ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 699 ไม่สู้แต่แพ้ ไม่สู้แต่ชนะ
สายตาของทุกคนที่อยู่รอบๆ ตกลงบนร่างของเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอมองรอบๆ ยิ้มเล็กน้อย อาหู่ที่อยู่ด้านหลังส่งถุงย่อส่วนใบหนึ่งมา
หลังจากเปิดถุงย่อส่วนแล้ว ศพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน เป็นผู้อาวุโสที่อยู่ในเก้ากระบี่ผู้วิเศษ ซึ่งรับหน้าที่ส่งของวิเศษชนิดต่างๆ เช่นเครื่องหอมบรรุจฟ้าอย่างลับๆ นั่นเอง
เขาเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้จะตายไปนาน ลมปราณเสื่อมสลาย แต่ร่างกายยังคงไม่เน่าเปื่อย
นอกจากผิวพรรณที่เป็นสีเขียวและไม่เห็นสีเลือดแล้ว ก็ไม่ต่างจากตอนมีชีวิตอยู่เท่าไรนัก
หลังจากเห็นใบหน้าของชายชราผู้นั้นชัดแล้ว ในกลุ่มคนที่อยู่รอบๆ ก็มีบางคนสายตาเคร่งขรึมลง “เลี่ยวเจิง คนในเก้ากระบี่ผู้วิเศษ”
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “เพราะความบังเอิญ ข้าได้พบคนผู้นี้ จากนั้นก็ฆ่าทิ้ง ได้ของวิเศษต่างๆ เช่น เครื่องหอมบรรุจฟ้า ผลึกปอดแดนทะเล และดินกำเนิดจักรภพที่เขาพกติดตัวมาอย่างเหนือความคาดหมาย”
“ของวิเศษเหล่านี้ ล้วนใช้สำหรับวางค่ายกลบูชาฟ้าทั้งสิ้น ข้าพอดีรู้จัก จึงทำลายแผนร้ายที่พวกเขาปิดบังอยู่”
เยี่ยนจ้าวเกออมยิ้ม “ต่อมา เมื่อได้เจอกับลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์ จึงถือโอกาสเล่าให้ฟัง”
คนที่อยู่รอบๆ มองศพเบื้องหน้า ต่างเงียบเสียงลง
กงซุนอู่ ผู้ปกครองเกาะมนุษย์สำริดหันไปมองผู้อาวุโสเกาะมนุษย์สำริดคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง ส่งกระแสเสียงถามว่า “ได้ยินมาว่าเยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้มีไข่มุกมองฟ้าอยู่ด้วย?”
อีกฝ่ายตอบ “ถูกต้อง”
กงซุนหมิงลอบพยักหน้า ส่งสายตาให้พวกกู้หง โจวฮ่าวเซิง และหลัวจื้อเทา โดยที่ผู้อื่นแทบจะไม่ทันสังเกต
เหล่าผู้นำยามนี้ต่างเงียบงันลง
หลัวจื้อเทายังคงมองเยี่ยนจ้าวเกอ สายตายิ่งมายิ่งล้ำลึก
เยี่ยนจ้าวเกอแอบหัวเราะในใจ การสนทนาก่อนหน้านี้ของพวกหลัวจื้อเทาและกู้หง ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขารู้เรื่องที่หนงอวี่ซวนสวมรอยตนในตอนนั้นแล้ว
ดูเหมือนสงครามที่เกาะเทียนอิ้นละเกาะชินเหอ พวกฉีเหว่ยและคังฮูหยินจะหมายหัวเขาเยี่ยนจ้าวเกอเพียงคนเดียวจริงๆ ไม่ได้สนใจพวกจางเชา ผู้อาวุโสชี และเยว่เป่าฉี
ในตอนนั้นคนจากแต่ละสำนักที่อยู่รอบๆ ต่างรอดชีวิต สำนักแสงสว่างไม่อาจปิดข่าว ผู้ใดทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติ ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป
หลังจากได้ฟังพวกผู้อาวุโสชีเล่าเรื่องในตอนนั้น พวกกู้หงที่เป็นเหล่าผู้นำต่างทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีไข่มุกมองฟ้า
ด้วยเหตุนี้ ตอนนี้คนของสำนักแสงสว่างจึงไม่คิดเปลืองน้ำลายซักถามเยี่ยนจ้าวเกอต่ออีก
ทว่าความจริงแล้ว…ในหุบเขาที่ใช้วางค่ายกลบูชาฟ้าเมื่อก่อนหน้านี้ เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ใช้ไข่มุกมองฟ้าบันทึกภาพในตอนนั้น
ประการแรก คังผิงมีพลังแข็งแกร่ง มีความสามารถพิสดารและแข็งกร้าว หากสัมผัสกลิ่นอายได้ แล้วปล่อยญาณจริงแท้ออกมา สามารถขัดขวางการมองของไข่มุกมองฟ้าได้
ประการที่สอง ตอนนั้นเพื่อป้องกันคังผิง พวกเจิ้งหมิงและเฉินจื้อเหลียงจึงเพิ่มการปกป้องของเรือนภาร่อนวายุถึงขีดสุด
