ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 725 รบกวนหลีกทาง
เฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ เสี่ยวอ้าย หรือแม้แต่พ่านพ่าน ต่างรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกดินของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
สำหรับระดับพลังฝึกปรือในตอนนี้ของพวกเขา ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก่อนหน้านี้ก็แข็งแกร่งมากพอแล้ว
ทว่าในตอนนี้ ยังคงสัมผัสได้ว่าการเพิ่มพลังอันมหาหาศาลในตัวมัน ทั้งชัดเจนและมีแรงกระแทก
เสี่ยวอ้ายที่อาศัยอยู่บนโลกซ้อนโลกจนเติบใหญ่ยังพอว่า เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่ต่างพิจารณาร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความสนใจ
สำหรับพวกเขาที่อาศัยอยู่ในโลกแปดพิภพมาโดยตลอด ยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม และจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ล้วนแตกต่างกันมาก
ยอดฝีมือที่อยู่สูงกว่าระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ก้าวสู่ขั้นเทวะสำแดง จะหลุดจากโลกแปดพิภพ ลอยขึ้นสู่โลกซ้อนโลก
หากพูดจากมุมมองนี้ ความประทับใจอันแข็งแกร่งที่ทั้งสองสิ่งมอบให้แก่ผู้คน เหมือนกับคั่นไว้ด้วยคลองเส้นหนึ่ง ทำให้คนสนใจเป็นพิเศษ
เยี่ยนจ้าวเกอลุกขึ้นยืน ปรบมือเบาๆ ครั้งหนึ่ง
ขณะวังฝูงมังกรสั่นไหว มันเหมือนกับกลายเป็นมังกรแสงตัวหนึ่ง เคลื่อนไหวอยู่ด้านในมิติเวลาที่ปั่นป่วน
กงจักรมหาประกายกาฬที่เงียบงันอยู่ในตัววังมาโดยตลอดยังคงไม่ขยับ แต่ว่าบนผิวของมันมีแสงสว่างขมุกขมัวที่ไม่สว่างและไม่มืดไหลเวียน
แสงมืดสลัวชั้นหนึ่งครอบอยู่บนวังฝูงมังกร ก่อนที่มันจะแหวกความว่างเปล่าออกไป
ธารแสงลวดลายค่ายกลหลายสายปรากฏขึ้นด้านในกระแสปั่นป่วนของเวลา พาดขวางตัดสลับกัน สั่นไหวความว่างเปล่าให้วุ่นวายกว่าเดิม
แต่ว่าภายใต้การคุ้มครองจากแสงมืดสลัว วังฝูงมังกรก็แหวกมิติเวลาหนาหนักได้สำเร็จ
ด้านในวังขนาดใหญ่ เยี่ยนจ้าวเกอยื่นฝ่ามืออกมา ตราอาคมสายหนึ่งนูนขึ้นที่ใจกลางฝ่ามือ แสงสว่างไหลเวียน
เส้นแสงเส้นหนึ่งสาดออกจากวังฝูงมังกร ทะลุความว่างเปล่าเหมือนกับนำทาง
หลุมดำหลุมหนึ่งก่อตัวขึ้นที่ปลายเส้นแสง ทิวทัศน์ของมิติเวลาด้านในหลุมดำบิดเบี้ยวผันแปร
ก่อนที่เยี่ยนจ้าวเกอจะมุ่งหน้าไปยังสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ เขาได้ทำเครื่องหมายให้ตัวเองไว้บนโลกซ้อนโลก จะได้กลับมาง่ายๆ
ก่อนหน้านี้เนื่องจากกระแสปั่นป่วนของมิติเวลารุนแรงเกินไป จึงไม่อาจเดินทางได้ ตอนนี้กระแสปั่นป่วนของมิติเวลาค่อยๆ อ่อนแอลงจนถึงขั้นที่รับได้แล้ว โอกาสในการกลับจึงสุกงอม
ขณะที่มิติเวลาด้านในหลุมดำบิดเบี้ยวผันแปร ก็ค่อยๆ ปรากฏภาพทิวทัศน์ที่ซับซ้อนขึ้น
