ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 813 เยี่ยนจ้าวเกอสุดยอดลูกหลานล้างผลาญ
หลังจากออกจากเมืองตกวาฬ ผละจากหมู่เกาะอาทิตย์ตก พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็มุ่งหน้าสู่ยอดเขาหัวใจเดี่ยวบนเทือกเขาอาทิตย์ตกทันที
พ่านพ่านแบกวังฝูงมังกร เหาะอยู่กลางอากาศ
พวกเยี่ยนจ้าวเกอนั่งอยู่ในวังฝูงมังกร อาหู่กำลังตั้งใจฝึกวรยุทธ์ เฟิงอวิ๋นเซิงนั่งปรับลมหายใจ เสี่ยวอ้ายกำลังจดจ่อกับผังค่ายกลใบหนึ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอมอบให้นาง
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกนั่งขัดสมาธิอยู่ในวังฝูงมังกร บนหัวเข่ามีหอกใหญ่เล่มหนึ่งวางพาดอยู่
ปลายหอกส่องแสงระยิบระยับ เหมือนกับกระแสเพลิง กลิ่นอายพลังอันเหี้ยมหาญโชติช่วงด้านใน เกรี้ยวกราดและน่าเกรงขาม
เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง หอกราชาลี้ลับ
ด้วยพลังฝึกปรือในตอนนี้ของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก หากคิดจะหลอมอาวุธชิ้นนี้โดยที่ไม่ฝึกฝนวรยุทธ์แท้เบญจอัคคีและเจ็ดหอกสัตปักษา ซึ่งเป็นวิชาของเหล่าเชื้อพระวงศ์ในราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ก็ย่อมเป็นเรื่องง่ายยิ่ง
แต่ว่าหลังจากผ่านการศึกษาอย่างละเอียดมาครึ่งปีกว่าๆ ปัจจุบันอาวุธชิ้นนี้ก็อยู่ในการควบคุมของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเรียบร้อยแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้สอดมือ แต่ปล่อยให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสู้กับมันเอง
ในกระบวนการหลอมเปลี่ยนนี้ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงชิ้นนี้ กำลังเคี่ยวกรำร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก เหมือนกับหินลับมีด
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกขณะที่หายใจ จุดลมปราณมากมายทั่วร่างก็สั่นไหว ประสานกับดวงดาวในจักรวาล
จุดลมปราณจำนวนมากกว่าเดิมกำลังข้ามด่านหลอมจุดลมปราณเป็นเทวะอย่างต่อเนื่อง มีพลังที่น่าเหลือเชื่อกว่าเดิม ทำให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง
หลังจากหลอมเปลี่ยนหอกราชาลี้ลับสำเร็จ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกในตอนนี้ก็ได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้นแล้ว
ห่างจากการข้ามด่านสุดท้าย เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลางเพียงหน้ากระดาษบางๆ กั้นเท่านั้น
สัญลักษณ์ของการฝึกปรือเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลางสำเร็จ ก็คือการจุดอัคคีดาวขึ้นในร่างของตัวเอง
หลอมจุดลมปราณเป็นเทวะ จักรวาลในร่างปรากฏการเชื่อมต่อกับจักรวาลนอกร่างกายอย่างแท้จริง เป็นการบ่งบอกว่าจักรวาลในร่างกายเริ่มก่อตัวอย่างต่อเนื่องจนสมบูรณ์แบบ
ในกระบวนการนี้ จำเป็นต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของกายเนื้อและลมปราณอย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถทนการประสานเสียงระหว่างจุดลมปราณและดวงดาวที่แท้จริง จนเห็นเทวะสำแดงได้
การหลอมจุดลมปราณกลายเป็นเทวะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กายเนื้อได้อยู่แล้ว แต่ว่าจะพัฒนาไม่ได้มากพอ
หากต้องการข้ามขีดจำกัดของกายมนุษย์ที่ได้มาแต่เกิด จำเป็นต้องเอาใจใส่ในหลายๆ ด้าน
