ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 779 ไม่ว่าจะไปที่ใด เขากว่างเฉิงของข้าก็ควบคุมเจ้าได้
- Home
- ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี
- บทที่ 779 ไม่ว่าจะไปที่ใด เขากว่างเฉิงของข้าก็ควบคุมเจ้าได้
เยี่ยนจ้าวเกอใช้ท่าดัชนีหยินหยาง ปลายนิ้วกระจายไปทุกที่ พลังหมัดของจางเชาพลันกลับด้าน
จางเชาตื่นตระหนก ดีที่เขาระวังตัว ออกกระบวนท่าไม่ได้ใช้หมด ยังเปลี่ยนกระบวนท่าได้ทัน
มือซ้ายอยู่หน้ามือขวาอยู่หลัง จางเชาตั้งสองฝ่ามือไว้ด้านหน้า สลายพลังดัชนีของเยี่ยนจ้าวเกอ
แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอภายใต้ดัชนีเดียว หยินหยางเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินไป แทบไม่มีการติดขัด จางเชาฝ่ามือซ้ายไม่ทันปล่อยพลัง ใจกลางฝ่ามือก็ถูกชายหนุ่มทิ่มนิ้วทะลุ!
แสงสว่างสีขาวโพลนเจาะฝ่ามือซ้ายของจางเชาเป็นรูเลือดรูหนึ่ง ทะลวงฝ่ามือซ้ายของเขา แล้วมุ่งไปด้านหน้าต่อ
เมื่อป้องกันได้แล้ว มือขวาของจางเชาก็รวบรวมพลังได้ทัน ญาณจริงแท้อันกล้าแข็งในที่สุดก็ต้านการโจมตีจากพลังดัชนีอันนุ่มนวลได้
ขณะหยินหยางแลกเปลี่ยนกัน ก็กำลังจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
จางเชาไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย รีบร้อนถอยหลัง หลบดัชนีของเยี่ยนจ้าวเกอไปได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด
ชายชราทั้งตกใจทั้งโมโห เขาที่ทำลายนภาได้เห็นเทวะสำแดง ก้าวสู่ขั้นเทวะสำแดง เมื่อปล่อยหมัดถึงตะวันออกมา ย่อมมีอานุภาพดุดันอหังการกว่าเดิม
จากแค่ความสามารถในการปะทะซึ่งหน้าอย่างเดียว ต่อให้จะอยู่ในโลกซ้อนโลก จางเชาก็มีพลังโดดเด่นท่ามกลางจอมยุทธ์ในระดับเดียวกัน
แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอได้ศึกษาคัมภีร์นภาหยินหยาง ดัชนีหยินหยางที่ใช้ออกมากลับกดข่มหมัดถึงตะวันของเขาพอดิบพอดี ทำให้เขาเสียท่าอย่างสาหัส
มีพลังแต่ไม่อาจใช้วรยุทธ์!
คังเม่าเซิงในตอนนี้ได้แต่ร่วมมือกับจางเชา กระบี่กาลเคลื่อนคล้อยถูกใช้ กลายเป็นกระแสกาลเวลา ฟันลงใส่เยี่ยนจ้าวเกอ
ประกายกระบี่ครอบคลุม ทำให้ความเร็วของเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายกับเชื่องช้าลงในพริบตา
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ใต้เท้าข้างหนึ่งปรากฏปราณสีดำ ใต้เท้าอีกข้างปรากฏปราณสีขาว
ปราณสีขาวดำผสมผสานวนเวียน พุ่งจากสองเท้าของเขาขึ้นสู่ด้านบน ส่งพลังผ่านกระดูกสันหลังช่วงเอว
นิ้วข้างซ้ายของเขาจิ้มใส่ประกายกระบี่ของคังเม่าเซิง ปลายนิ้วเป็นสีขาวดำอย่างเลือนราง
ปลาหยินหางผสมกัน ก่อเกิดเป็นภาพหยินหยาง
ภาพหยินหยางหมุนติ้ว ประกายกระบี่ของคังเม่าเซิงพลันถูกเบี่ยงใส่จางเชาแทน!
