ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 827 ได้เตาวิเศษมาครอง
ตำหนักยักษ์ลวงตานั้นถูกแสงสีดำครอบคลุมอยู่ด้านใน สภาวะยิ่งใหญ่เหมือนกับครอบคลุมท้องฟ้า เติมเต็มพื้นที่รอบๆ ในชั่วพริบตา
กลิ่นโอสถลอยออกมาจากในตำหนัก แผ่กระจายไปทั่วมิติ
มิติต่างแดนแห่งนี้ถูกแบ่งเป็นเจ็ดชั้นจริงๆ
ทว่าในตอนนี้ มิติหกชั้นที่อยู่ด้านล่างพุ่งขึ้นมาด้านบนพร้อมกัน ก่อนจะทับซ้อนกันอย่างต่อเนื่องโดยมีชั้นบนสุดเป็นจุดศูนย์กลาง
ในตอนนี้ถ้าหากว่าหกชั้นล่างยังมีคนอยู่ ทว่ามีพลังไม่ถึงระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน คงจะถูกมิติบดขยี้กลายเป็นเศษผง ไม่เหลือแม้แต่ซากศพไปแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอมองตำหนักใหญ่แห่งนั้น ดวงตาทอประกาย
ส่วนลึกของความทรงจำมีภาพที่จำไม่ค่อยได้แล้วปรากฏขึ้นในห้วงสมองของเขา
มองดูตำหนักตรงหน้าจากด้านนอกดูแล้ว มันคือตำหนักโอสถของวังเทพในอดีตนั่นเอง!
สถานที่ในวังเทพบนสวรรค์เก้าชั้นที่เก็บโอสถเซียนและยาวิเศษมากมาย นับว่าป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญยิ่งสำหรับวังเทพ
เพียงแต่ว่าสิ่งที่แตกต่างจากในความทรงจำของเยี่ยนจ้าวเกอก็คือ ตำหนักโอสถที่ตอนแรกเป็นสีขาวหยกไร้รอยตำหนิ เปล่งแสงสีทองพร่างพราว มีปราณบริสุทธิ์ลอยวน ในตอนนี้กลับมีแสงสีดำปกคลุมอยู่
นี่ไม่ใช่ตำหนักโอสถของจริง แต่เป็นเงาของตำหนักโอสถต่างหาก
เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาลงเล็กน้อย ‘เป็นพิธีกรรมที่มีเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับเตานั้นเป็นตัวสนับสนุนหรือนี่’
พวกฟู่ถิงเกาฉิงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติเช่นกัน ทว่าในตอนนี้ต่อให้จะเสียใจก็สายไปเสียแล้ว
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนหกคนที่มือพาดอยู่บนเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ ต่างถูกตำหนักใหญ่สีดำกลืนกินอย่างไม่อาจควบคุม
ตำหนักใหญ่สีดำเป็นการรวมตัวกันของเงาแสง กำแพงจึงดูเหมือนกับโปร่งใส
พวกเยี่ยนจ้าวเกอเห็นร่างของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์หกคนนั้น ลอยค้างอยู่กลางอากาศในตำหนักอย่างไม่อาจควบคุมได้
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนขณะนี้ร่างกายไร้อิสระ ถูกจำกัดเอาไว้โดยสมบูรณ์!
แม้กระทั่งยอดฝีมือระดับสุดยอดที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายสองคนในจำนวนนี้ ก็ยังได้แต่ฝืนดิ้นรน ทว่าไม่อาจเป็นอิสระได้
ตำหนักสีดำเริ่มพังทลายเข้าด้านใน ก่อเกิดเป็นหลุมดำ ม้วนจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนหกเข้าไปด้านใน
พวกฟู่ถิงและเกาฉิงที่อยู่ด้านนอกก็ไม่อาจรอดไปได้เช่นกัน
แม้แต่พวกเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ไกลออกไปก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ถูกแรงดูดดูดอันมหาศาลคว้าเอาไว้ ร่างพุ่งถลันเข้าหาหลุมดำโดยไม่อาจควบคุม
ด้านหลังตำหนักใหญ่ เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับที่เป็นต้นกำเนิดของแสงสีดำสั่นไหวครั้งหนึ่ง ก่อนจะลอยขึ้นด้านบน ทะยานเข้าหาหลุมดำ
มิติต่างแดนด้านนอกที่ทุกคนอยู่ก่อนหน้านี้พังทลายโดยสิ้นเชิง มันบิดเบี้ยว ก่อนจะถูกหลุมดำกลืนกิน
เยี่ยนจ้าวเกอหลังจากเข้าไปในหลุมดำแล้ว ก็เห็นด้านหน้าเหมือนมีทางเชื่อมมิติที่ไม่มีปลายทางสายหนึ่ง ไม่รู้ว่าเชื่อมไปยังที่ใด
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนหกคนที่ถูกกลืนเข้ามาก่อน ถึงขั้นหายตัวไปแล้ว
พวกฟู่ถิงกับเกาฉิงก็หายตัวไปด้วยเช่นกัน
อาหู่กล่าวด้วยรอยยิ้มขื่นขม “คุณชาย เป็นไปตามที่ท่านคิดไว้ เตามีปัญหาจริงๆ ด้วย!”
