ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 536 เป็นขาวหรือดำ
“เอากระบี่หยกของเจ้าให้เข้า” เยี่ยนจ้าวเกอยื่นมือออกมา สือจวินส่งกระบี่หยกที่ตนเก็บไว้ให้อย่างสบายใจ
เยี่ยนจ้าวเกอรับไว้ ใช้คมกระบี่สองเล่มเสียดสีกันเบาๆ แสงสว่างสดใสกระจายออกมา
“ศิษย์พี่สวีมีกระบี่หยกอยู่ในมือเช่นกัน ตอนนี้ทางเขาน่าจะได้รับสัญญาณแล้ว พวกเราจะไปเจอกับเขาที่ด้านนอกทะเลตาข่ายดาว”
พูดจบเขากับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็ม้วนสือจวินกับเฉินอิ๋ง แล้วบินไกลออกไป
เมื่อถูกเยี่ยนจ้าวเกอพาตัวไป สีหน้าของเฉินอิ๋งทั้งเศร้าสลดทั้งกระวนกระวาย
สือจวินมองนางอย่างเป็นห่วง ฝ่ายเฉินอิ๋งยิ้มให้เขา บอกว่าตนไม่เป็นไร แต่ดูอย่างไรก็เป็นการฝืนทำออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อคิดถึงคำพูดก่อนหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ ในใจของสือจวินก็ค่อยๆ เกิดความเข้าใจหลายส่วน
ถ้าหากเฉินอิ๋งรอดไปได้ แล้วบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นออกมา เปิดเผยให้ทุกคนได้ทราบ ความไม่เป็นธรรมที่สือจวินได้รับจะถูกชำระล้างทันที
เขาสังหารเหนียนเหว่ย เหนียนเชินย่อมแค้นเขา คิดฆ่าเขาเพื่อแก้แค้น
แต่วาเขาหงส์วิเศษยึดถือเหตุผล ยืดอกปกป้องสือจวิน
ในฐานะที่เป็นเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมะ ถึงเขาหงส์วิเศษจะด้อยกว่าสำนักมังกรโลหิต แต่ก็ไม่สมควรยอมให้สำนักมังกรโลหิตจัดการ
ถ้าหากเหนียนเชินคอยจับตามองตลอด การเดินทางของสือจวินจะเต็มไปด้วยอันตราย แต่ถ้าอยู่ในสำนักเขาหงส์วิเศษ เหนียนเชินก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้
เหนียนเชินคิดโจมตีเขาหงส์วิเศษ กลับไม่ได้มีความได้เปรียบที่ชัดเจน
ถ้าหากเขาคิดจะตายไปพร้อมกัน สำนักอื่นๆ เช่นวังผลึกวารีย่อมไม่นิ่งดูดาย
แต่ถ้าความอยุติธรรมนี้ไม่ถูกชำระ สือจวินก็ยังต้องแบกชื่อลักพาตัวลูกศิษย์หญิงของสำนักอื่น และยังคงเป็นตัวอันตรายในฝ่ายธรรมะ เหนียนเชินฆ่าเขาทิ้ง คนอื่นอาจจะร้องว่าประเสริฐด้วยซ้ำ
เพียงแต่กลับกัน หากความจริงถูกเปิดเผย ก็ถึงตาสำนักมังกรโลหิตกลายเป็นตัวตลกของใต้หล้าแล้ว
ต่อให้เหนียนเหว่ยตายไปแล้ว คงมีคนด่าว่าสมน้ำหน้า
เพียงแต่ว่าเฉินอิ๋งเป็นลูกศิษย์สำนักมังกรโลหิต นางไม่กลัวว่าจะล่วงละเมิดเหนียนเหว่ยซึ่งเป็นศิษย์ร่วมสำนัก แต่จำต้องคิดถึงชื่อเสียงของสำนักด้วย
บิดาของนางเป็นเจ้าสำนักมังกรโลหิต สำนักเลี้ยงนางมา เรื่องเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของนาง
เมื่อมองอีกมุมหนึ่ง สำหรับเฉินอิ๋งแล้ว เมื่อเหนียนเหว่ยตายไป ความโกรธก็ได้รับการระบาย ความแค้นได้รับการปลดปล่อย แม้แต่ลูกศิษย์สำนักมังกรโลหิตหลายคนที่เข้าข้างเหนียนเหว่ยก็ตายไปด้วยกระบี่ของสือจวิน
สำนักทั้งสำนักและลูกศิษย์คนอื่นในสำนัก ล้วนไม่ได้มีความแค้นกับนาง
แต่สือจวินที่ช่วยนางให้พ้นภัย สุดท้ายตนต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกคนนับพันประณาม เฉินอิ๋งจะไม่แยแสได้อย่างไร
ดังนั้นในตอนนี้นางถึงได้มีท่าทีทุกข์ใจยิ่ง
สำหรับสำนักมังกรโลหิตแล้ว ถ้าสังหารสือจวินได้ แลทำให้เฉินอิ๋งไม่สามารถเล่าเรื่องราวได้ ความจริงจะเป็นอย่างไร พวกเขาล้วนเป็นคนกำหนด
