้นครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “เมื่อไปถึงที่นั่น ข้าน่าจะพูดภาษาของเมืองลอยน้ำได้พอประมาณแล้ว พอถึงตอนนั้นน่าจะสทนากับจอมยุทธิ์เลือดปีศาจได้”
สวีเฟยกล่าว “ต้องพึ่งเจ้าแล้ว ครั้งนี้พวกเราเท่ากับกลายเป็นคนใบ้”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทุกคนเรียนกับข้าก็ได้ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรีบ”
อีกฝ่ายครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบกับเยี่ยนจ้าวเกอ “จ้าวเกอ ในความทรงจำของข้า มารดาของเจ้าเสว่ยชูฉิงแตกต่างกับจอมยุทธ์เลือดปีศาจของที่นี่มาก วรยุทธ์ที่นางฝึกฝนเป็นแนวทางเดียวกับมหาอำนาจแปดพิภพของพวกเรา”
“นางเริ่มฝึกเหมือนพวกเราหลังจากไปมหาอำนาจแปดพิภพแล้ว หรือว่าจะ…”
เมื่อได้ยินข้อสงสัยของสวีเฟย เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้กล่าวอะไร เขาในตอนนี้เพียงสงสัยว่า เสวี่ยชูฉิง มารดาของตนอยู่ในโลกลอยน้ำแห่งนี้หรือไม่
บางทีเสวี่ยชูฉิงอาจจะเป็นแขกของโลกลอยน้ำก็ได้
ทุกคนมุ่งหน้าขึ้นเหนือ เพื่อประหยัดเวลา ผู้ที่มีพังฝึกปรือสูงจึงพาผู้ที่มีพลังฝึกปรือต่ำบินไป
เยี่ยนจ้าวเกอบรรลุเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณแล้ว ปีกเซียนกระเรียนไม่ค่อยมีประโยชน์อีกต่อไป จึงมอบให้อาหู่
อาหู่ดีใจยิ่ง เขาเก็บไว้ไม่ยอมปล่อยมือ ทั้งยังกล่าวอย่างร่าเริงว่า “คุณชาย ข้านับว่าเป็นพยัคฆ์ติดปีกหรือไม่ เสือที่มีปีกงอกบนหลังสมควรเรียกว่าเสือวิเศษได้กระมัง”
มุมปากของชายหนุ่มบิดเบี้ยวเล็กน้อย แล้วหัวเราะเสียงกัง “ใช่แล้ว เจ้าเหมือนเสือวิเศษอยู่…”
ทุกคนเดี๋ยวเดินทางเดี๋ยวหยุดพัก รอจนเข้าใกล้เมืองสินธุเสถียรแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็เข้าใจภาษาของโลกลอยน้ำได้คร่าวๆ แม้การออกเสียงยังแปร่งไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็เข้าใจคำพูดได้ส่วนใหญ่
อีกทั้งยังเข้าใจสถานการณ์ของโลกลอยน้ำมากกว่าเดิม
อย่างเช่น ประเทศฟู่หรานที่อยู่ตรงหน้า คือมุมหนึ่งของโลกลอยน้ำ เป็นดินแดนทางใต้
เมื่อรวมประเทศฟู่หรานเข้าไปด้วย ดินแดนกว้างใหญ่ที่อยู่รอบๆ ล้วนอยู่ในการปกครองของสำหนักเมฆาโลหิตทั้งสิ้น
สำหรับผู้อยู่อาศัยในเมืองฟู่หราน สำนักเมฆาโลหิตมีตำแหน่งสูงสุดเหลือประมาณเหมือนกับเทพเจ้า
การได้เข้าสำนักเมฆาโลหิต ย่อมเป็นเป็นเรื่องที่ราชวงศ์ของเมืองฟู่หราน และคนทั่วไปใฝ่ฝัน
แต่ถ้าคิดจะกลายเป็นจอมยุทธ์เลือดปีศาจ ต้องดูที่คุณสมบัติแต่กำเนิด คนทั่วไปส่วนใหญ่แล้วรับการถ่ายเลือดปีศาจไม่ไหว คนที่สามารถทนได้ ก็ต้องแบ่งสูงต่ำอีกว่าจะได้รับเลือดของสัตว์ปีศาจระดับใด
คิดจะเป็นลูกศิษย์ของสำนักเมฆาโลหิต จะต้องมีคุณมสมบัติแต่กำเนิดสูงกว่า
“คนทั่วไปเคารพสำนักเมฆาโลหิตประดุจเทพเจ้า นี่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางเขตพื้นที่ สำนักเมฆาโลหิตเป็นผู้ปกครองประเทศฟู่หรานมาโดยตลอด อำนาจหยั่งรากลึก ดังนั้นจึงยากจะตัดสินว่า สำนักเมฆาโลหิตอยู่ในระดับชั้นไหนสำหรับโลกลอยน้ำ”
