ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 751 สำนักแสงสว่าง จบสิ้นแล้ว
หลินฮั่นหัวยืนอยู่กลางที่ว่าง ยื่นสองมืออกมา ทางหนึ่งขวางคังผิง ทางหนึ่งขวางเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอกับคังผิงสายตาต่างเคร่งขรึมลง รู้สึกเหนือความคาดหมาย
เมื่อครู่หลินฮั่นหัวนิ่งเงียบมาโดยตลอด ดูเหมือนจะตัดสินใจคอยดูเฉยๆ ไม่สอดมือในการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย
ตอนนี้จู่ๆ เขาก็ลงมือ ขวางทั้งสองคนไว้ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะสาเหตุใด
คังผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หลินภูผาเงา ท่านคิดทำอะไรกันแน่?”
หลินฮั่นหัวสีหน้าไม่ยี่หระ กล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “จอมยุทธ์ขั้นรวมรูปที่สามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนได้ แค่ข้าเห็นคนหนุ่มที่โดดเด่นเช่นนี้ ก็อยากจะดูกว่าอนาคตของเขาจะไปถึงระดับไหน”
“อัจฉริยะเช่นนี้ ข้าคิดจะปกป้องเขา หากท่านอยากสู้ ก็มาสู้กับกระบี่ในมือข้า”
เขามองคังผิงแวบหนึ่ง “ท่านมีพลังโดดเด่นจริงๆ ถ้าหากว่าอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดเท่าข้า จะต้องเป็นคู่ต่อสู้ที่ประเสริฐแน่ จะชนะหรือแพ้ยังบอกไม่ได้ แต่ท่านในตอนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
คังผิงหรี่ตาลง “แค่เพราะว่าเสียดายหรือ?”
หลินฮั่นหัวเอ่ยอย่างราบเรียบ “เราต่างฝึกฝนกระบี่เหมือนกัน ลมปราณมีความคมกล้ายิ่งกว่าจอมยุทธ์ธรรมดา”
“ข้าไม่อยากสังหารท่าน แต่ถ้าหากท่านคิดสู้จนตัวตาย เช่นนั้นข้าจะใช้กระบี่ฟันท่านเสีย ต่อจากนั้นถ้าหากข้าต้องชดใช้ชีวิตให้ท่าน ข้าก็ไม่สนใจ ข้าร่ำเรียนกระบี่มาถึงวันนี้ ในใจยังคงมีความหวาดหวั่น แต่คมกระบี่ไม่เคยลังเลเพราะเหตุนี้”
เขาพิจารณาคังผิงตั้งแต่หัวจรดเท้า “อย่าหวังว่าจะโชคดีเลย ท่านไม่มีโอกาสหรอก”
“ท่านคงไม่ได้พกกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อน อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงที่ผู้วิเศษเซิงทิ้งไว้ให้พวกท่านมาด้วยกระมัง? ต่อให้เอามาด้วยก็ไม่มีประโยชน์”
บนตัวเขาพลันมีแสงสาดออกมา ปราณกระบี่พุ่งขึ้นสู่หมู่เมฆ สั่นสะท้านขวัญวิญญาณ
เยี่ยนจ้าวเกอกับคังผิงเห็นดังนั้นก็ทราบทันทีว่า หลินฮั่นหัวที่อยู่ตรงหน้ามีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอยู่กับตัว!
หลินฮั่นหัวว่า “ท่านยังมีศิษย์ร่วมสำนักอยู่ด้วยกระมัง? ถ้าหากพวกท่านนำกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนมาด้วย บางทีท่านอาจจะมีโอกาสก็ได้”
คังผิงใบหน้าไร้อาารมณ์ หลินฮั่นหัวพูดถึงตรงนี้ ย่อมเป็นการแสดงท่าที
เขาคิดจะปกป้องเยี่ยนจ้าวเกอ หากคังผิงไม่ถอย สถานการณ์สุดท้ายก็คือต้องสู้กันจนตายไปข้าง
จะเกิดผลอะไรตามมา หลินฮั่นหัวในตอนนี้กลับไม่คำนึงถึงแล้ว
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้คังผิงรู้สึกสับสน ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงทำให้หลินฮั่นหัวเปลี่ยนแปลงความคิดอย่างฉับพลันเช่นนี้
แค่ความชอบอัจฉริยะเพียงอย่างเดียวดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไร
“หลินภูผาเงา เป็นดั่งที่ท่านพูด พวกเราต่างเป็นคนที่ฝึกฝนกระบี่” คังผิงกล่าวอย่างเชื่องช้า
