ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 656 โลกด้านในเตากลืนดิน
เยี่ยนจ้าวเกอใจเต้น มีความรู้สึกไม่ดีอยู่รางๆ
‘มีอันตรายอย่างที่คิดไว้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องหรือสำนักแสงสว่าง?’ เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งคิด ทางหนึ่งคำนวณ
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกนั่งขัดสมาธิตัวตรงปรับลมหายใจอยู่บนพื้น สูดเอาปราณมังกรในวังฝูงมังกรและแสงสว่างจันทร์ดำจากพิธีอาทิตย์ดำจันทร์ยะเยือกที่ตกค้างอยู่เข้าไปอย่างต่อเนื่อง
มันวูบไหวท่าร่าง ออกจากวังฝูงมังกรไป จากนั้นก็กำมือ ทันใดนั้นวังฝูงมังกรขนาดมหึมาก็เปลี่ยนเป็นเล็กลงอย่างรวดเร็ว
มาถึงตอนท้าย วังฝูงมังกรที่เหมือนกับตำพระราชวังราชันมังกรอันเป็นที่สถิตของเทพเซียน กลับเล็กลงเท่าเมล็ดข้าว
มังกรมีทั้งขนาดใหญ่ทั้งขนาดเล็ก ตัวใหญ่ทะยานขึ้นสู่ฟ้า ตัวเล็กซ่อนในรู
วังฝูงมังกรที่ผ่านการสร้างขึ้นจากโครงกระดูกฝูงมังกรมีความสามารถเช่นนี้
เยี่ยนจ้าวเกอยกฝ่ามือขึ้น กลางฝ่ามือปรากฏภาพความโกลาหล จากนั้นวังฝูงมังกรที่เล็กลงก็ถูกเก็บไว้ด้านใน
วิชาในคัมภีร์นภาไร้ขีดจำกัดทำงานเต็มกำลัง เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับอยู่ในความโกลาหล พร่าเรือน ไร้รูปร่าง
ชายหนุ่มไม่ใช้พลัง เพียงลอยตามคลื่นใต้ทะเลอยู่ในทะเลลึก
จิตใจของเขาผ่อนคลายลงเล็กน้อย รู้สึกว่าเส้นด้ายที่ติดอยู่บนร่างของตนก่อนหน้านี้ขาดไป เหมือนกับฝุ่นที่เกาะอยู่บนตัวถูกปัดออก
‘อาศัยอะไรตามหาร่องรอยของข้ากันแน่? คังจิ่นหยวนนั่นไม่มีความสามารถทิ้งสัญลักษณ์อะไรไว้บนตัว ดูเหมือนจะเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางชิ้นนั้น’
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจขึ้นมา ‘อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางนับเป็นของที่ค่อนข้างไม่เลว ไม่เพียงแต่มีพลังป้องกันน่าทึ่งเท่านั้น ยังมีประโยชน์อย่างอื่นด้วย’
ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอแน่ใจแล้วว่า ของวิเศษชิ้นนี้ไม่ใช่ของคังจิ่นหยวน แต่เป็นของผู้อาวุโสในตระกูลของเขา
หลังจากผ่านการต่อสู้กับหนงอวี่ซวนแล้วได้รับบาดเจ็บ ผู้อาวุโสของเขาก็กลัวเขาจะประสบภัยอีก ดังนั้นจึงมอบให้เขาเพื่อใช้ปกป้องตัวเอง
จำเป็นต้องบอกว่าเป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาดจริงๆ ไม่เช่นนั้นคังจิ่นหยวนต้องถูกเยี่ยนจ้าวเกอแทงหอกตายไปแล้ว
ตามการไหลของคลื่น ซ่อนเร้นก็ได้ซ่อนเร้นแล้ว ความเร็วในการเคลื่อนที่ช้าเกินไป ไม่มีประสิทธิภาพดีนัก เยี่ยนจ้าวเกอจึงค่อยๆ ลอยขึ้นบนผิวทะเล
ครั้นหันไปมอง ปลายท้องฟ้ากับท้องทะเลเบื้องหลังถูกอัคคีสวรรค์สีแดงกับสายฟ้าสีม่วงปกคลุม ระเบิดแสงเจิดจ้าและเสียงสะท้านฟ้าดินมาเป็นระลอก ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
เวลานี้ เลยเพลิงสายฟ้าออกไป มีประกายกระบี่ที่แข็งแกร่งพุ่งมายังด้านนี้