คังเม่าเซิงกับจางเชาเบิกตากว้างพร้อมกัน
คังเม่าเซิงที่เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้น ใช้วรยุทธ์และพลังญาณจริงแท้ของตัวเองได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง และใช้ได้ตามใจนึก
นอกเสียจากว่าอีกฝ่ายจะมีพลังแข็งแกร่งกว่าเขาเกินไป หรือว่าวรยุทธ์สะกดกระบี่กาลเคลื่อนคล้อยของเขาได้พอดี ไม่เช่นนั้นมาตรว่าจะเอาชนะเขาได้ คังเม่าเซิงอย่างน้อยก็ยังใช้สิ่งที่ตัวเองเรียนรู้ออกมาได้ทั้งหมด
เขาไหนเลยจะเคยคิดว่าประกายกระบี่จะถูกเบี่ยง ควบคุมไม่ได้ แม้แต่คิดเก็บก็ยังยาก?
กระบี่ของเขาถูกเยี่ยนจ้าวเกอเบี่ยงทิศ จางเชาลำบากเสียแล้ว
จุดเหลากงกลางฝ่ามือซ้ายถูกเยี่ยนจ้าวเกอแทงทะลุ คิดใช้พลัง ปราณกำเนิดจะรั่วไหลออกด้านนอกไม่หยุด เท่ากับใช้ทิ้งใช้ขว้างไปชั่วขณะ
ต้องจ่ายราคาที่สาหัสถึงเพียงนี้ ถึงจะหลบการโจมตีของเยี่ยนจ้าวเกอได้ ยังไม่รอให้เขาได้พักหายใจ กระบี่กาลเคลื่อนคล้อยของคังเม่าเซิงก็มาถึงเบื้องหน้าอีก!
จางเชาถูกประกายกระบี่ครอบคลุมไว้ ท่าร่างพลันช้าลง ไหล่ซ้ายถูกกระบี่ เลือดไหลเหมือนกับสายน้ำ
สุดท้ายคังเม่าเซิงก็เก็บกระบี่สุดกำลัง จางเชาถึงจะรอดพ้นจากภัยพิบัติ
กระนั้นอีกด้านหนึ่ง หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วเดียวเบี่ยงประกายกระบี่ของคังเม่าเซิงเรียบร้อยแล้ว กระบี่รุ้งพร่างพราวในมือของเขาก็ฟันออกไปอีกหนึ่งครั้งในทันที!
ประกายกระบี่กระจัดกระจาย สรรพสิ่งล้วนพินาศ
คังเม่าเซิงเบื้องหน้ามีเพียงแค่แสงจุดเดียว แต่ขยายออกอย่างต่อเนื่อง ยึดครองฟ้าดินทั้งใบ
อึดใจต่อมา เหมือนกับถูกประกายกระบี่แทงใส่คิ้ว เจาะทะลุกะโหลก!
เขาร้องขึ้น บนตัวปรากฏกระกายน้ำชั้นหนึ่ง เหมือนกับจมลงในกระแสเวลา
กาลเวลาเคลื่อนคล้อยอย่างรวดเร็ว คังเม่าเซิงที่ถูกกาลเวลานี้ครอบไว้ ความเร็วพลันเพิ่มเร็วขึ้น หลบพ้นคมกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกออย่างหวุดหวิด
ภายใต้การเพิ่มพลังโดยวิชาลับนี้ ความเร็วของเขาแม้จะเพิ่มขึ้น แต่ว่าเวลาและอายุขัยของตัวเองก็จะไหลเร็วขึ้นกว่าเดิมด้วย
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น กลางคิ้วของคังเม่าเซิงก็ปรากฏจุดเลือดสีแดงจุดหนึ่ง ในห้วงสมองเห็นดาวระยิบระยับ เจ็บปวดแสนสาหัส
ในห้วงเวลาเป็นตาย จางเชาเองก็ไม่กล้าเก็บงำความสามารถอีก
ร่างของเขาในขณะตั้งตรงลอยขึ้น พุ่งเข้าใส่ศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอจากด้านบน
มือซ้ายแม้ว่าจะใช้ไม่ได้ แต่ว่าห้านิ้วข้างขวาของเขาก็กำเป็นหมัด ต่อยลงใส่เยี่ยนจ้าวเกอ
ประกายแสงละลานตารวมตัวกันไม่หยุด ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วง
จางเชาเหมือนกับกลายเป็นดวงอาทิตย์สีม่วงดวงหนึ่ง กำลังร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า!