ถึงแม้จะไม่ทราบว่าเหตุใดหลินฮั่นหัวจึงเปลี่ยนความคิด แต่ปราณกระบี่ของคังผิงรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ดูเหมือนไม่คิดถอยแม้แต่น้อย
ถูกหลินฮั่นหัวขวางทางไว้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่ได้คิดจะขัดขืน ถือโอกาสหยุดพัก สายตาเคลื่อนไปมาระหว่างหลินฮั่นหัวกับคังผิง
“เหตุใดท่านคังถึงมาอยู่ที่นี่” ครั้งนี้มีเสียงดังขึ้นด้านข้าง
ชายหนุ่มที่ดูเหมือนมีอายุราวๆ สามสิบปีผู้หนึ่ง ปรากฏขึ้นด้านหน้าพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงสภาวะอะไร แต่ว่ากลิ่นอายบนร่างยังคงแข็งกล้าถึงขีดสุด ทำให้ผู้คนยืนยันระดับพลังฝึกปรือของยอดฝีมือในขั้นสะพานเซียนของเขาได้อย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มผู้นี้คำนับหลินฮั่นหัวก่อน “ศิษย์พี่ใหญ่”
หลินฮั่นหัวเมื่อเห็นชายหนุ่มผู้นี้ก็พยักหน้าลงเล็กน้อย “ศิษย์น้องมู่”
คังผิงมองคนผู้นี้อย่างเงียบงัน
อีกฝ่ายมีชื่อว่ามู่จวิน เป็นคนที่กลับทะเลหวงเจียพร้อมกับเขาและเฉินจื้อเหลียง เป็นลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์เช่นกัน พลังฝึกปรือเหนือกว่าเจิ้งหมิงและเฉินจื้อเหลียง เป็นยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนเหมือนกับเขาคังผิง
ในหมู่ลูกศิษย์ของประมุขอาคเนย์ เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดเคียงคู่หลินฮั่นหัว
มู่จวินมองเยี่ยนจ้าวเกอ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่คือเยี่ยนจ้าวเกอ สหายน้อยเยี่ยนกระมัง? ก่อนหน้านี้ได้ยินศิษย์น้องเจิ้งกับศิษย์น้องเฉินพูดถึง เป็นอัจฉริยะที่อยู่เหนือความคาดหมายของผู้คนจริงๆ เสียด้วย”
เยี่ยนจ้าวเกออกมาจากวังฝูงมังกร พูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านชมเกินไปแล้ว”
คังผิงพูดอย่างเชื่องช้า “ราชากระบี่ทุ่งเขียว ข้าไม่คิดจะขัดแย้งกับองค์ประมุขอาคเนย์และลูกศิษย์ของเขาโถงทอง แต่ว่าแค้นที่ภรรยาของข้าถูกสังหารจำต้องชำระ ข้าแม้จะไม่ได้เก่งกาจ กลับไม่ใช่คนยอมให้ใครข่มเหง”
มู่จวินตวัดสายตามองหลินฮั่นหัว คนทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตากัน ดูเหมือนจะแอบส่งกระแสเสียงอยู่
หลินฮั่นหัวมีจิตสังหารสั่นสะท้าน เผยความคมกล้า ทำให้คนยากจะมองตรงๆ
ครู่ต่อมา มู่จวินก็เก็บประกายตา หัวเราะเหอะๆ ท่าทางอ่อนโยน “กรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุจึงมีผลตามมา ตามที่ข้าทราบ คนที่ทำให้ฮูหยินของท่านเสียชีวิตจริงๆ ดูเหมือนจะยังมีคนอื่นอีก ไม่ใช่มีแค่สหายน้อยเยี่ยนตรงหน้าพวกเรา”
คังผิงพูดอย่างราบเรียบ “ในตอนที่ข้ามาพบราชากระบี่ภูผาเงา อาจารย์อาของข้าสองคนได้มุ่งหน้าไปยังผาตะวันจันทราบนดินแดนจิตคุณธรรมแล้ว”
ผาตะวันจันทราบนดินแดนจิตคุณธรรม คือที่อยู่ของสำนักแสงสว่างนั่นเอง
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้น มุมปากก็กระตุกเล็กน้อย
เฮ่อตงเฉิง กู้จาง จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนสองคนออกศึกพร้อมกัน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง กระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนและหอกราชาลี้ลับ
สำนักแสงสว่าง จบสิ้นแล้ว
สายตาอันเย็นชาของคังผิงกวาดผ่านเยี่ยนจ้าวเกอ “เยี่ยนจ้าวเกอ หลัวจื้อเทาสำนักแสงสว่าง กู้หงหอกระบี่ทะเลเหนือ ไม่ว่าใครก็อย่าคิดหนี!”
