ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 494 ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งใช้วิชาเคลื่อนที่ผ่านโลกกระจกเป็นครั้งแรก
เขาก้าวเข้าไปในท้องฟ้าที่ปั่นป่วน อาศัยวิชาลับนี้หลบการพังทลายครั้งสุดท้ายของค่ายกลไท่อี่ถล่มทลาย ที่อยู่บนทะเลชั้นนอกทะเลตะวันออกในแปดพิภพ
แต่ว่าเมื่อก้าวเข้าไปในทางเชื่อมเขตแดนชั่วคราวนั้น ก็จะหลุดจากโลกแปดพิภพ เพราะแสงของกระจกก่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายตำแหน่ง
บัดนี้ชายหนุ่มที่อยู่ในแสงกระจกไม่จำเป็นต้องออกแรง ผลจากพิธีกรรมส่งเขาไปด้านหน้าโดยตรง
ฟากฟ้าตรงหน้าอยู่ในสภาพมายา เต็มไปด้วยแสงพิลึกกึกกือ ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนไปยังโลกลอยน้ำผ่านสายรุ้งกางเขตก่อนหน้านี้
ตอนนี้เขากำลังจะไปยังโลกใบใหม่อีกครั้ง
เยี่ยนจ้าวเกอก้มหน้าลงมองกระจกยังสูงส่งฉงในมือ บนผิวกระจกปรากฏลายอาคมอันลี้ลับลายหนึ่ง และในลายอาคมก็ค่อยๆ ปรากฏรอยเลือดจางๆ ขึ้นมา
รอยเลือดนี้หลอมรวมกับแสงกระจก มันไม่ได้ให้ความรู้สึกสกปรก ทว่าละลานตาเหมือนกับผลึก
แสงกระจกกับแสงสีเลือดผสมกัน นำทางเยี่ยนจ้าวเกอ
ครู่ต่อมา ภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน ร่างของเยี่ยนจ้าวเกอหยุดลง
ด้านหน้ามีแสงอาทิตย์สองสว่าง ท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล ครั้นมองลงไป ชายหนุ่มกลับเห็นทะเลสีมรกต ทำให้เขานึกว่าตนยังอยู่บนผิวทะเลตะวันออกในโลกแปดพิภพ
แต่เมื่อรู้สึกได้ว่าการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณในโลกฝั่งนี้แตกต่างกับโลกแปดพิภพ เยี่ยนจ้าวเกอถึงรู้ว่า ถึงแม้ตรงหน้าจะเป็นท้องทะเล แต่ตนเองได้จากโลกอันคุ้นเคยมายังโลกใบใหม่แล้ว
แสงกระจกที่ครอบคลุมร่างของเขาหายไป ทันทีที่หันกลับไปมอง ทางเชื่อมเขตแดนชั่วคราวด้านหลังก็หายไปแล้วเช่นกัน
ชายหนุ่มก้มหน้าลงมองกระจกยังสูงส่งที่แสงสว่างของมันริบหรี่ลงไปอีกครั้ง เขารู้ว่ากระจกวิเศษบานนี้จำเป็นต้องผ่านการพักผ่อนชั่วระยะเวลาหนึ่ง จึงจะใช้ได้อีกครั้ง
ระหว่างรอกระจกยังสูงส่งคืนสภาพ ตนต้องอยู่ในโลกใบนี้ไปก่อน
“หวังเพียงว่าวิชาจะไม่ผิดพลาด ที่นี่่คือโลกผืนสมุทร เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะได้แวะตามหาศิษย์พี่สวีกับเสี่ยวจวินเอ๋อร์ได้”
เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ พลางเก็บกระจกยังสูงส่ง
ก่อนที่จะบอกลากับสวีเฟยชั่วคราว เยี่ยนจ้าวเกอได้เก็บเลือดของสวีเฟยเอาไว้ เพื่อวันหลังจะได้มายังโลกผืนสมุทร
ระหว่างโลกแปดพิภพกับโลกลอยน้ำไม่ได้มีทางเชื่อมเขตแดนต่อกัน หากคิดจะใช้วิชาเคลื่อนที่ผ่านโลกกระจกกำหนดตำแหน่ง จำเป็นต้องมีการสนับสนุนบางส่วน
หลังจากกลับจากโลกลอยน้ำมายังโลกแปดพิภพ ในยามปกตินอกจากการฝึกปรือและเตรียมรับมือกับความวุ่นวายจากปฐพีพิภพ รวมถึงปีศาจอัคคีแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็จะศึกษาและคิดหาวิธีรับสวีเฟยกับสือจวินสองแม่ลูกกลับมาด้วย
สุดท้ายมีผลสำเร็จ แต่ว่าตอนนั้นโลกแปดพิภพกำลังจะเกิดเรื่องขึ้น เยี่ยนจ้าวเกอมิอาจปลีกตัว ในตอนนี้กลับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