แต่ว่ากฎเกณฑ์การเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณด้านใน กลับสอดคล้องอย่างมีเอกลักษณ์กับโลกซ้อนโลก
วังฝูงมังกรสั่นสะเทือน กลายเป็นมังกรแสง บินไปด้านในหลุมดำ ก้าวสู่เส้นทางกลับโลกซ้อนโลก
ทว่าในตอนที่วังฝูงมังกรเข้าใกล้หลุมดำนั้น หลุมดำพลันบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง เหมือนกับกำลังจะแหลกสลาย
การเปลี่ยนแปลงของมิติเวลาด้านในหลุมดำซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม ทัศนียภาพที่บิดตัวในตอนแรกกลายเป็นสีสันมากมาย มองไปเหมือนกับพายุสี
อาหู่ตกใจ “คุณชาย มีคนขวางพวกเรา คิดทำลายเครื่องหมายที่ท่านทิ้งไว้ในโลกซ้อนโลกหรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูพายุที่เต็มไปด้วยแสงสีพิลึกกึกกือนั้น “ไม่ ไม่มีใครจงใจทำลายเครื่องหมายที่ข้าทิ้งไว้ แต่มีคนทดลองเปิดมิติบริเวณที่ข้าทำเครื่องหมายไว้ทางฝั่งโลกซ้อนโลก”
ฝ่ายตนคิดหลุดพ้นจากกระแสปั่นป่วนของมิติเวลา เข้าไปในโลกซ้อนโลก
แต่ด้านในทะเลหวงเจียบนเขตตะวันอาคเนย์ที่โลกซ้อนโลก กลับมีคนออกจากโลกซ้อนโลก เข้ามาในกระแสปั่นป่วนของมิติเวลา
สถานที่ที่อีกฝ่ายคิดจะทะลุมิติ ห่างจากเครื่องหมายที่เยี่ยนจ้าวเกอทิ้งไว้บนโลกซ้อนโลกก่อนหน้านี้ไม่ไกล
นี่ทำให้ในตอนที่ทั้งสองฝ่ายส่งพลังพร้อมกัน จึงส่งผลกระทบต่อกันและกัน ตำแหน่งในการเจาะมิติรวมอยู่ที่จุดเดียวกัน
พายุที่เต็มไปด้วยสีสัน ค่อยๆ เสถียรขึ้นในวินาทีถัดมา เกิดทิวทัศน์ขึ้นอีกครั้ง
ผิวทะเลของทะเลหวงเจียบนโลกซ้อนโลกที่อยู่ในเงาแสงหนาหนัก โผล่ขึ้นด้านหน้าพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
วังฝูงมังกรพุ่งเข้าไปในโลกซ้อนโลกจากมิติที่ถูกเจาะนี้ หลุดจากกระแสปั่นป่วนของมิติเวลาอันน่ากลัวด้านหลัง
ส่วนด้านหน้า มีคนพุ่งเข้ามาเช่นกัน
เจตจำนงจากญาณจริงแท้อันเหี้ยมหาญของอีกฝ่ายสั่นสะเทือนมิติ เกิดเป็นเพลิงโหม หงส์อมตะสยายปีกในเปลวเพลิง เกิดเป็นสภาวะอัคคีลามทุ่ง
เสียงร้องของวิหคกับเสียงคำรามของมังกรดังขึ้นพร้อมกัน ปะทะกันกลางมิติ
วังฝูงมังกรสั่นไหวอย่างรุนแรง ถูกอีกฝ่ายกระแทกจนเกือบถล่ม
หากไม่ใช่เพราะได้หลอมประตูหยกขาวไปแล้ว เปลี่ยนเป็นวังฝูงมังกรก่อนหน้า เกรงว่าจะถูกอีกฝ่ายทำลายในหมัดเดียว
ปราณของมังกรด้านในวังยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม แต่ว่าไม่เหมาะกับการต่อสู้ตรงๆ
ส่วนกงจักรมหาประกายกาฬเพียงคอยปกป้องวังฝูงมังกรไม่ให้ถูกทำลายในพายุมิติเวลาที่เกิดจากการถล่มของสุสานจักรพรรดิประกายกาฬเท่านั้น ตัวมันอยู่ในสภาพเงียบงันตั้งแต่ต้น เยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจกระตุ้นได้
สภาวะหมัดของอีกฝ่ายรุนแรงรวดเร็วดุจอัคคี ทำให้วังฝูงมังกรโคลงเคลง เกือบจะถูกผลักกระเด็นกลับเข้าไปในกระแสปั่นป่วนของมิติเวลาด้านหลัง
ด้านในวังใหญ่ อาหู่สีหน้าตึงเครียด “คุณชาย!”
