ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 750 เปลี่ยนความเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
ตราประทับตะวันหยุดคังผิงไว้ครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอพึ่งพาพลังสะท้อนกลับนี้ ออกกระบี่ไปทิศตรงกันข้าม
ภายใต้การกระตุ้นจากวิชาสายฟ้าเทพชั่วพริบตา เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่มพลังระเบิดของตัวเองถึงขีดสุด
ใช้สายฟ้าเทพชั่วพริบตาเสริมทัพ ใช้กระบี่สังหารเซียนเป็นทัพหน้า เยี่ยนจ้าวเกอร่างประสานกับกระบี่ บินขึ้นบนท้องฟ้า ฉีกร่องแยกออกมาร่องหนึ่งกลางโลกธารแสงที่เกิดจากประกายกระบี่ของคังผิง
ด้านในร่องแยกนี้ สรรพสิ่งไม่ได้มีสีซีดขาวอีกต่อไป การไหลของเวลากลับคืนสู่สภาพปกติ
เมื่อเผชิญหน้ากับสภาวะกระบี่อันแข็งแกร่งของคังผิง เยี่ยนจ้าวเกอรวบรวมพลังทั้งหมดเป็นจุดเดียว เปิดเป็นสภาวะทะลุทะเลวง คล้ายเอาเข็มปักใส่หนังวัว
ใช้สิ่งนี้พลิกสถานการณ์ เยี่ยนจ้าวเกอช่วงชิงโอกาสเอาตัวรอดให้ตัวเองได้สำเร็จ แก้ไขปัญหาที่เป็นไปไม่ได้ในสายตาของคนอื่นได้
หลิ่นฮั่นหวาครั้นเห็นกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอ ดวงตาก็วาวโรจน์
คังผิงมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างเย็นชา “สวยงามมาก!
“แต่หลังจากนั้นเล่า?” เขาจิ้มนิ้วเบาๆ ประกายกระบี่กลายเป็นกระแสน้ำอีกครั้ง แล้วม้วนใส่เยี่ยนจ้าวเกอ!
ประกายกระบี่ของเขารวดเร็วยิ่งกว่าความเร็วในการหนีของเยี่ยนจ้าวเกอ!
ประกายกระบี่ไล่ทันเยี่ยนจ้าวเกอในชั่วอึดใจ!
“จากนั้นหรือ?” กลับได้ยินชายหนุ่มแค่นเสียง “จากนั้น พวกเราค่อยเจอกันใหม่”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะ ด้านในความว่างเปล่ามีความมืดไร้สิ้นสุดผุดขึ้นมาราวกับม่านราตรี
เยี่ยนจ้าวเกอหลบเข้าไปด้านใน ประกายกระบี่อยู่ห่างจากเขาแค่ชั่วลมหายใจเท่านั้น!
ประกายกระบี่ของคังผิงไม่หยุด กระจายออกไปทุกที่ ฟันทำลายความมืดไร้สิ้นสุด!
แต่เยี่ยนจ้าวเกอกลับหายตัวไปแล้ว เหมือนกับเมื่อเข้าไปด้านในความมืด มิติเวลาก็ไม่เหมือนเดิม ไม่อาจใช้ระยะห่างระหว่างมิติเวลาของโลกภายนอกมาวัดได้อีก
ไม่ว่าจะเป็นหลินฮั่นหัวหรือคังผิง ต่างก็รู้สึกงงงันเล็กน้อย
ใกล้ๆ นั้นยังมีเสียงฮือฮาของจอมยุทธ์สำนักความมืดดังมา
หลินฮั่นหัวใช้หอสักการะย่อยของสำนักความมืดแห่งหนึ่งเป็นฐานที่มั่นของตัวเอง พวกโจวฮ่าวเซิงเจ้าสำนักความมืดแม้จะจากไปแล้ว แต่ยังมีจอมยุทธ์สำนักความมืดอยู่บริเวณรอบๆ
แม้ว่าจะไม่กล้ารบกวนหลินฮั่นหัว แต่ว่าหอสักการะย่อยแห่งนี้ยังเหลืออุปกรณ์พื้นฐานของสำนักความมืดไว้ ค่ายกลคุ้มกันก็ยังมีอยู่เช่นกัน อีกทั้งยังใช้ได้ตามปกติ
เยี่ยนจ้าวเกอกระตุ้นค่ายกล แล้วหลบเข้าไปด้านใน
เขาเคยมีประสบการณ์เคลื่อนที่จากหอสักการะย่อยสำนักความมืดแห่งหนึ่งไปยังหอสักการะหลักผ่านค่ายกลต้านทัพทวนกระแสมาก่อน
ในระหว่างนั้น แม้เยี่ยนจ้าวเกอจะถูกกระแทกจนโซซัดโซเซ แต่ก็ได้ทำความเข้าใจกวิชาค่ายกลของสำนักความมืดในขั้นแรก
สิบสองวิชาประกายกาฬของจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยที่ได้ฝึกฝนในเวลาต่อมา คือการการสืบทอดและรากฐานระดับสูงของสำนักประกายกาฬ ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจการสืบทอดสายนี้ล้ำลึกกว่าเดิม
ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอวางแผนต่อสู้กับคังผิง ค่ายกลที่เป็นของหอสักการะย่อยสำนักความมืดซึ่งอยู่ด้านนอก ก็คือส่วนหนึ่งของแผนการ และเป็นบันไดขั้นหนึ่งบนทางถอยของตัวเองเช่นกัน
คนในสำนักความมืดอ้าปากตาค้างขณะมองค่ายกลของตัวเองถูกกระตุ้นอย่างกะทันหันโดยไร้เค้าลาง พวกเขาในฐานะเจ้าของที่แท้จริงถึงกับไม่เข้าใจสถานการณ์
คังผิงแม้จะประหลาดใจ แต่มือไม่หยุดเคลื่อนไหว ประกายกระบี่หมุนวนครั้งหนึ่ง กลายเป็นม่านแสงครอบคลุมอากาศไว้
เขตแดนทั้งหมดที่อยู่รอบๆ หอสักการะย่อยแห่งนี้ล้วนถูกประกายกระบี่ของเขาปกคลุมไว้ชั่วขณะ
ภายใต้การกัดกร่อนโดยเจตจำนงจากกระบี่กาลเคลื่อนคล้อย ม่านราตรีที่ครอบคลุมหอสักการะย่อยสำนักความมืด กลายเป็นเชื่องช้าลง การไหลของเวลาที่อยู่ด้านในกำลังจะถูกหยุด
ที่นี่สุดท้ายก็เป็นแค่หอสักการะย่อยสำนักความมืด เทียบกับหอสักการะหลักที่ถูกทำลายทิ้งไม่ได้
คังผิงมีพลังสูงล้ำ ประกายกระบี่กระจายไปทุกที่ กำลังจะทำลายค่ายกลเบื้องหน้าไปพร้อมกับเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในค่ายกล
แต่ว่าในตอนที่ประกายกระบี่ของเขาเริ่มกระเพื่อมความมืดไร้สิ้นสุด ค่ายกลที่อยู่ด้านในพลันเริ่มหมุนทวน
‘เขากระตุ้นอำนาจแกนหลักของค่ายกลสำนักความมืดได้ด้วยหรือ สำนักความมืดกำลังสนับสนุนเขาสุดกำลังอยู่งั้นหรือ?’ คังผิงครั้งนี้ตกใจจริงๆ
แต่ว่าความจริงแล้วคนของสำนักความมืดประหลาดใจยิ่งกว่าตัวเขาเสียอีก
จุดรวมศูนย์กลางของค่ายกล ไม่ได้ตกไปอยู่ในมือคนนอก เหตุไฉนจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงสะท้านฟ้าเช่นนี้ได้?
ความมืดไร้สิ้นสุดยุบลงด้านในอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ รวมตัวกันที่บริเวณหนึ่ง
ความมืดสุดขีดก่อกำเนิดแสง สร้างแสงสว่างที่ละลานตาถึงขีดสุดขึ้นตรงนั้น ส่วนแสงสว่างนั้นกลับเปิดเป็นที่ว่าง!
การหมุนทวนของค่ายกลคุ้มกัน ทำให้พลังของค่ายกลระเบิดขึ้นอย่างน่าทึ่งชั่วขณะ ประกายกระบี่ของคังผิงอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว
หลังจากการระเบิดครั้งนี้ อีกไม่นานค่ายกลก็จะพังทลายลง
กระนั้นสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว!
เขากับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยืนเคียงไหล่กันอยู่กลางแสงสว่าง วังใหญ่วังหนึ่งที่ลอยเหนือศีรษะก็คือวังฝูงมังกร
ก่อนที่จะเผชิญหน้ากับหลินฮั่นหัว เยี่ยนจ้าวเกอได้ซ่อนวังฝูงมังกรไว้ด้านในค่ายกลคุ้มกันของหอสักการะย่อยสำนักความมืดเรียบร้อยแล้ว
ในตอนแรกไม่ใช่ทำเพราะป้องกันหลินฮั่นหัว แต่ต้องการทดลองและยืนยันแผนการที่ตนคำนวณในใจ
ปัจจุบันไม่มีเวลายืนยันแผนการบนกระดาษอีกแล้ว การเอาแผนมาใช้จริงๆ ย่อมเป็นการกระทำที่เสี่ยงอันตราย
แต่ว่าการทดลองนี้ต่อให้อันตรายขนาดไหน ก็ไม่มีทางอันตรายกว่าการเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนที่เดือดดาล
กระนั้นตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอก็ทุ่มสุดตัว ก้าวเท้าหนึ่งสำเร็จตามแผนการของตัวเอง
เขากับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพุ่งเข้าไปในวังฝูงมังกร จากนั้นวังฝูงมังกรก็หล่นลงด้านล่างด้วยความเร็วสูง พุ่งเข้าไปในที่ว่างที่เปิดออก ตามแสงสว่างที่พร่างพราวนั้น!
