ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 562 แดนฝูงมังกรฝังกระดูก
เมื่อได้ยินว่าประตูมังกรกำลังเปิด และสามารถเข้าไปได้แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็พยักหน้า “ได้โปรดรายงานเจ้าสำนักเกาว่าอีกเดี๋ยวข้าจะไปถึง”
หลังจากไป๋จิ่งคังผละไป ชายหนุ่มก็มองไปยังสวีเฟย “ศิษย์พี่สวี ข้ากับอาจารย์ป้าฟู่จะไปแล้ว ท่านอยู่ที่โลกผืนสมุทร รักษาตัวให้ดี”
สวีเฟยตอบ “พวกเจ้าก็รักษาตัวด้วย”
กระจกยังสูงส่งฟื้นฟูสภาพแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอจะลองใช้วิชาเคลื่อนผ่านโลกกระจกเปิดทางเชื่อมเขตแดน เพื่อกลับโลกแปดพิภพดู
สุดท้ายไม่เหนือความคาดหมาย ประตูทางเชื่อมเปิดในประตูมังกรจริงๆ
เยี่ยนจ้าวเกอคำนวณไว้ว่าในช่วงสั้นๆ นี้ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการบิดเบี้ยวและทับซ้อนของเขนแดนมิติ ต่อให้มีทางเชื่อมเขตแดนเปิดบนโลกผืนสมุทร ประตูทางเชื่อมส่วนใหญ่จะอยู่ในสุสานมังกร
ตอนนี้สามารถเข้าไปในสุสานมังกร เยี่ยนจ้าวเกอก็เตรียมตัวเคลื่อนไหวทันที
เขาออกจากเกาะไร้ขอบเขตพร้อมกับฟู่เอินซู และคนในเขาหงส์วิเศษ มุ่งหน้าไปยังแผ่นดินที่อยู่ไกลออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ณ ที่แห่งนั้นซึ่งเป็นสถานที่ตั้งสำนักของสำนักอัสนีเรืองรองในตอนแรก ตอนนี้กลายเป็นเหวลึก ประตูมังกรอยู่ด้านใน
ขณะเดินทาง มีข่าวมากมายส่งมาจากหลายที่ ว่าสามารถเข้าไปในประตูมังกรสามารถเข้าแล้ว จึงดึงดูดความสนใจของโลกผืนสมุทร เกิดเป็นคลื่นมรสุมอยู่ชั่วขณะ
เยี่ยนจ้าวเกอให้ความสนใจแดนฝูงมังกรฝังกระดูกในตำนาน แต่เขาพบว่าความจริงตนสนใจการกลับจากที่นั่น ไปยังโลกแปดพิภพมากกว่า
เขาเหม่อลอยเล็กน้อย เบื้องหน้าปรากฏรอยยิ้มกระจ่างใสของเฟิงอวิ๋นเซิงอีกครั้ง
รอยยิ้มในความทรงจำยิ่งกระจ่างเท่าใด เมฆดำในใจของเยี่ยนจ้าวเกอก็หนักอึ้งขึ้นเท่านั้น
ก่อนหน้านี้่มาตรว่าจะแยกจากกัน อาจเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายไม่น่าเจออันตราย อาจเป็นเพราะตนสามารถปลีกตัวกลับไปได้ตลอดเลา ดังนั้นจึงไม่เคยมีความรู้สึกอย่างเช่นในตอนนี้มาก่อน
ทว่าครั้งนี้ เฟิงอวิ๋นเซิงเป็นตายร้ายดียังไม่ทราบ ตนกลับติดอยู่ในบนโลกผืนสมุทรเป็นเวลานาน ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกร้อนรนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ภายใต้เงื่อนไขทางสภาพแวดล้อมพิเศษของที่นี่ สิ่งที่กำลังแตกหน่อก่อนหน้านี้เติบโตอย่างรวดเร็ว
บางทีอาจจะมีอยู่มาโดยตลอด เพียงแต่ตนเพิ่งจะมารู้สึกได้ในช่วงที่อยู่บนโลกผืนสมุทร
เยี่ยนจ้าวเกอหลับตา
ในตอนที่รู้ว่าเฟิงอวิ๋นเซิงมีอันตราย เยี่ยนจ้าวเกอพบว่าสิ่งที่ตนนึกถึงเป็นอันดับแรก มิใช่การทดสอบแห่งจันทราจะเป็นอย่างไร หรือมงกุฎจันทราจะเป็นอย่างไร
และไม่ได้ใคร่ครวญว่า การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อการต่อสู้กับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อย่างไร
สิ่งที่ตนนึกถึงเป็นอันดับแรกก็คือ ขออย่าให้นางเป็นอะไรเด็ดขาด
จากนั้นสิ่งที่คิดต่อมาก็คือ ตัวบัดซบสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ พวกเขารนหาที่ตาย!
เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตา ในดวงตาสาดประกายเย็นเยียบ ครู่ต่อมาค่อยจางหาย
เขาสัมผัสถุงย่อส่วนของตัวเอง จิตใจอยู่ที่สิ่งของในถุงย่อส่วน
เสาระเบียงวังเทพกับคานวังเทพในตอนนี้เชื่อมติดกัน นอกจากนี้แล้วยังมีเงามังกรเก้าตัววนเวียน ลักษณะคล้ายกับเสาเก้าต้น
เสาก้นต้นนี้ค้ำยันคานพร้อมกับเสาระเบียงวังเทพ บนคานมีเงาแสงปรากฏขึ้น เกิดเป็นเพดานห้อง
ถึงแม้โดยรวมจะยังเป็นภาพมายา แต่ว่าวังเทพที่ทั้งงดงามและยิ่งใหญ่ค่อยๆ มีเค้าโครงและต้นแบบแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอสงบจิตใจ สายตามองไปยังทิศทางที่แผ่นดินแลประตูมังกรอยู่
‘น้อยครั้งจะเห็นคลื่นอารมณ์ของเจ้าชัดเจนเพียงนี้’ ข้างหูมีกระแสเสียงของฟู่เอินซูดังขึ้น เยี่ยนจ้าวเกอจึงหันไปมองนางอย่างเงียบงัน
ฟู่เอินซูกำลังมองเขาอยู่เช่นกัน ‘เจ้า ใช่เป็นห่วงอวิ๋นเซิงหรือไม่’
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย สารภาพว่า “ใช่แล้ว”
เขามองฟู่เอินซูพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ป้าฟู่ท่านคงไม่เอากระบองตีนกยวนยางกระมัง[1]”
อาจารย์ป้าฟู่ไม่รู้สึกเหนือความคาดหมาย และไม่ได้ขุ่นเคืองเพราะวิธีการพูดตรงไปตรงมาของเขา “ตัวข้าไม่เข้าใจหลักเหตุผลนัก แต่ว่าเรื่องนี้ต้องดูความคิดของอวิ๋นเซิงด้วย”
คิดถึงการสังเกตเฟิงอวิ๋นเซิงในยามปกติ ฟู่เอินซูก็ถอนใจเบาๆ “หากเจ้าไม่สองจิตสองใจ ไม่ข่มเหงลูกศิษย์ของข้า ข้าย่อมไม่สนใจมากนัก”
ชายหนุ่มแยกเขี้ยว “ใครข่มเหงใครยังไม่แน่”
ฟู่เอินซูไม่ได้เถียงกับเขา สายตามองไปยังที่ไกล เหม่อลอยเล็กน้อย
เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ ทราบดีว่าไม่ควรพูดต่อ อาจารย์ป้าผู้นี้กำลังคิดถึงเรื่องในอดีต ตนอย่าไปหาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า หลายปีมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างฟู่เอินซูกับบิดาของตนดีขึ้น อย่าแหย่รังแตนใหม่อีกเลย
ยังดีที่ฟู่เอินซูมิได้เหม่อลอยนานเกินไป พอได้สติกลับมาก็กล่าวว่า “สถานที่อย่างแดนฝูงมังกรฝังกระดูก เพียงแค่เดินผ่าน ก็จะได้รับผลประโยชน์มหาศาลยากจินตนาการ”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ไม่ว่าจะได้อะไรหรือไม่ การกลับแปดพิภพในครั้งนี้จะต้องคิดบัญชีกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์”
เขาหันไปมองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะสั่งความคิด เชื่อมต่อกับถุงย่อส่วนอีกใบหนึ่ง
แต่ว่าในถุงย่อส่วนนี้ ตราประทับสีทองอันหนึ่งอยู่ด้านในอย่างสงบ ไร้สุ้มไร้เสียง ไม่ได้ปล่อยปราณวิญญาณออกมาแม้แต่น้อย
กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่รีบร้อน ทำความเข้าใจเคล็ดวิชาในคัมภีร์เทพพระอาทิตย์ซึ่งเก็บอยู่ในสมองอย่างเงียบๆ