หากครั้งนี้ถูกกระแทกกลับไป เครื่องหมายก่อนหน้านี้จะถูกลบไปด้วย คิดจะกลับโลกซ้อนโลกโดยตรง น่าจะไม่ง่ายเหมือนเดิมแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “ไม่เป็นไร”
อีกฝ่ายเหมือนจะรีบร้อนยิ่ง เลือกเส้นทางหนีไปเหมือนกับถูกไฟลามคิ้ว
กระนั้นเส้นทางมีเพียงเส้นเดียว เยี่ยนจ้าวเกอได้แต่กล่าวขอโทษ
ขณะมองหงส์อมตะเพลิงที่สยายปีกอยู่กลางอากาศ เยี่ยนจ้าวเกอก็กล่าวอย่างราบเรียบ “รบกวนหลีกทางด้วย”
เสียงยังไม่ทันขาด ประตูของวังฝูงมังกรก็เปิดออก ลำแสงสีดำขาวสายหนึ่งพุ่งออกมาชนใส่หงส์อมตะเพลิงตัวนั้นท่ามกลางเสียงกู่ร้อง
ลำแสงใหญ่ขึ้นเหลือประมาณกลางมิติ คุนเผิงตัวหนึ่งพุ่งตัวออกมาจากด้านใน เหมือนกับกระโจนออกจากผิวทะเล กลายเป็นนกเผิงขนาดมหึมาที่ไม่ด้อยกว่าเลย
นกเผิงสีเขียวกระพือปีกบินสู่สรวงสวรรค์ ชนจนหงส์อมตะเพลิงตัวนั้นหยุดชะงักกลางอากาศ
เมื่อไม่มีการกระแทกจากหงส์อมตะเพลิง วังฝูงมังกรพลันหยุดสภาวะถอยหลัง รอดจากชะตากรรมที่ต้องถอยกลับไปในกระแสปั่นป่วนของมิติ
“ถอยไป!” ด้านในเงาแสงหงส์อมตะเพลิงมีเสียงของสตรีที่เร่งร้อนดังมา
วินาทีถัดมา หงส์อมตะกระพือปีก พิรุณเพลิงไร้สิ้นสุดตกลงมาจากท้องฟ้า!
เม็ดฝนทุกหยดต่างเป็นดาวตกเพลิงที่น่าพรั่นพรึง เกือบจะทำลายฟ้าดินให้ราบพณาสูร
ดาวตกนับพันนับหมื่นรวมตัวอยู่ด้วยกัน เกิดเป็นพิรุณเพลิงอันน่ากลัว ตกลงด้านล่างชนิดคลุมฟ้าดิน
แม้แต่พายุไร้ขอบเขตที่พัดขึ้นในขณะที่นกเผิงสีเขียวขนาดยักษ์ตัวนั้นกระพือปีก ก็ยังถูกกระแทกกลายเป็นรูนับร้อยนับพัน กระจัดกระจายไปทั่ว
กระนั้นนกเผิงสีเขียวกลับร้องขึ้น สั่นร่างทีหนึ่ง กลับเป็นปลาคุนสีดำอีกครั้ง
ปลาคุนเคลื่อนไหวกลางฟ้าดิน แสงสว่างครึ่งดำครึ่งทองที่ยิ่งใหญ่ดุจท้องทะเล ขวางฝนดาวตกเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงนั้นไว้ทั้งหมด
นาทีถัดมา ปลาคุนยักษ์สีดำก็ออกจากน้ำอีกหน พลังไร้ขีดจำกัดที่ราวกับว่าสามารถชนภูเขาเทพให้ล้มได้ ฉีกกระชากพิรุณเพลิง กระแทกใส่เงาแสงของหงส์อมตะเพลิงตัวนั้นอย่างรุนแรง!
แสงไฟระเบิด กระจายออกกลางอากาศ
เผยให้เห็นเงาร่างของสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่ง นางมองตัวคุนเผิงยักษ์เบื้องหน้าด้วยสายตาเหลือเชื่อ
เงาแสงของคุนเผิงหายไป เผยให้เห็นร่างที่ตั้งตระหง่านดุจเขา เป็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอนั่นเอง
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกำหมัดสองข้าง ต่อยออกไปด้านหน้า
สตรีนางนั้นยกแขนสองข้างขึ้นขวางไว้เบื้องหน้า ป้องกันหมัดเหล็กกล้าอันน่ากลัวของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
นางรู้สึกแค่ว่ากำปั้นของอีกฝ่ายเหมือนกับหอกยักษ์น่าสะพรึง เกือบจะเจาะแขนสองข้างที่นางประสานไว้ด้วยกันเป็นรูเลือดรูหนึ่ง จากนั้นก็แทงไปยังลำคอของนาง!
ถึงแม้จะไม่ได้เจาะทะลุจริงๆ แต่ว่าความเจ็บปวดอันรุนแรงได้บอกนางว่า กระดูกแขนสองข้างของนางเกรงว่าจะหักหมดแล้ว
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมองสตรีนางนั้นอย่างเรียบเฉย สีหน้าไร้อารมณ์
มันไม่ขยับมือขวา มือซ้ายยกขึ้น ต่อยใส่อีกหมัดหนึ่ง!