มู่จวินว่า “เขาโถงทองเคยมีคำสั่งว่า อย่าสืบสาวเอาความเรื่องเลี่ยวเจิงศิษย์น้องของท่านอีก”
“พวกท่านยอมถอย ยังถือว่ารู้จักยืดหด”
มู่จวินเปลี่ยนเรื่อง “แต่ความตายของฮูหยินท่าน หากจะพูดกันจริงๆ ก็เป็นเพราะนางคิดจะลอบจัดการสหายน้อยเยี่ยนผู้นี้เพราะความแค้นในอดีต จึงเกิดผลตามมา”
“แน่นอนว่า ในตอนนั้นฮูหยินของท่านยังไม่ทราบถึงการตัดสินทั้งหมดของเขาโถงทอง แต่ถ้าหากพวกเราลองคิดให้ละเอียด ก็ยังคงเป็นพวกท่านยั่วยุก่อน”
คังผิงดวงตาเคร่งขรึม “ความหมายของราชากระบี่ทุ่งเขียว คือเขาโถงทองคิดคุ้มครองเด็กน้อยผู้นี้หรือ?”
มู่จวินส่ายหน้า “คำพูดของข้าย่อมไม่ได้เป็นตัวแทนสำนัก กระนั้น ความคิดของศิษย์พี่ข้า ก็คือความคิดของข้าด้วย”
คังผิงนิ่งเงียบ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
การร่วมมือของหลินฮั่นหัวและมู่จวิน เขาไม่มีหวังโดยสิ้นเชิง
อีกฝ่ายอย่างน้อยอาจจะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงชิ้นหนึ่งอยู่ในมือ หากลงมือจริงๆ ถึงขั้นที่มีโอกาสจับเป็นเขาได้ด้วยซ้ำ คิดเสี่ยงชีวิตตนกลับไม่ใช่ผู้ตัดสิน สุดท้ายจะกลายเป็นการพุ่งชนใส่กำแพงเจ็บตัวคนเดียว
การเปรียบเทียบพลังของทั้งสองฝ่ายในตอนนี้สูญเสียสมดุลโดยสิ้นเชิงแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยนึกเลยว่าจะได้เจอเยี่ยนจ้าวเกออยู่กับหลินฮั่นหัว เตรียมตัวไม่ทันจริงๆ
เพลิงโทสะค่อยๆ ลดลง สายตาเย็นชามากขึ้น
ปลาตายแหขาด ต่อให้แหไม่ขาด แต่ปลาตาย ภายภาคหน้าย่อมมีคนคิดบัญชีกับแห
แต่ถ้าปลาไม่ตาย แต่ถูกแหทอดไว้ จากนั้นก็ถูกส่งกลับไปด้วยใบหน้าคลุกฝุ่น บุคคลที่อยู่เบื้องหลังตนย่อมเสียหน้า รู้สึกผิดหวังต่อตน ถึงตอนนั้นก็ไม่มีหวังจะได้แก้แค้นอีกอย่างแท้จริง
หลังจากคังผิงเงียบงันอยู่เนิ่นนาน เขาค่อยสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วหมุนกายจากไป
ปัจจุบันในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ รังแต่จะทำให้ตนเสียหน้าเปล่าๆ
กระนั้นไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอ หลินฮั่นหัว หรือมู่จวิน ต่างก็ทราบว่าคังผิงไม่มีวันเลิกราเป็นแน่
มู่จวินถอนใจเล็กน้อย “เขาอาจจะไปสำนักแสงสว่างก่อน แต่ก็อาจจะไปหากู้หงที่หอกระบี่ทะเลเหนือเช่นกัน”
“หอกระบี่ทะเลเหนือได้เข้ามาช่วยเหลือในตอนที่พวกศิษย์น้องเจิ้งจับตัวคนที่ข้ามมาจากเขตเพลิงอุดร พวกเราควรไปดูหรือไม่?”
หลินฮั่นหัวส่ายหน้า “กู้หงเองก็เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนเช่นกัน”
มู่จวินพยักหน้า สายตาจับที่เยี่ยนจ้าวเกอ ส่งกระแสเสียงว่า ‘ศิษย์พี่ใหญ่ ถึงแม้ข้าจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านจึงยืนกรานเช่นนี้ แต่ว่าทางที่ดีท่านรีบบอกท่านอาจารย์โดยเร็วที่สุดจะดีกว่า’
‘อืม ย่อมแน่นอน’ หลินฮั่นหัวเอ่ยตอบ
หลังจากมู่จวินพยักหน้าส่งยิ้มให้เยี่ยนจ้าวเกอ เขาก็จากไป
รอบบริเวณเหลือแค่เยี่ยนจ้าวเกอกับหลินฮั่นหัวอีกครั้ง
หลินฮั่นหัวมองเยี่ยนจ้าวเกอเงียบๆ อยู่สักพักใหญ่
เยี่ยนจ้าวเกอจิตใจสั่นไหว ก่อนจะได้ยินหลินฮั่นหัวค่อยๆ ถามว่า “สหายน้อยเยี่ยน ท่านฝึกวิชากระบี่สายเหนือพิสุทธิ์หรือ?”
…………………………………