ประกายกระบี่ครอบฟ้าคลุมดิน มองจากที่ไกล ท้องฟ้าครึ่งหนึ่งนั้นเปลี่ยนเป็นขมุกขมัว
ทัศนียภาพทั้งหมดเหมือนกับหยุดนิ่งลง
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเล็กน้อย ‘ผู้สืบทอดของผู้วิเศษเซิงมีระดับพลังฝึกปรือสูงทีเดียว’
เขาดำลงไปในมหาสมุทรอีกครั้ง ซ่อนตัวอยู่ในน้ำทะเลอย่างไร้สุ้มไร้เสียง เหมือนกับไม่คงอยู่
ร่างของเขาเหมือนกับโปร่งแสง ไม่มีเสียงอะไรส่งมา และไม่ปลดปล่อยกลิ่นอาย ไม่มีการสั่นไหวของความคิด
ถึงแม้จะออกห่างจากใจกลางการระเบิดของเพลิงสายฟ้ามาแล้ว แต่ดินแดนแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นบนผิวทะเลหรือมิติด้านล่างทะเล ยังคงติดอยู่ในสภาวะบิดเบี้ยวแหลกสลาย ปรากฏเป็นภาพวันสิ้นโลก
อีกฝ่ายแม้มีระดับพลังสูงส่ง แต่ว่าในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ คิดตามหาเยี่ยนจ้าวเกอที่กระตุ้นคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต ทุกสิ่งกับคืนสู่อนัตตา กลับเหมือนดวงตาปกคลุมด้วยความมืด
เมื่อไม่มีเกราะกระจกฟ้าดินคอยช่วยเหลือ นางก็ไม่มีวิธีอื่นอีก
คังฮูหยินมีสีหน้าเคร่งเครียด ตั้งใจสำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆ ครู่หนึ่ง นางคาดการณ์ในใจ ก่อนจะลงมือโดยพลัน
ประกายกระบี่ที่ทอดยาวปรากฏออกมา ในตอนนี้กลายเป็นข่ายอาคมขนาดยักษ์ ปกคลุมน่านน้ำรอบๆ ไว้
ทุกสิ่งที่อยู่ในข่ายอาคม สูญเสียสีสันกลายเป็นสีขาวเทา เหมือนกับกำลังเสื่อมสลาย
ทุกสิ่งรวมถึงท้องทะเลด้านล่างไม่ขยับเขยื้อน เหมือนกับถูกแช่ในอำพัน
คังฮูหยินสาดสายตาทะลุทะเลลึกดุจคบเพลิง เคลื่อนไหวทีละนิดๆ ค้นหาอย่างละเอียด ไม่ปล่อยให้ร่องรอยใดๆ หลุดรอด
เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในมหาสมุทรตอนนี้ไม่อาจเคลื่อนไหว
‘อืม เป็นคนที่ตึงมือคนหนึ่ง’ เยี่ยนจ้าวเกอนิ่วหน้า อีกฝ่ายในเมื่อมีวิธีการและมีความอดทน หากปล่อยให้นางหาเจอ ตนจะช้าจะเร็วย่อมไม่อาจรอดไปได้แน่
สายตานั้นไม่ได้คมกริบ เพียงแต่ยืนยงดุจดั่งกระแสเวลา ทอดยาวไร้สิ้นสุด มอบแรงกกดดันหนาหนักที่ผู้คนไม่อาจต้านทาน
สายตาของนางกวาดผ่านทุกที่บนมหาสมุทรทีละน้อย ไม่รีบไม่ร้อน มีลำดับขั้นตอน
คังฮูหยินเหมือนไม่กลัวว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะออกจากน่านน้ำแห่งนี้ไปแล้ว ไม่ห่วงว่าถ้าตนค้นหาอย่างเปลืองเวลาอยู่ที่นี่ จะทำให้ตัวการที่แท้จริงหนีไปไกล
เกราะกระจกฟ้าดินตอนนี้ถึงแม้ไม่อาจใช้งานได้ ทว่าก่อนหน้าก็ชี้ทิศทางที่แท้จริงให้อย่างคร่าวๆ แล้ว
ด้วยความแตกต่างของพลังฝึกปรือระหว่างนางกับเยี่ยนจ้าวเกอ นางมั่นใจว่าจะไล่อีกฝ่ายได้ทัน เป้าหมายไม่มีทางหนีไปได้ไกลเกินไป
แต่ว่าเมื่อมาถึงน่านน้ำแห่งนี้ กลับหาร่องรอยของเยี่ยนจ้าวเกอไม่พบ นางคาดว่าเยี่ยนจ้าวเกอน่าจะมีวิธีการพิเศษสำหรับซ่อนร่องรอยและซ่อนตัว
ถึงจะหาเยี่ยนจ้าวเกอไม่พบ แต่ถ้าหากชายหนุ่มมีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ย่อมไม่มีทางคลาดสายตาของนางไปได้