ตอนที่สือจวินพาเฉินอิ๋งหนีจากเกาะร้างในตอนนั้น นอกจากคนของสำนักมังกรโลหิตแล้ว ยังมีคนจำนวนมากมองเห็นเหตุการณ์ ในตอนนี้เรื่องเผยแพร่ไปทั่วโลกผืนสมุทรแล้ว
มาถึงขนาดนี้ ย่อมเหมือนเกาทัณฑ์ได้พาดอยู่บนสาย ไม่อาจไม่ยิง
อย่าว่าแต่เหนียนเชินเลย ต่อให้เฉินซื่อเฉิงทราบความจริง แต่ก็ต้องรักษาชีวิตของธิดา กลับไม่ลงมือกับสือจวินอย่างปราณี กลายเป็นตกกระไดพลอยโจร
ส่วนหลังจากนั้น เหนียนเหว่ยยังตายด้วยน้ำมือของสือจวินจริงๆ เรื่องนี้ไม่อาจเลิกราโดยง่ายอีกต่อไป
สือจวินไม่ได้คิดทะลุปรุโปร่งขนาดนี้ แต่ก็ค่อยๆ เข้าใจขึ้น สีหน้าของเขาจึงกลายเป็นเคร่งเครียด
เยี่ยนจ้าวเกอมองสือจวินแวบหนึ่ง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คนอื่นไม่เชื่อเจ้า แต่ข้าเชื่อ คอยดูเถิดว่าเหนียนเหว่ยจะมีปัญญาทำอะไรเจ้าหรือไม่”
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าเช่นกัน มือข้างหนึ่งที่กำมาโดยตลอดคลายออกเล็กน้อย แสงสีเลือดกับแสงสีทองมากมายเปล่งประกายสลับกัน
สือจวินกับเฉินอิ๋งงงงันอยู่ครู่หนึ่ง ฝ่ายเฉินอิ๋งหลุดปากว่า “นิ้วมังกรทั้งเก้า?!”
“แค่หนึ่งในเก้านิ้วเท่านั้น” เมื่อเห็นสายตาที่ตกตะลึงของคนทั้งสอง เยี่ยนจ้าวเกอก็บอกเล่าอย่างง่ายๆ “ในมิติต่างแดนนั้น พวกเจ้าเพิ่งออกไปได้ไม่นาน ข้าก็ไปถึงที่นั้น เหนียนเชินก็ไปถึงเช่นกัน ครั้นเห็นศพของเหนียนเหว่ย ตาเฒ่านั่นก็เดือดดาล ปะทะกับข้า ข้าจึงหักนิ้วเขามานิ้วหนึ่ง”
“ต่อมารีบตามหาเจ้า จึงไม่ได้สานต่อ”
คนหนุ่มสาวทั้งสองพูดไม่ออกอยู่ชั่วขณะ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอสังหารผู้ปกครองเกาะจิตประสานฟางข่าน แต่ว่ามหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรม กับมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมที่ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ มีความหมายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
กระบี่ล่องลอยเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ เมื่ออยู่ในมือของเจ้าสำนักบึงหมื่นกระบี่เหยียนกัง กับเจ้าสำนักปราชญ์ปีศาจลิ่นเชียนเฉิงที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ยังไม่อาจทำอะไรเยี่ยนจ้าวเกอได้
แต่ว่าสามารถปะทะกับพลังในระดับศักดิ์สิทธิ์แล้วเอาชนะมาได้ นอกจากนั้นยังแย่งนิ้วมังกรมาได้นิ้วหนึ่ง ระดับความยากย่อมไม่อาจใช้คำพูดทั่วไปมาว่ากล่าวได้
นี่หมายความว่า เยี่ยนจ้าวเกอที่มีร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก แข็งแกร่งยิ่งกว่าการคาดการณ์ของพวกเขา และแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหนียนเชินซึ่งเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักมังกรโลหิตที่มีนิ้วมังกรทั้งเก้า
เฉินอิ๋งมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างตกตะลึง นางอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่กล้า
สือจวินระบายลมหายใจยาว มองเยี่ยนจ้าวเกอพลางชมเชย “สมกับเป็นอาจารย์อาเยี่ยน นอกจากท่านแล้ว ยังมีใครที่ยืนอยู่ในระดับสูงเช่นนี้ทั้งที่มีอายุเท่านี้บ้าง!”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พร้อมพิจารณาสือจวินขึ้นลง “ยังไม่ต้องพูดถึงข้า กลับเป็นเจ้า เป็นคลื่นลูกหลังไล่ทันคลื่นลูกหน้า ยอดเยี่ยมนัก!”