แต่ว่าวิชาลับเช่นนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็เพิ่งใช้เป็นครั้งแรก จะได้ผลหรือไม่ ยังต้องรอพิสูจน์ ถ้าหากยืนยันได้ว่าที่นี่คือโลกผืนสมุทร เช่นนั้นเรื่องราวก็จะจัดการง่ายขึ้น
สิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอค่อนข้างเสียดายก็คือ ถึงแม้ในตอนนั้นหยวนเจิ้งเฟิงจะตัดแขนซ้ายของตัวเองเพื่อส่งอาจารย์ลุงสองฟางจุ่น และเสื้อคลุมนภาหนีรอดออกมา แต่เสียดายที่เลือดของเขาเหือดแห้งไปในกระแสปั่นป่วนของมิติ
สถานการณ์ในตอนนั้นไม่อาจทิ้งร่องรอยได้ทัน ตอนนี้ได้แต่หวังว่าฟ้าจะช่วยคนดีอย่างท่านผู้อาวุโส
ขณะที่ครุ่นคิด สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอก็เคร่งขรึมขึ้น ก่อนที่เขาจะนำถุงย่อส่วนที่พกติดตัวออกมา
เขานำฟู่เอินซูออกมาจากถุงย่อส่วน ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง เพื่อใช้ญาณจริงแท้ของตนประคองร่างของนางไว้ จากนั้นก็เติมญาณจริงแท้ใส่จุดลมปราณที่สำคัญบนร่างของนางอย่างต่อเนื่อง
เข็มสีทองหลายเล่มอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ แล้วถูกปักลงไปอย่างรวดเร็ว
เข็มทองปักจุดลมปราณสำคัญบนร่างของฟู่เอินซู ปลายเข็มมีเปลวไฟสีน้ำเงินสว่างขึ้นอย่างช้าๆ สั่นไหวอย่างต่อเนื่องคล้ายกับเทียนไข
เยี่ยนจ้าวเกอยื่นฝ่ามืออกมาครอบเข็มสีทองเหล่านั้นไว้ เปลวไฟสีน้ำเงินพลันสุกสว่างมากกว่าเดิม
เนิ่นนานให้หลัง เปลวไฟสีน้ำเงินบนปลายเข็มสีทองก็ค่อยๆ อ่อนกำลังลง และดับไป
ทว่าหลังจากดับไปแล้ว ก็มีแสงไฟสีทองสว่างขึ้นอย่างช้าๆ
เมื่อเห็นแสงไฟสีทองที่ปลายเข็มสีทองแล้ว ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นถมึงทึง ‘เหอะ เป็นสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ด้วย!’
อาการบาดเจ็บของฟู่เอินซูสาหัสยิ่ง เป็นผลกระทบซึ่งเกิดขึ้นจากการที่ค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายผนึกทะเลตะวันออก
นอกจากนี้ยังมีอาการบาดเจ็บอีกส่วนหนึ่ง ที่เกิดขึ้นเพราะจอมยุทธ์จากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งดูจากลักษณะแล้ว ยังได้รับก่อนความเสียหายที่เกิดจากพลังแห่งผนึกเล็กน้อย
เมื่อคิดถึงมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่ติดอยู่ในกระแสปั่นป่วนพร้อมกับฟู่เอินซู เยี่ยนจ้าวเกอก็ค่อยๆ มั่นใจมากขึ้น
ทั้งสองฝ่ายน่าจะสู้กัน สุดท้ายถูกคลื่นคลั่งนั้นม้วนเข้ามา
ในวินาทีสุดท้ายของการผนึก ค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายได้แหลกสลายไปแล้ว คนที่อยู่ด้านนอกเข้าไปในค่ายกลได้ แต่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ทนพลังแห่งผนึกที่น่ากลัวไหว
เพราะผลจากพลังของผนึก มิติจึงบิดเบี้ยวและทับซ้อนกัน ทุกสิ่งทุกอย่างหุบเข้าไปตรงกลางและพังทลาย พวกฟู่เอินซูสองคนถูกม้วนเข้าไปถึงใจกลาง
เยี่ยนจ้าวเกอดีดนิ้วเบาๆ ญาณจริงแท้ของตนเกิดการเปลี่ยนแปลง พลังของดัชนีน้ำแข็งหลายสายพุ่งออกมา แล้วไหลเข้าไปในร่างของฟู่เอิ้นซู ผ่านการชี้นำของเข็มทอง
แสงไฟสีทองที่ปลายเข็มค่อยๆ ดับลง
ถึงแม้ว่าฟู่เอิ้นซูจะยังไม่ฟื้น แต่การหายใจก็ของนางเริ่มมั่นคงขึ้น บนใบหน้ากลับมามีสีเลือดอีกครั้ง
ครั้นเห็นสถานการณ์ของฟู่เอินซูดีขึ้น และไม่มีปัญหาใดอีก เยี่ยนจ้าวเกอก็พยักหน้าเล็กน้อย