แสงอัสดงเข้มข้นปกคลุม เกิดเป็นแสงเจิดจ้า ไข่มุกมองฟ้าไม่มีทางบันทึกอะไรได้
แค่ปล่อยไข่มุกเม็ดหนึ่งไปด้านนอก คังผิงจะสัมผัสได้ทันที และสามารถบดขยี้ได้แต่ไกล
เพียงแต่เรื่องเหล่านี้ เยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่บอกพวกกงซุนอู่
อีกฝ่ายอยากจะคาดเดาในทางใด ก็ปล่อยให้พวกเขาคาดเดาไป นี่ส่งผลดีต่อเยี่ยนจ้าวเกอมากกว่า
ถึงอย่างไรพวกเจิ้งหมิงก็ยังอยู่ที่ทะเลเหวงเจีย หากอยากพิสูจน์จริงๆ เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ใช่ไม่มีวิธี
หลังจากไตร่ครองครู่หนึ่ง กู้หงก็มองเยี่ยนจ้าวเกอ ประสานมืออย่างจริงใจ “จะว่าไป เรื่องของค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติในตอนนั้น หอกระบี่ทะเลเหนือของเราก็ได้รับบุญคุณจากสหายน้อยเยี่ยน”
“ปัจจุบันสหายน้อยเยี่ยนค้นพบความลับของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง เป็นผลให้ลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์ลงมือ ทำลายความฮึกเหิมของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องอย่างรุนแรง ข้าขอขอบพระคุณ”
แนวโน้มโดยรวมของสถานการณ์ในการรบก่อนหน้านี้ ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมีพลังมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งยังได้เปรียบ ควบคุมอำนาจในการตัดสินใจ
กองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนได้แต่ถูกกดดัน ให้ใช้กระบวนท่าหักล้างกระบวนท่า
การหันหัวหอกไปบุกสำนักแสงสว่างของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ย่อมทำให้กองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนตกอยู่ในสภาวะยากจะบุกและถอยอย่างไม่ต้องสงสัย
พวกกู้หงและหลัวจื้อเทาได้แต่ฝืนรับมือ สมควรบอกว่า ถ้าหากไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมาย เป้าหมายที่พวกเขาเพียรพยายาม คือการลดความเสียงหายให้น้อยที่สุดเท่าที่พอจะทำได้เท่านั้น
เสียท่าย่อมเสียท่าแน่นอน เพียงแต่สุดท้ายต้องดูว่าจะเสียท่าถึงเพียงใด
ทว่าตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอได้สร้างเรื่องเหนือความคาดหมายให้แก่พวกเขาและราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง
ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เนื่องจากการเข้ามามีส่วนร่วมของลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์ สถานการณ์รบทั้งหมดในทะเลหวงเจียจึงกลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง
กองทัพพันธมิตรต่อต้านต้าเสวียนชนะโดยที่แทบจะไม่ต้องต่อสู้ ส่วนราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องแพ้โดยแทบจะไม่ต้องต่อสู้
นี่ทำให้พวกู้หงและหลัวจื้อเทาเกิดความรู้สึกสับสนและพ่ายแพ้
คนที่ทำให้เรื่องเหล่านี้สำเร็จลงได้ ก็คือคนหนุ่มที่เพิ่งเลื่อนเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่นานตรงหน้าผู้นี้
สำนักแสงสว่างกระอักกระอ่วนเป็นพิเศษ ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องหากไม่ถอนกำลัง ผลลัพธ์สุดท้ายก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าที่อยู่ของสำนักแสงสว่างจะถูกอีกฝ่ายบุกทำลาย
สายตาของพวกหลัวจื้อเทาที่มองเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ กลับไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นมิตรนัก