การเข้าไปในกระแสปั่นป่วนของมิติยังคงไม่นับว่าเป็นเรื่องดี
คังผิงจะต้องตามเข้าไปแน่ ด้วยระดับพลังฝึกปรือของเขา นอกเสียจากว่าจะเป็นกระแสปั่นป่วนของมิติที่แกร่งถึงระดับหนึ่ง ไม่อย่างนั้นไม่อาจทำอันตรายเขาได้
เยี่ยนจ้าวเกอจะสลัดหลุดได้หรือไม่ ยังคงไม่ทราบ
แต่การเข้าไปในกระแสปั่นป่วนของมิติ จะเกิดเส้นทางมากมายเชื่อมออกไปทั่วแปดทิศ มีความเป็นไปได้ไร้ขีดจำกัด และมีความกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต เยี่ยนจ้าวเกอคิดจะสลัดให้หลุด กลับง่ายดายกว่าการรั้งอยู่ในโลกซ้อนโลกมาก
เมื่อมาถึงขั้นนี้ ต่อให้เป็นคังผิงเอง ก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะจัดการเยี่ยนจ้าวเกอได้อีก
ตั้งแต่การกระตุ้นตราประทับตะวันขัดขวางการโจมตีแรกของศัตรูเพื่อชิงโอกาสก่อน หลังจากนั้นก็ระเบิดพลังที่อยู่เหนือกว่าความคาดหมายของอีกฝ่ายออกมาทำลายมิติเพื่อหลบหนี และผละออกจากอาณาเขตการโจมตีของอีกฝ่าย สุดท้ายก็ใช้ค่ายกลสำนักความมืดทำลายทางเชื่อมสำเร็จ
เยี่ยนจ้าวเกอทั้งแม่นยำทั้งใจเย็น ค่อยๆ ทำให้แผนเป็นจริงทีละขั้น ชิงโอกาสรอดชีวิตจากสถานการณ์ที่ต้องตายอย่างแน่นอน เปิดเป็นทางรอดทางหนึ่ง
ยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ดคนไหนไม่อาจฆ่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่งได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยบ้าง?
คังผิงมีพลังน่าทึ่ง อีกทั้งยังเหนือกว่ายอดฝีมือในระดับเดียวกันมากมาย
กระนั้นในตอนนี้ กลับไม่มั่นใจเต็มร้อยว่าจะจัดการเยี่ยนจ้าวเกอได้อีก
คังผิงใบหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาที่เย็นเยียบทั้งสองตอนนี้เหมือนลุกไหม้ขึ้นมา ปรากฏเพลิงโทสะและความเคียดแค้นที่ลึกล้ำ
เขาไม่พูดไม่จา ร่างกายวูบไหว ไล่ล่าไปถึงประตูทางเชื่อมเขตแดนในทันที หมายจะเข้าไปด้านใน เพื่อเข่นฆ่าเยี่ยนจ้าวเกอไปจนถึงสุดหล้าฟ้าเขียว!
แต่ว่าบัดนี้ ปราณกระบี่สายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างสั่นสะท้าน ขณะที่ขัดขวางคังผิงไว้ กลับขวางเยี่ยนจ้าวเกอไว้ด้วย
ค่ายกลคุ้มกันของหอสักการะย่อยสำนักความมืดหมุนทวนพังทลาย พลังที่ระเบิดดอกมาขัดขวางคังผิง แต่ไม่ทำอันตรายต่อคนอื่น
เงาร่างสายหนึ่งขวางอยู่กลางที่ว่าง ยื่นมือขวาออกมา ตั้งนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้น ใช้นิ้วต่างกระบี่เช่นกัน
คมกระบี่ของเขากับคมกระบี่ของคังผิงรวมกันที่บริเวณหนึ่งกลางที่ว่าง ป้องกันประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสเวลานั้น
ส่วนมือซ้ายของเขาล้วงเข้าไปในที่ว่าง คล้ายกับเปลี่ยนเป็นใหญ่มหึมา กำมิติเวลาเอาไว้ หยุดวังฝูงมังกรที่กำลังออกห่างไป
คนที่ลงมือคือราชากระบี่ภูผาเงา หลินฮั่นหัว