ทุกคนมาถึงประตูมังกร ที่แห่งนั้นมีจอมยุทธ์จากสำนักอื่นมารวมตัวกัน เมื่อเห็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอโผล่มา พวกเขาต่างก็รู้สึกหวั่นใจกันถ้วนหน้า
เจ้าสำนักเขาหงส์วิเศษเกาเทียนจงขมวดคิ้ว “บึงหมื่นกระบี่ เกาะวิญญาณหลอน เกาะงูเขียว สำนักพายุโหม สำนักที่อยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนจะมีคนเข้าไปก่อนแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ “ไม่เป็นไร ที่แห่งนี้มิใช่ว่ามาเร็วแล้วจะมีประโยชน์”
พูดจบ เขาก็พุ่งเข้าไปในประตูมังกรโดยไม่มองคนจากสำนักใหญ่ที่อยู่รอบๆ ลุ่มน้ำ
คนจากสำนักอื่นที่อารักขาอยู่ด้านนอกไม่กล้าขัดขวางเยี่ยนจ้าวเกอ ได้แต่มองเขากับฟู่เอินซูและพวกเกาเทียนจงเข้าไปในประตูมังกรอยู่ด้านข้าง
เขาหงส์วิเศษทิ้งคนไว้เฝ้าด้านนอก คนจากแต่ละสำนักอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข พวกเขาไม่ได้คิดจะขัดขวางขุมกำลังระดับเดียวกันอยู่แล้ว เพียงหยุดไม่ให้คนอื่นเข้าไปจับปลาตอนน้ำขุ่น
เยี่ยนจ้าวเกอเข้ามาในประตูมังกร เห็นความว่างเปล่าด้านหน้าบิดเบี้ยวอย่างต่อเนื่อง คล้ายกับเข้าไปในทางเชื่อมเขตแดนเส้นหนึ่ง
ปราณมังกรตรงปากประตูทางเข้ามิได้น่าตื่นตระหนกเหมือนเดิมอีก เปลี่ยนเป็นมีแบบแผนและเสถียรกว่าเดิม แต่ก็ยังคงก่อให้เกิดความกดดันต่อจิตใจของคนตลอดเวลา ทำให้ผู้คนต้องมีความคิดยอมศิโรราบ
สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอสั่นไหวเล็กน้อย ในตาข้างขวามีแสงสายฟ้าเดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวหายไป
‘เหอะ ถึงแม้สำนักอัสนีเรืองรองจะโดนทำลายไปแล้ว คนกลับไม่ตายจนหมด เกิ่งฮุยเข้ามาด้วย’
สำนักอัสนีเรืองรองประสบหายนะ ถูกทำลายแทบทั้งสำนัก มีเพียงพวกเกิ่งฮุยซึ่งเป็นยอดฝีมือระดับสูงที่รอดมาได้
ถ้าพวกเขาไม่ยอมลดธงหยุดตีกลอง นอนฟืนแข็งกินดีคม เช่นนั้นก็ต้องลองเสี่ยงดู
สุสานมังกรมีคุณค่าสูงเกินไป หากสำนักอัสนีเรืองรองครั้งนี้ละทิ้ง ระยะห่างกับขุมกำลังอื่นจะยิ่งมายิ่งกว้างขึ้น
ถึงแม้จะไม่ได้มีการติดต่ออย่างเป็นทางการ แต่ตามการบรรยายของจอมยุทธ์บนโลกผืนสมุทร เกิ่งฮุย ‘ราชันสายฟ้าสีชาด’ ย่อมไม่ยอมกบดานแบบนี้
เขาอาจจะเสี่ยงเปิดของประตูมังกรดู
เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วขยี้ตาขวาของตัวเอง พลางหัวเราะอย่างเย็นชา ‘ชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้ามีปฏิกิริยา คนผู้นี้มีชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าชิ้นหนึ่งจริงๆ ด้วย ครั้งก่อนไม่ได้พกติดตัว เอาทิ้งไว้ที่สำนักหรืออย่างไรกัน’
……………………………………….
[1] เอากระบองตีนกยวนยาง หมายถึง ขัดขวางความรัก