ดังนั้นคังฮูหยินจึงแน่ใจว่า เยี่ยนจ้าวเกออยู่ที่น่านน้ำเบื้องหน้านี้ ขอแค่นางค้นหาอย่างละเอียดพอ สุดท้ายจะหาเจอเอง
นี่ไม่ใช่การทะนงตน แต่คือคำตอบซึ่งอยู่บนพื้นฐานที่เชื่อมั่นในพลังของตัวเองและการคาดการณ์อย่างแม่นยำ จากนั้นก็คำนวณทุกรายละเอียดออกมา
การคาดการณ์ของนางไม่ได้แม่นยำชนิดจับวาง แต่โอกาสที่จะอยู่เหนือความคาดหมายมีน้อยเกินไป
ดังนั้นคังฮูหยินจึงสงบจิตใจ ควานหาอย่างละเอียดชนิดขูดพื้น หมายจะมองน้ำทะเลทุกหยาดหยดในผืนสมุทรแห่งนี้จนทะลุปรุโปร่ง
สายตาอันน่ากลัวกวาดไปทั่วมหาสมุทร ใกล้จะมาถึงเบื้องหน้าตัวเองแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอรักษาความใจเย็นต่อไปด้วยจิตใจที่เหมือนกับทะเลลึก
ตอนนนี้เขาพอมองออกคร่าวๆ แล้วว่า อีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลาง
ศัตรูระดับนี้ ตนในตอนนี้ไม่อาจจัดการ ต่อให้ใช้ตราประทับตะวัน ผลที่ได้ก็มีจำกัด
ถึงอย่างไรตนก็โจมตีได้ครั้งเดียว กอปรกับตราประทับตะวันในตอนนี้ได้แต่ใช้พลังระดับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางเท่านั้น
และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่แม้จะทำให้เพลิงสายฟ้าระเบิดอย่างรุนแรง แต่ว่าเกราะกระจกฟ้าดินในมือของฮูหยินผู้นี้เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลาง
เยี่ยนจ้าวเกอมีแผนมากมายในใจ จากนั้นก็ถูกคัดออกในพริบตา
จนกระทั่ง…
แววตาของเยี่ยนจ้าวเกอสั่นสะท้าน จิตใจหลุดเข้าไปในความคิดหนึ่ง
เตากลืนดิน
เขาพลันหายไปจากที่เดิมอย่างไม่มีเค้าลาง
ในมหาสมุทร สถานที่ที่เขาอยู่ก่อนหน้า เหลือเพียงเตาเครื่องหอมสีดำขนาดเล็กเตาหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับหยั่งเท้าอยู่ในความมืดไร้สิ้นสุด มองมิติที่ไร้แสงสว่างเบื้องหน้าเงียบๆ ที่นี่คล้ายกับมีดวงตาคู่หนึ่งเปิดขึ้น แล้วสบตากับเขา
หลังจากระดับพลังฝึกปรือของเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งมายิ่งสูงขึ้น พลังยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง การเชื่อมต่อระหว่างของวิเศษที่พิสดารชิ้นนี้ก็ยิ่งมายิ่งชัดเจน สามารถทำเรื่องที่ก่อนหน้านี้ทำไม่ได้มากมาย
อย่างเช่นตอนนี้ ร่างกายที่เป็นตัวเป็นตนของเขาได้เข้ามาอยู่ในเตากลืนดินแล้ว
แม้ไม่อาจกระตุ้นให้เตากลืนดินกลืนกินของอย่างอื่นได้ แต่ตนเข้ามาด้านในได้ไม่เป็นไร
ที่นี่เหมือนกับมิติอันเป็นเอกเทศที่สร้างขึ้นมาเอง
เพียงแต่ว่าเตาเครื่องหอมสีดำประหลาดเตานี้ จะทำให้ตนหลบพ้นการเสาะหากของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าได้หรือไม่ เยี่ยนจ้าวเกอยังไม่แน่ใจ
เขามองสิ่งที่เหมือนกับบึงน้ำบึงหนึ่งในความมืดด้านหน้า หลังจากไตร่ตรองเล็กน้อย ก็เข้าไปด้านในอย่างไม่ลังเล
นี่คือสถานที่ที่ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยเหยียบย่างมาก่อน