ดวงอาทิตย์สีม่วงที่น่ากลัวกว่าดวงอาทิตย์สีทอง เหมือนกับฟ้าดินมาถึงจุดสิ้นสุด เกิดมหันตภัย สุดท้ายก็พินาศ
กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของวิชาหมัดถึงตะวัน ซึ่งจางเชาได้สร้างขึ้นด้วยตัวเอง เหนือกว่าวรยุทธ์ที่บรรพบุรุษรุ่นเก่าๆ ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้สร้างขึ้นทั้งหมด วิชาพระอาทิตย์ม่วง!
หมัดหนึ่งเมื่อต่อยออก กลับมีอานุภาพเหมือนการโจมตีด้วยตราประทับตะวันอยู่หลายส่วน!
“จางเชา ไม่ว่าเจ้าไปที่ใด เขากว่างเฉิงของข้าก็สามารถควบคุมเจ้าได้” เยี่ยนจ้าวเกอกลับหัวเราะ ดัชนีหยินหยางเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง สีขาวดำจุดหนึ่งที่ปลายนิ้วหมุนติ้วๆ
ดวงอาทิตย์สีม่วงที่รุนแรงถึงขีดสุดของจางเชาพลันเปลี่ยนทิศทาง
สภาวะหมัดอันบ้าคลั่ง เป้าหมายไม่ใช่เยี่ยนจ้าวเกออีก แต่เป็นคังเม่าเซิง!
คังเม่าเซิงถูกเยี่ยนจ้าวเกอโจมตีด้วยปราณกระบี่สังหารเซียน ถึงแม้จะหนีรอดจากความตายมาได้ แต่ว่าสมองก็เจ็บปวดแสนสาหัส ไม่อาจรวบรวมสมาธิได้
ในการเผชิญหน้ากับหมัดที่มาอย่างกะทันหันของจางเชา เขาจึงได้แต่ฝืนหลบหลีก
แต่ว่าดวงอาทิตย์สีม่วงที่เกรี้ยวกราดยังโดนใส่ขาของคังเม่าเซิง ตัดขาข้างหนึ่งของผู้สืบทอดวิชากระบี่กาลเคลื่อนคล้อยผู้นี้ทิ้ง!
คังเม่าเซิงกัดฟันไม่ส่งเสียง
ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงสองคน รุมจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นรวมรูปคนเดียว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนต่างเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเหลือเชื่อ
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าก็คือ ยอดฝีมือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงอย่างพวกเขาสองคน กลับสู้อีกฝ่ายไม่ได้!