กระนั้น จิตใจของเขาก็ไม่ผ่อนคลายลงแม้แต่นิดเดียว
ตามปกติแล้ว ที่เฟิงอวิ๋นเซิงกับอิ่นหลิวหัวมายังทะเลตะวันออกในครั้งนี้ เป็นฟู่เอินซูพาพวกนางมาด้วยตัวเอง
ฟู่เอินซูในตอนนี้ถูกโจมตี กลับไม่ทราบว่าพวกเฟิงอวิ๋นเซิงเป็นอย่างไร
คู่ต่อสู้ของฟู่เอินซูคือยอดฝีมือระดับอาวุโสจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักนั้น เขาน่าจะเลื่อนเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมมานานแล้ว
ถึงแม้ว่าฟู่เอินซูจะเลื่อนเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นที่เก้า ขั้นรูปญาณระยะท้านได้ไม่นาน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ สถานการณ์น่าจะไม่สู้ดีนัก
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นางมิอาจปกป้องความปลอดภัยของพวกเฟิงอวิ๋นเซิงได้
เยี่ยนจ้าวเกอรู้แล้วว่า ในถุงย่อส่วนของฟู่เอินซูไม่ได้ซ่อนคนไว้ พูดอีกอย่างก็คือ พวกนางศิษย์อาจารย์สามคนพลัดหลงกันแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีของมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรม หรือเป็นพลังของผนึกอันน่ากลัว ต่างก็มิใช่สิ่งที่พวกเฟิงอวิ๋นเซิงจะแบกรับได้
ชายหนุ่มนวดขมับของตนเอง พลางถอนใจเสียงหนึ่ง ‘สถานการณ์เป็นอย่างไร ได้แต่รออาจารย์ป้าฟู่ฟื้นขึ้นมาค่อยว่ากล่าว’
‘สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ เหอะ!’
เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาลง แววตาสาดประกายเย็นเยียบ
เขาสลัดความคิดทิ้งไป ก่อนจะส่งฟู่เอินซูที่กำลังหลับไหลไปในถุงย่อส่วนอีกครั้ง จากนั้นก็เหาะร่างอยู่บนผิวทะเล
ระหว่างเดินทาง เขาก็รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณที่อยู่ในโลกใบนี้ไปด้วย
หลังจากตั้งสติรับรู้แล้ว มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอก็กลายเป็นรอยยิ้ม
การเคลื่อนไหวและการโคจรของปราณวิญญาณในโลกใบนี้ ถึงแม้จะแตกต่างกับโลกแปดพิภพ แต่ก็เหมาะให้จอมยุทธ์ฝึกลมปราณฝึกปรือและดำรงชีวิต เป็นมิตรกว่าโลกลอยน้ำมาก
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้ามาในโลกผืนสมุทรด้วยตนเอง แต่หลังจากได้สัมผัสกับจอมยุทธ์เขาหงส์วิเศษและสำนักมังกรโลหิตแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็แน่ใจว่า ระดับของจอมยุทธ์ฝึกลมปราณในโลกผืนสมุทรไม่ต่ำต้อย
เส้นสายของปราณวิญญาณในโลกลอยน้ำจะต้องเหมาะให้จอมยุทธ์ฝึกลมปราณฝึกปรือแน่นอน
โดยเฉพาะทะเลสีมรกตที่อยู่ด้านล่าง เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่าในนั้นเต็มไปด้วยไอน้ำ เมื่อเชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่ได้คุยกับคนในเมืองทะเลมรกต อันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของวารีพิภพแห่งโลกแปดพิภพแล้ว เขาก็พอจะคาดเดาปรากฎการณ์น้ำขึ้นน้ำลงออก และรู้สึกได้รางๆ ว่าท้องทะเลที่นี่กว้างใหญ่ไพศาลกว่าโลกแปดพิภพนัก
ถึงแม้ว่าจะยืนยันไม่ได้ แต่ลักษณะพิเศษทางภูมิศาสตร์เช่นนี้ก็ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกฮึกเหิม ‘ถึงแม้จะเป็นการใช้วิชาเคลื่อนที่ผ่านโลกกระจกครั้งแรก แต่ผลลัพธ์ดูเหมือนจะไม่เลวเลยทีเดียว’