ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 666 การกระทำของท่านไม่นางมองนัก
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คนที่ทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ ย่อมคือข้า ส่วนคนแซ่หนงสร้างชื่อจอมปลอม สวมรอยชิงความดีความชอบเท่านั้น”
เยว่เป่าฉีมองเยี่ยนจ้าวเกอ ตกอยู่ในความเงียบงันครู่หนึ่ง
นางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วถึงเอ่ยว่า “ถ้าหากเจ้าไม่ว่าอะไร ข้าจะพาท่านไปพบผู้อาวุโสชีที่ควบคุมสถานการณ์บนเกาะเทียนอิ้น”
ชายหนุ่มหัวเราะ “จอมยุทธ์จากแต่ละพรรคที่อยู่ที่นี่ หากสะดวกขอให้เชิญมาทำการพิสูจน์ร่วมกัน”
ครั้นเห็นเยี่ยนจ้าวเกอแน่วแน่ถึงเพียงนี้ เยว่เป่าฉีก็อดมองเขาแวบหนึ่งไม่ได้ นางใคร่ครวญอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “จำเป็นต้องให้ผู้อาวุโสชีจัดการ”
“เอาตามที่ท่านว่า” เยี่ยนจ้าวเกอไม่ใส่ใจนัก
เมื่อร่วมทางกัน มิคาดเพิ่งออกเดินทางได้ไม่ไกลเท่าไร ที่ขอบฟ้าไกลออกไปพลันมีแสงไร้สิ้นสุดสว่างขึ้น ส่องฟ้าดินเป็นสีขาวโพลน
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็ยิ้ม “เป็นอย่างที่คิดไว้ มารอข้าโดยเฉพาะจริงๆ”
เยว่เป่าฉีรู้สึกประดักประเดิดเล็กน้อย นางรู้ว่าน่าจะเป็นศิษย์ในสำนักสักคนเผยร่องรอย คนของสำนักแสงสว่างจึงรู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอมาถึงเกาะเทียนอิ้นเร็วขนาดนี้
ถึงแม้ว่าศิษย์ในสำนักของตนอาจจะไม่ได้ประสงค์ร้าย ทว่านางก็รู้สึกเสียหน้าอยู่ดี
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับมีสีหน้าเป็นปกติ เขามองแสงสว่างหลายสายมาถึงเบื้องหน้าตนอย่างรวดเร็ว ครั้นแสงเหล่านั้นหยุดยั้งลงแล้วก็ปรากฏเงาคนหลายสาย
คนที่เป็นผู้นำคือหนงอวี่ซวน
ภายใต้การนำของเขา จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างกลุ่มหนึ่งล้อมวงกันหลวมๆ
หนงอวี่ซวนจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอ ผู้อาวุโสสำนักแสงสว่างที่อยู่ด้านข้างเขามองไปยังเยว่เป่าฉี เอ่ยว่า “เด็กผู้นี้ล่วงเกินสำนักเราครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังสังหารจอมยุทธ์สำนักเรา ตอนนี้พวกข้าต้องการคิดบัญชีกับเขา เซียนเยว่ได้โปรดอย่าสอดมือ”
เยว่เป่าฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตอนนี้เขาเป็นแขกของพรรคข้า”
หนงอวี่ซวนกล่าวเสียงราบเรียบ “เสร็จเรื่องแล้วข้าจะไปขอรับโทษจากผู้คุมหอกู้ด้วยตัวเอง ตอนนี้สำนักท่านอย่าถามไปมากกว่านี้เลย”
สายตาของเยว่เป่าฉีเคร่งขรึมขึ้น แม้อีกฝ่ายจะใช้น้ำเสียงเรียบเฉย แต่กลับปรากฏความตั้งใจที่แน่วแน่ จิตสังหารสั่นสะท้าน ไม่อาจสั่นไหวได้โดยง่าย
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ท่านคิดสังหารข้า เป็นเพราะความแค้นในอดีตของเรากี่ส่วน แล้วเป็นฆ่าปิดปากข้าเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นรู้ว่าท่านชิงความดีควมชอบในการทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติของข้ากี่ส่วน?”
จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างคนหนึ่งตวาด “พูดจาเหลวไหล!”