เยี่ยนจ้าวเกออธิบาย “โลกในสายตาของคนทั่วไป และโลกในสายตาของจอมยุทธ์ แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อไปถึงระดับสูง จะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก พวกเราจำเป็นต้องติดต่อกับจอมยุทธ์เลือดปีศาจที่แท้จริง จึงจะสามารถเข้าใจระดับของยอดฝีมือในโลกฝั่งนี้ได้”
สวีเฟยเดินไปพลาง กล่าวไปพลาง “สถานที่ที่เราตกลงมา อาจจะมีคนนำร่องรอยที่ผู้อาวุโสเสวี่ยทิ้งไว้ไปแล้ว น่าจะเป็นสิ่งที่จอมยุทธ์เลือดปีศาจบางคนทำ อีกทั้งยังมีพลังฝึกปรือสูงส่ง อาจจะเป็นผู้มีอำนาจของที่นี่ จอมยุทธ์ประเทศฟู่หราน หรือคนจากสำนักเมฆาโลหิต”
ชายหนุ่มเห็นด้วยเยี่ยน “ข้าก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น”
อีกด้านหนึ่ง ในตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอทราบแล้วว่า สตรีซึ่งละม้ายคล้ายซือคงจิงราวกับแกะที่เจอในเมืองกาฬสงัดก่อนหน้านี้ เป็นลูกศิษย์ในสำนักเมฆาโลหิต ตามสัญลักษณ์ของเสือผ้าที่ใส่
ขณะที่ทุกคนเดินอยู่นั่นเอง จู่ๆ พวกเขาก็รู้สึกหวาดหวั่น ก่อนจะมองออกไปไกลพร้อมกัน
ณ ที่แห่งนั้นมีคลื่นพลังงานส่งมา คล้ายกับเกิดการต่อสู้ขึ้น
หลังจากพวกเยี่ยนจ้าวเกอเข้าใกล้แล้ว ก็เห็นกลุ่มคนกำลังต่อสู้กับสัตว์ปีศาจขนาดยักษ์ตัวหนึ่งอยู่ระหว่างทิวเขา
ใต้สันเขา รถบรรทุกกรงขนาดยักษ์คันหนึ่งล้มเอียง กรงถูกทำลาย
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูสัตว์ปีศาจตัวนั้น มันเป็นงูเหลือมที่มีปีกอยู่ด้านหลัง มีเขางอกบนศีรษะ
งูประหลาดตัวนี้หลุดออกจากกรง ใช้พลังของตนเองกดดันจนผู้คุมสัตว์ยากจะป้องกัน บาดเจ็บสาหัสเป็นส่วนใหญ่ สภาพการณ์ของจอมยุทธ์ฝ่ายมนุษย์อันตรายยิ่ง
‘เหมือนจะเป็นงูปีศาจที่มีเลือดผสม’ พวกเยี่ยนจ้าวเกอมองอยู่แวบหนึ่ง แล้วพยักหน้าน้อยๆ ‘บางทีอาจจะเป็นโอกาสที่ไม่เลว’
หลังจากตัดสินใจแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ส่งสัญญาณให้อาหู่ อีกฝ่ายพลันต่อยหมัดออกขณะที่อยู่ห่างออกไป
พายุสีดำอันน่ากลัวรวมตัวกันและบีบอัดเล็กลง คล้ายกับหอกยาวสีดำที่เหมือนของแข็ง พุ่งออกไปทะลุร่างของงูเลือดผสมตัวนั้น!
งูปีศาจเลือดผสมย่อมล้มทิ่มลงพื้น ตะกายด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย
จอมยุทธ์ที่คุมสัตว์ปีศาจเหล่านั้นพลันระบายลมหายใจออกจากปาก
รถคุมขังถูกทำลายไปแล้ว ถึงแม้ว่างูปีศาจจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่คิดจะขนต่อไปเกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้
พวกเยี่ยนจ้าวเกอเห็นจอมยุทธ์เหล่านั้นเก็บเลือดงู ถึงแม้ว่าปราณวิญญาณในเลือดปีศาจจะสลายไปครึ่งหนึ่ง ไม่มีผลต่อการฝึกฝนอีก แต่ก็มีประโยชน์ในการช่วยเหลืออย่างอื่น
จอมยุทธ์ซึ่งเป็นผู้นำอ้อมมายังทางที่พายุสีดำมุ่งมา พอเห็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ใช้ภาษาของโลกลอยน้ำถามว่า “ขออภัย มิทราบว่าเป็นยอดฝีมือจากที่ใด”