สองคนรุมจู่โจม เยี่ยนจ้าวเกอมีที่ให้เคลื่อนคมดาบเหลือเฟือ กลับเล่นงานพวกเขาจนมือไม้ปั่นป่วน
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเย็นเยียบก็คือ เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับเหม่ออยู่
กำลังเหม่ออยู่…
‘การลงมือของข้าทำให้กระบี่ที่ผนึกวิญญาณชั่วร้ายของเทาเที่ยเล่มนั้นเซ่นสรวงได้เร็วกว่าเดิมแล้ว แต่กว่าจะเสร็จอย่างสมบูรณ์ จำเป็นต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อย’เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งประมือกับคังเม่าเซิงและจางเชา ทางหนึ่งเชื่อมต่อจิตกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่อยู่ในบ่อเลือด
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เขาถูกจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงรุมจู่โจม ก็ยังมีท่าทีสบายๆ
การฝึกฝนคัมภีร์นภาหยินหยางมีผลสำเร็จ เยี่ยนจ้าวเกอไม่กลัวการรุมโจมตีโดยสิ้นเชิง
เดิมทีเขาก็มีความอัศจรรย์ของการเปลี่ยนขั้วจากคัมภีร์พลิกนภา และวิชาที่เพิ่มความเร็วลมหายใจอย่างดัชนีฟ้าคำรนที่ตนสร้างขึ้นมาอยู่แล้ว
การฝึกฝนคัมภีร์นภาหยินหยางในตอนนี้ ขณะที่หยินหยางประสาน สองขั้วเปลี่ยนแปลง ก็ทำให้มีความสามารถในการป้องกันและยืมพลังระดับสุดยอด ความเร็วในการฟื้นพลังจะแข็งแกร่งกว่าเดิม ภายใต้การให้กำเนิดกันและกันของหยินหยาง ในการต่อสู้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงสองคน เขาแทบไม่ต้องสิ้นเปลืองญาณจริงแท้ของตัวเองเลย
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไม่กลัวการรุม เป็นเพราะเร็วเกินไป
นอกเสียจากว่าในหมู่ศัตรูจะมีคนที่อย่างน้อยก็เร็วเท่าๆ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก สามารถถ่วงเวลามันไว้ได้ ไม่อย่างนั้นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกหากใช้ความได้เปรียบในด้านความเร็วของตัวเอง จะสามารถใช้หนึ่งสู้มากได้อย่างสบายๆ
ส่วนร่างเดิมอย่างเยี่ยนจ้าวเกอ ตอนนี้เผชิญหน้ากับการรุมล้อม ขณะอยู่ในในการต่อสู้ตะลุมบอนหรือการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ถึงขั้นมีความเชี่ยวชาญยิ่งกว่าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเสียอีก
จำเป็นต้องให้ศัตรูที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าเขาอย่างชัดเจนลงมือ หรือไม่ก็มีคนที่สามารถสะกดการเปลี่ยนแปลงของคัมภีร์นภาหยินหยางได้เท่านั้น เยี่ยนจ้าวเกอจึงจะรู้สึกกดดัน
ไม่อย่างนั้นต่อให้ส่งคนมาอีกก็ไร้ประโยชน์
ทว่าในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นคังเม่าเซิงหรือว่าจางเชา ล้วนทำไม่ได้
จางเชาในปากเต็มไปด้วยรสชาติฝาดคม ในใจเกิดความรู้สึกหมดหวัง
ในอดีตตอนที่เขาสำเร็จเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้าย ก็เต็มไปด้วยความตั้งมั่น เตรียมจะปกครองโลกแปดพิภพ
กลับคาดไม่ถึงว่าจะเจอกับจ่านตงเก๋อที่ก้าวหน้าขึ้นอีกหนึ่งก้าว เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง สุดท้ายได้แต่ขังตัวเองในภูเขาไฟ
มาวันนี้จ่านตงเก๋อได้เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนเขาก็กลายเป็นคนที่ลอยขึ้นมายังโลกซ้อนโลกสำเร็จเป็นคนแรกของโลกแปดพิภพ
เหมือนกำลังพิสูจน์คำพูดที่ว่าหัวเราะทีหลังดังกว่า
แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้กลับทำให้เขาสิ้นหวัง!
อีกทั้งคนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ เป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองเท่านั้น!
บัดนี้จางเชาไม่ได้แข็งแกร่งเช่นแต่ก่อนแล้ว บรรลุถึงระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ผ่าฟันความว่างเปล่าจนได้เห็นเทพที่แท้จริง พลังของเขาเพิ่มขึ้นสูงโดยพลัน
ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไร้ประโยชน์
เพราะเขาเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์จากเขากว่างเฉิงคนหนึ่ง แต่ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายอยู่ดี!