หนงอวี่ซวนมีสีหน้าสงบนิ่ง “นั่นไม่ได้สำคัญ สำคัญคือเจ้ากล้าโผล่หน้าออกมา”
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสายตาประหลาดใจเล็กน้อย “ดูเหมือนของจะอยู่ที่ตัวเจ้า เจ้านำมาที่โลกซ้อนโลกด้วยกระมัง ไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่กล้าขนาดนี้”
“นี่ประเสริฐจริงๆ” หนงอวี่ซวนแสยะยิ้มบางๆ
เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “ดูเหมือนท่านไม่จำบทเรียนเสียเลย”
หนงอวี่ซวนเท้าเหยียบอากาศ ก้าวเท้าไปด้านหน้า “เช่นนั้นก็ลองดู”
ครั้งนี้เจตจำนงที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังพุ่งมาจากอีกทิศทางหนึ่ง
ประกายกระบี่สั่นไหว ปราณกระบี่ที่เหมือนกับคลื่นทะเลม้วนพัดฟ้าดิน
เยว่เป่าฉีเห็นดังนั้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย จากนั้นชายชราคนหนึ่งก็โผล่ขึ้นด้านหน้าคนทุกคน
สีหน้าของหนงอวี่ซวนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้อาวุโสชี สำนักเราจะจัดการบุญคุณความแค้นส่วนตัว หวังว่าสำนักท่านจะไม่สอดมือ”
ผู้อาวุโสชี ยอดฝีมือหอกระบี่ทะเลเหนือที่คุมสถานการณ์ที่นี่ สายตาตกลงบนตัวเยว่เป่าฉี “เกิดอะไรขึ้น?”
หลังจากเยว่เป่าฉีมองพวกหนงอวี่ซวนซึ่งเป็นจอมยุทธ์สำนักแสงสว่างแวบหนึ่ง ก็ใช้วิธีการส่งกระแสเสียงอธิบายสถานการณ์กับผู้อาวุโสชี
อีกฝ่ายได้ยินเรื่องราวแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้น
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความกังขาเล็กน้อย
ปัจจุบันนี้เยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ มีชื่อเสียงขึ้นมาแล้ว ถึงแม้จะยังอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ แต่ก็ไม่ใช่คนไร้ความสามารถ
เพียงแต่เทียบกับหนงอวี่ซวนที่มีชื่อเสียงมาหลายปีแล้ว เขายังมีบารมีสู้ไม่ได้
นี่ทำให้ผู้อาวุโสชีอดสงสัยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเป็นไปตามคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอจริงๆ ผลกระทบของเรื่องราวก็เลวร้ายยิ่ง
แต่สถานการณ์นี้อดทำให้ผู้อาวุโสชีอดระวังตัวไม่ได้ เพราะด้านหลังหนงอวี่ซวนยังตั้งไว้ด้วยสำนักแสงสว่าง หนึ่งในสี่ขุมกำลังใหญ่ที่ต่อต้านราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องของทะเลหวงเจีย มียอดฝีมือมากมายดุจหมู่เมฆ
ในการต่อต้านราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง สถานะของสำนักแสงสว่างมีความสำคัญยิ่ง
หอกระบี่ทะเลเหนือประสบการโจมตีจากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง เจ้าสำนักแสงสว่างหลัวจื้อเทานำอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงกงจักรตะวันจันทรามาสนับสนุนถึงเกาะโม๋หลูที่อยู่บนทะเลเหนือ เพื่อช่วยเหลือหอกระบี่ทะเลเหนือป้องกันราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องด้วยตัวเอง
ที่อยู่ของสำนักแสงสว่างจึงได้รับการคุกคามจากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องเพราะสาเหตุนี้
ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอ มาตรว่าจะเป็นอัจฉริยะ แต่ลำดับของเขาในตอนนี้ ย่อมไม่อาจนำมาเทียบกับสำนักแสงสว่าง
ถ้าหากหลักฐานคามือยังพอว่า เกิดต่างฝ่ายต่างยืนกรานกระต่ายขาเดียวแล้วจัดการไม่ดี ย่อมเกิดความวุ่นวายขึ้นเป็นแน่