พวกเขาไม่มีทางคิดว่า การกระทำนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอคือการผูกมิตร และเป็นการแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย
เห็นสีหน้าของผู้อื่นที่อยู่รอบๆ แล้ว อย่าว่าแต่หอกระบี่ทะเลเหนือและสำนักความมืด แม้แต่คนของเกาะมนุษย์สำริด ในตอนนี้ก็มองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความชื่นชมเช่นกัน
พวกหลัวจื้อเทาซึ่งเป็นยอดฝีมือจากสำนักแสงสว่าง ในใจเกิดความรู้สึกอันตรายเลือนราง
เจ้าสำนักความมืดโจวฮ่าวเซิงตอนนี้ถอนหายใจ “สหายน้อยเยี่ยนพลิกสถานการณ์เลวร้ายได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก เพียงแต่เสียดายที่พวกเราได้รับข่าวช้าไปก้าวหนึ่ง
“ความลังเลเมื่อครู่ทำให้เราพลาดโอกาสไล่ตามราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ตอนนี้คิดจะไล่ตามอีกครั้ง กลับช้าไปแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอกลับยิ้มขึ้น “บางทีอาจจะยังมีโอกาสอยู่”
ทุกคนได้ยิน สายตาต่างก็ตกลงบนร่างของเยี่ยนจ้าวเกออย่างพร้อมเพรียง
ชายหนุ่มเอ่ยว่า “เมื่อครู่ข้ามองดูราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องเริ่มโจมตี จากนั้นก็ถอยกลับอยู่ห่างๆ และได้พบปัญหาหนึ่งเข้า”
“ก่อนหน้านี้พวกเขาจู่โจมหอสักการะหลักสำนักความมืด ต่อมาโจมตีข่ายกระบี่บนเกาะเพิงหินโม่ ในยอดฝีมือของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่ประมือกับทุกท่าน ตามที่ข้าทราบ คนที่แข็งแกร่งที่สุดน่าจะนับได้สามคน”
“ในเก้ากระบี่ผู้วิเศษมีอยู่สองคนที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้น ในนี้ยังมีกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีเสวียนมู่อ๋องซึ่งเป็นผู้ปกครองราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องในปัจจุบัน พระองค์เดิมทีอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย แต่ก็มีหอกราชาลี้ลับซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงเช่นกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอแววตาลุกวาว “เมื่อครู่เหมือนมีแค่คนสองคนลงมือ คนที่หายไปถ้าหากควบคุมสถานการณ์อยู่ในที่ลับก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าหากไม่ใช่ แล้วผละไปก่อนหน้านี้แล้ว เช่นนั้นจะไปที่ใด?”
เสียงยังไม่ทันขาดลง ในดวงตาทั้งสองข้างของพวกหลัวจื้อเทา โจวฮ่าวเซิง และกงซุนอู่ต่างระเบิดประกายอันน่าตกตะลึง
โจวฮ่าวเซิงกล่าวอย่างเชื่องช้า “สมมติว่าไม่เกิดเรื่องที่ประมุขอาคเนย์ค้นพบค่ายกลบูชาฟ้า ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องจะทำอะไรกับศัตรูอย่างพวกเรา?”
กู้หงว่า “การมุ่งรักษาสภาพยื้อยันสุดท้ายต้องมีจุดจบ พวกเราเมื่อไล่ตามอีกฝ่ายถึงระยะหนึ่ง ถึงแม้จะสร้างความลำบากให้แก่คนในสำนักแสงสว่าง กระนั้นสุดท้ายก็ต้องมีช่วงเวลาหยุดและกลับเกาะเพิงหินโม่ ไม่อย่างนั้นรังแต่จะเพิ่มความเสียหายมากขึ้น หากสู้ไม่ได้ การรักษาคนและทิ้งดินแดนเป็นผลลัพธ์ที่ดีกว่า”
หลัวจื้อเทาเงียบงัน กงซุนอู่มองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “ทว่าราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องใช่ว่าจะยินดีทำเช่นนี้ เป้าหมายของพวกเขา ยังเป็นการเอาชนะหรือถึงขั้นทำลายกำลังหลักของพวกเราด้วยการโจมตีครั้งเดียว”
โจวฮ่าวเซิงพูดทีละคำ “จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนคนหนึ่งของอีกฝ่าย เป็นไปได้ว่าจะลองอ้อมไปด้านหลังเรา เพื่อขัดขวางทางถอยของพวกเรา!”