ด้านในจุดลมปราณที่หลอมเป็นเทวะแล้ว จะเกิดไฟปะทุขึ้น หลอมเปลี่ยนร่างของตัวเองอีกครั้ง เป็นวิธีการที่เหมือนกับแสงดาวในจักรวาลด้านในร่างกายกลายเป็นอัคคีดาว เปล่งแสงกลางท้องฟ้า
จุดอัคคีดาวในร่าง ขยายขีดจำกัดของตัวเองอีกขั้น สามารถต้านทานการหลอมจุดลมปราณเป็นเทวะ ปีนป่ายบนเส้นทางวรยุทธ์ได้ต่อ
คิดจะจุดอัคคีดาวให้ส่องสว่าง ไม่ใช่แค่จุดลมปราณจุดเดียวกลายเป็นเทวะแล้วจะทำได้เลย จำเป็นต้องทำให้จุดลมปราณที่กลายเป็นดวงดาวในร่างมีมากถึงจำนวนหนึ่ง
เมื่อปัจจัยพื้นฐานครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว จะสามารถทดลองข้ามผ่านด่านสุดท้ายได้อย่างต่อเนื่อง
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกปัจจุบันได้มาถึงด่านนี้แล้ว รอแค่จุดอัคคีดาวให้ส่องสว่าง มันก็จะได้เปลี่ยนกระดูกผลัดเอ็น ก้าวสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า
เยี่ยนจ้าวเกอยามนี้ปรับลมหายใจเสร็จแล้ว ความสนใจของเขาอยู่บนเตาผลึกหินชั้นในตรงหน้า
มาถึงตอนนี้ เตาผลึกหินชั้นในของเขาก็ได้รับการเพิ่มระดับเพื่อให้สมบูรณ์แบบอย่างต่อเนื่อง โดยพื้นฐานถือว่ามีลักษณะเหมือนก่อนมหาภัยพิบัติอีกครั้งแล้ว
ด้วยพลังฝึกปรือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ของเยี่ยนจ้าวเกอ ขอแค่มีวัตถุดิบมากพอ เขาสามารถผลิตอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำขึ้นมาได้
ทว่าวัตถุดิบที่เอาไว้สร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์หายาก ในโลกซ้อนโลกก็ไม่มีข้อยกเว้น
เยี่ยนจ้าวเกอคาดเดาในใจว่าบางทีเขตมหานภากลางและเขาคุนหลุนอาจจะอุดมสมบูรณ์ก็ได้
เขาในตอนนี้จ้องมองเตาผลึกหินชั้นใน กลับมองไม้ไผ่สีเขียวเข้มที่เปล่งแสงสีม่วงในเตา
เทียบกับก่อนหน้า ไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าแท่งนี้ยาวขึ้นอีกขั้น จากยาวห้าปล้องในตอนแรกเป็นหกปล้องแล้ว
กระบองไม้ไผ่ห้าปล้องในตอนแรก ตอนนี้ยืดปล้องที่หกขึ้นมา อีกทั้งยังใกล้จะสมบูรณ์แล้ว
ชายหนุ่มกะน้ำหนักกระบี่เล่มหนึ่งในมือ ประกายกระบี่ราวกับแสงรุ้ง ส่องสว่างฟ้าดิน
กลับเป็นกระบี่รุ้งพร่างพราว อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำที่เขาได้มาตอนที่ชิงของวิเศษอย่างผลึกปอดแดนทะเล เครื่องหอมบรรจุฟ้า ด้วยการสังหารเหลียวเจิ้งผู้สืบทอดของผู้วิเศษเซิง
ในฐานะอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นกระบี่ ในระยะเวลาต่อมา ช่วงที่เยี่ยนจ้าวเกอทะลวงไปทั่วทะเลหวงเจีย กระบี่เล่มนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในอาวุธที่เขาค่อนข้างคุ้นมือ
ทว่าตอนนี้กลับใช้ไม่ได้อีกแล้ว
ยังไม่พูดถึงว่ามีกระบี่ปีศาจเทาเที่ยที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ แต่อาวุธที่เพิ่งริบมาจากซุนจ้งต๋า ก็เป็นกระบี่ซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางที่เหนือยิ่งกว่ากระบี่รุ้งพร่างพราวเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอจ้องมองเตาผลึกหินชั้นใน จากนั้นก็โยนกระบี่รุ้งพร่างพราวเข้าไป
‘ถึงแม้ว่าจะสามารถหลอมเปลี่ยนให้แข็งแกร่งขึ้นได้อย่างต่อเนื่องตามพลังฝึกปรือที่เพิ่มขึ้นของเรา แต่ก็จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบดูแล’ เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วแตะริมฝีปากขณะใคร่ครวญ
การใช้อาวุธวิเศษและอาวุธวิญญาณเป็นฟืนเพื่อเผาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ตัวเยี่ยนจ้าวเกอไม่รู้สึกผิดใดๆ ทั้งสิ้น