ที่เยว่เป่าฉีพาเยี่ยนจ้าวเกอมาพบผู้อาวุโสชี เป็นการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
การปะทะกันที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งพิธีอาทิตย์ดำจันทร์ยะเยือก ทำให้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ รู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับหนงอวี่ซวนมีข้อขัดแย้งกัน
ถึงแม้จะมีคนรู้สถานการณ์โดยละเอียดไม่กี่คน แต่ทั้งสองฝ่ายยังกินกันไม่ลง
ส่วนตอนนี้กลับเกิดเรื่องอ้างความดีความชอบเช่นนี้ขึ้นอีก
สถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายในตอนนี้หากถูกกระตุ้นจะปะทุขึ้นในทันที
หากผู้อาวุโสชีมาไม่ถึง ทั้งสองฝ่ายต้องลงมือไปแล้วอย่างแน่นอน
ครั้งนี้มีธารแสงหลายสายแยกกันมาจากทิศทางที่แตกต่างกัน
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น ก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้
คนที่มาคือจอมยุทธ์สำนักความมืดกับจอมยุทธ์เกาะมนุษย์สำริด
พวกหนงอวี่ซวนและผู้อาวุโสชีต่างเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูปจิตระยะท้าย สภาวะคุมเชิงระหว่างพวกเขาย่อมดึงดูดความสนใจของหลายฝ่าย
ครั้นมาถึงที่นี่แล้ว ถึงพบว่าเรื่องราวมีเงื่อนงำ
ผู้อาวุโสสำนักแสงสว่างคนหนึ่งพูดอย่างเย็นชาว่า “ทุกๆ ท่าน ปัจจุบันต่อหน้าราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องศัตรูร้าย พวกเราไม่ควรเสียเวลากับเรื่องเล็กๆ เรื่องนี้กระมัง? สำนักเราจัดการกันเองได้”
ความนัยของเขานั้น เยี่ยนจ้าวเกอไฉนจะฟังไม่ออก?
มีศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องอยู่ด้านนอก ระหว่างสำนักแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่กับมหาปรมาจารย์เพียงคนเดียว จะเลือกอย่างไรยังต้องพูดมากอีกหรือ?
ต่อให้มหาปรมาจารย์ผู้นี้จะมีพลังแข็งแกร่ง สามารถต่อสู้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เหมือนอยู่ในระดับเดียวกันได้ ทั้งยังมีอนาคตกว้างไกล แต่จะเทียบกับสำนักแสงสว่างทั้งสำนักได้อย่างไร?
ผู้อาวุโสสำนักความมืดผู้นั้นสายตาเป็นประกายเล็กน้อย “เยี่ยนจ้าวเกอคุณชายเยี่ยนท่านนี้ กลับเป็นแขกของสำนักความมืด อีกทั้งยังไม่ได้เป็นพวกเดียวกันกับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ปัจจุบันฝ่ายต่อต้านต้าเสวียนกำลังเผชิญเรื่องใหญ่ ทุกท่านแม้จะมีบุญคุณความแค้นส่วนตัว แต่ก็ขอให้รอก่อนเถอะ”
คนของสำนักแสงสว่างขมวดคิ้ว “ไม่ได้! วันนี้ต้องฆ่าโจรน้อยผู้นี้!”
ผุ้อาวุโสสำนักความมืดถามขึ้น “เหตุใดพพวกท่านต้องรีบร้อน”
เยี่ยนจ้าวเกอแค่นเสียง “ตามที่ข้ารู้ คนผู้นี้…เอ่อ ราชาแสงดารา ในสำนักแสงสว่างนับเป็นคนที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ถึงขั้นที่มีการเรียกร้องให้เป็นเจ้าสำนักคนต่อไปจำนวนมาก?”
“แต่ว่าคนเช่นนี้กลับสวมรอยยึดความดีความชอบ ไม่ใช่บอกว่าไม่ได้ เพียงการกระทำของท่านไม่น่ามองนัก”
ผู้อาวุโสสำนักความมืดผู้นั้นดวงตาเปล่งประกายเย็นเยียบ จับจ้องหนงอวี่ซวน “อ้อ นี้กลับน่าสนใจแล้ว”
หนงอวี่ซวนไม่ได้สนใจผู้อาวุโสสำนักความมืดคนนั้น แต่พูดกับเยี่ยนจ้าวเกออย่างราบเรียบว่า “อาศัยคำพูดของเจ้า ก็กำหนดได้แล้วว่าเจ้ามีโทษคิดทำให้กองทัพปั่นป่วน เป็นการทำลายฝ่ายต่อต้านต้าเสวียน”
เยี่ยนจ้าวเกอยกมุมปากขึ้นเบาๆ “การเคลื่อนไหวอย่างลับๆ เป็นดาบสองคม ในขณะที่ปิดบังศัตรู ก็อาจจะปิดบังพวกเดียวกันไปด้วย”