ตอนนี้สือจวินมีอายุแค่ยี่สิบปีก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะต้นแล้ว ผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นเป็นครั้งที่สองสำเร็จ ห่างจากขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลางแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
การตามล่าและการหนีตายในหลายวันมานี้ ทั้งที่ทำให้ระดับจิตใจของเขาตึงเขม็ง กลับได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มากทีเดียว เพียงแต่ต้องตกตะกอนอีกสักเล็กน้อย ก็จะเลื่อนเป็นขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลางได้ทันที
ความเร็วในการฝึกปรือเช่นนี้ ยังมิต้องพูดถึงว่าบนโลกผืนสมุทรมีเพียงคนเดียว ในโลกแปดพิภพก็นับว่าเป็นระดับที่สูงที่สุดเช่นกัน
ตอนที่มีอายุเท่ากัน ความเร็วในการเพิ่มระดับของเขาเหนือกว่าสวีเฟยผู้เป็นอาจารย์ และเร็วกว่าพวกลู่เวิ่นซึ่งเป็นศิษย์สายตรงของเขากว่างเฉิงส่วนใหญ่ไปแล้ว
ในหมู่จอมยุทธ์รุ่นเยาว์ที่เยี่ยนจ้าวเกอรู้จัก มีอิงหลงถู ซือคงจิง และเฟิงอวิ๋นเซิงเท่านั้นที่เร็วกว่าสือจวิน
คนเหล่านั้นจะมากจะน้อยก็มีข้อยกเว้นอยู่บ้าง
สิ่งที่ควรค่าให้พูดถึงก็คือ ถึงอย่างไรสือจวินก็มิใช่ศิษย์ของเขาหงส์วิเศษ เขากับสวีเฟยต่างเป็นแขก ทรัพยากรที่เขาได้มาระหว่างการฝึกย่อมสู้สวัสดิการที่ลูกศิษย์สายตรงของสำนักเขาหงส์วิเศษได้รับไม่ได้
ในสถานการณ์เช่นนี้เขายังเหนือกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน แม้แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็ยังคิดว่าตนเองทำเช่นเขาไม่ได้
หลายปีมานี้สือจวินหลั่งเหงื่อไปมากขนาดไหน ใช้ความพยายามมากเพียงใด ไม่ต้องถามก็รู้
ความปรารถนาเพื่อปกป้องมารดาและความกระหายในการพิสูจน์ตนเองอย่างแรงกล้า ต่างเป็นแรงขับเคลื่อนมหาศาลที่กระตุ้นให้สือจวินไม่กล้าหยุดนิ่งกับที่
สือจวินได้รับคำชมเชยของเยี่ยนจ้าวเกอ บนใบหน้าที่เข้มแข็งปรากฏความอึดอัดใจที่หาได้ยากหลายส่วน “อาจารย์อาอย่าล้อข้าเลย คนอื่นชมข้า ข้าคงพอหน้าด้านรับไว้ แต่เมื่อท่านชม หน้าข้ากลับร้อนไปหมด”
เขารู้ว่าอาจารย์อาอายุน้อยตรงหน้านี้เป็นคนอย่างไร
ถึงแม้ในตอนนี้ทั้งสองฝ่ายจะมีอายุไม่ต่างกันมาก แต่ความสำเร็จของเยี่ยนจ้าวเกอก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนเงยหน้ามองภูเขาสูง ในตอนที่เขามองอีกฝ่ายมีเพียงความรู้สึกว่าตนยังเป็นเด็กน้อยในอดีตเท่านั้น
กระนั้นสือจวินก็ยังดีใจที่ได้รับการยอมรับจากเยี่ยนจ้าวเกออยู่ดี
เพียงแต่หลังจากดีใจเสร็จแล้ว รอยยิ้มของสือจวินก็ค่อยๆ สลายไป
เยี่ยนจ้าวเกอทราบว่าถึงแม้จะมีความเชื่อมั่นว่าจะปกป้องตัวเองได้ แต่ตราบใดที่ชื่อเสียงยังไม่ได้รับการชำระล้าง ต่อจากนี้สือจวินก็ยังคงถูกคนบนโลกผืนสมุทรชี้หน้าประณาม มีแต่คำครหาติดตัว
“มาถึงเขตแดนทะเลตาข่ายดาวแล้ว หลังจากออกจากที่นี่ จะไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำพุแสงดาวตกอีก อีกไม่นานพวกเราก็จะเจอพวกศิษย์พี่สวี” เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เพียงมองสวีเฟย จากนั้นก็มองเฉินอิ๋งที่เงียบงัน ก่อนจะพาพวกเขาบินไปยังโลกที่อยู่นอกการครอบคลุมของแสงดาวอันขมุกขมัว