กระนั้นถึงอย่างไรอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็หายาก อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำแม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะเริ่มใช้ไม่ได้แล้ว แต่ว่ารอบๆ ตัวและในสำนักก็ยังมีคนจำนวนมากที่ยังสามารถใช้ได้อยู่
คิดถึงโลกแปดพิภพในอดีต อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำชิ้นหนึ่งมากพอจะส่งผลกระทบต่อขุมกำลังในใต้หล้าได้ระดับหนึ่ง
แม้จะเป็นในวันนี้ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำในโลกแปดพิภพก็ยังมีจำนวนจำกัดมากอยู่ดี
เขากว่างเฉิงมาเปิดสำนักบนโลกซ้อนโลก หากต้องการวางรากฐานให้มั่นคง ก็จำเป็นต้องมีทรัพย์สมบัติเพียงพอ
ดังนั้นก่อนหน้านี้ แม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะสะสมสมบัติได้ประมาณหนึ่งด้วยการริบมาจากศัตรู แต่ก็ไม่ได้นำมาเผาในเตาผลึกหินชั้นในเพื่อหลอมสร้างกระบองไม้ไผ่ของตน
ทว่าตอนนี้กลับไม่ต้องกังวลถึงปัญหานี้แล้ว
พูดไปก็ต้องขอบคุณเสวียนมู่อ๋อง
หลังจากสงครามบนดินแดนจิตคุณธรรม รวมถึงการลงไปยังโลกแปดพิภพเมื่อก่อนหน้านี้ของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง สินสงครามของเยี่ยนจ้าวเกอและทั่วทั้งเขากว่างเฉิงก็ไม่ได้มีแค่ของล้ำค่าต่างๆ เช่นหอกราชาลี้ลับ หอกธงเมฆา และเกราะทองบรรพตอีกต่อไป แต่ยังมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำจำนวนมหาศาลด้วย
แม้จะเป็นเพราะว่าเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ และหยวนเจิ้งเฟิงลงมือค่อนข้างเกรี้ยวกราดไปบ้าง ในตอนที่ประมือกับศัตรูจึงไม่อาจไม่ทำลายทิ้งไปส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังคงเหลืออยู่เป็นจำนวนที่น่าดูชม
บนพื้นฐานนี้ จึงจะรักษาของที่ค่อนข้างโดดเด่นไว้ได้ ส่วนของที่เหลือให้เยี่ยนจ้าวเกอเผาทิ้งตามใจ
เขากว่างเฉิงต้องการตั้งหลักบนโลกซ้อนโลก ในตอนนี้ยังต้องพึ่งพาคนที่มีพลังต่อสู้ระดับสุงสุดของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ เฟิงอวิ๋นเซิง และหยวนเจิ้งเฟิง
ส่วนคนในระดับกลาง จำเป็นต้องใช้เวลาเติบโต
ความสำเร็จของเตาผลึกหินชั้นในในตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้ยาก แต่ว่าการกักตุนสิ่งของยังเพิ่มพูดตามการกักตุนผู้มีความสามารถได้ทัน
แน่นอนว่าหากข้อมูลนี้หลุดออกไป คนในขุมกำลังอื่นๆ เมื่อได้ยินจะต้องรู้สึกพังทลายแน่นอน
อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำที่เยี่ยนจ้าวเกอมีในปัจจุบัน นอกจากเกราะเหมันต์ทระนงและหอกมังกรมัจฉาแล้ว อื่นๆ ล้วนถูกนำเข้าไปเผาในเตาผลึกหินชั้นในหมดสิ้น
ชิ้นแรกคนยังได้ใช้ ส่วนชิ้นหลังเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นแรกที่ตนหลอมขึ้นมา ดังนั้นจึงเก็บไว้เป็นที่ระลึก
อาวุธวิญญาณนอกจากกระบี่บึงมรกตที่อาจารย์ปู่หยวนเจิ้งเฟิงหลอมให้กับตนด้วยมือตัวเองแล้ว ที่เหลือล้วนถูกเยี่ยนจ้าวเกอหลอมทิ้งจนหมดสิ้น
กระบองไม้ไผ่สีเขียวเข้มที่ส่องแสงระยิบระยับด้านในเตาผลึกหินชั้นในในตอนนี้ จึงเป็นตัวล้างผลาญเยี่ยนจ้าวเกอมากที่สุด
ทว่าเขากลับไม่ปวดใจ มองกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าด้วยรอยยิ้มกว้าง
ล้างผลาญส่วนล้างผลาญ สมบัติของเยี่ยนจ้าวเกอที่ค่อยๆ สร้างขึ้นทีละก้าว จากไม่มีจนเติบโตตามตนมาถึงปัจจุบันได้ชิ้นนี้ เพิ่งเผยศักยภาพที่แท้จริงมาแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น