“เพียงแต่พวกเราในตอนนี้ก็ลำบากเหมือนกัน…”
เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเคร่งขรึม มุมปากกลับปรากฏรอยยิ้มหลายส่วน “นั่นกลับไม่แน่”
เขาสั่งความคิด วังฝูงมังกรปรากฏขึ้นอีกครั้ง คานบนตัววังกับเสาที่อยู่ตรงกลาง รวมถึงประตูวังพากันสาดแสงเจ็ดสีออกมา
แสงสว่างกระจัดกระจาย ความเร็วในการเคลื่อนที่ด้านในทางเชื่อมมิติของพวกเยี่ยนจ้าวเกอช้าลงในทันใด ไม่ได้พุ่งทะยานอย่างควบคุมไม่ได้อีก
มิติที่สับสนตรงหน้าราวกลับกลายเป็นเส้นทางที่แท้จริงที่สามารถให้คนเหยียบย่างได้
เยี่ยนจ้าวเกอนั่งพิงหลังตรงประตูวัง จากนั้นก็ยื่นนิ้วออกมาขีดเขียนใส่อากาศ
อักขระอาคมหลายสายปรากฏขึ้น ติดอยู่กลางอากาศเนิ่นนาน เหมือนกับรูปสลัก
คาน เสาระเบียง และประตูของวังเทพที่รวมเข้ากับวังฝูงมังกร ในตอนนี้ส่องแสงระยิบระยับ บนพื้นผิวปรากฏอักขระอาคมเจ็ดสีหลายแถว
อักขระอาคมกลายเป็นลำแสงหลายสาย ยื่นเหยียดออกไปหาอากาศรอบๆ
ครู่ต่อมา ในอากาศก็มีเสียงประหลาดดังขึ้น
ทันใดนั้นลำแสงเจ็ดสีก็ถูกเก็บ ลากเตาโอสถขนาดยักษ์ที่มีควันสีม่วงลอยวนเวียน พร้อมกับส่องแสงสีทองเตาหนึ่งออกมาจากในมิติความมืด!
เป็นเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับนั่นเอง!
ตอนนี้เตาโอสถสงบนิ่งยิ่ง เหมือนกับกำลังหลับลึก แม้จะถูกลำแสงลากมาก็ไม่แข็งขืน
เยี่ยนจ้าวเกอผลักประตูวังฝูงมังกร ‘กลืน’ เตาวิเศษนั้นเข้าไป
วินาทีถัดมา ประตูก็ปิดลงอย่างสะเทือนเลือนลั่น
หลังจากประตูของวังฝูงมังกรปิดลง มิติด้านหน้าพวกเยี่ยนจ้าวเกอก็เปลี่ยนเป็นบ้าคลั่งปั่นป่วน!
ราวกับว่าเชือกที่ปลายสองด้านถูกพลังงานอันยิ่งใหญ่ฉุดไว้ มีคนที่อยู่ด้านหนึ่งพลันปล่อยมือ
พลังที่อยู่อีกด้านหนึ่งกระชากอย่างรุนแรง เชือกจึงหลุดออก
ทางเชื่อมมิติสีดำขลับแตกร้าวดังตูม
เยี่ยนจ้าวเกอพาพวกเฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ และเสี่ยวอ้ายเข้าไปในวังฝูงมังกร ก่อนจะถูกม้วนเข้าไปในกระแสปั่นป่วนของมิติแห่งหนึ่ง
ชั่วพริบตานั้นเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่ามีกลิ่นอายที่เย็นเยียบถึงขีดสุดสายหนึ่ง ลอยมาจากปลายอีกด้านหนึ่งของทางเชื่อมมิติในตอนแรก
กลิ่นอายนั้นเหมือนกับมาจากประกายเย็นยะเยือกของคมดาบที่จืดชืด ไม่มีคลื่นความรู้สึกใดๆ แต่ก็เหมือนกับคลื่นอารมณ์ของสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึก ซึ่งกำลังส่งความเคียดแค้นชิงชังมา
ความรู้สึกขัดแย้งสองชนิดผสมผสานเข้าด้วยกัน ส่งมาหาเยี่ยนจ้าวเกออย่างชัดเจน
แต่น่าเสียดายที่เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับถูกผนึกอยู่ในวังฝูงมังกร พิธีกรรมที่กำลังดำเนินอยู่เท่ากับถูกขัดขวางกลางคัน
พวกเยี่ยนจ้าวเกอไม่มุ่งหน้าไปยังปลายสุดของทางเชื่อมต่ออีก แต่เข้าไปยังทิศทางอื่นด้านในมิติ
เส้นทางมิติเส้นนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว
ทุกอย่างราวกับภาพลวงตา
ทว่ามิติต่างแดนของหอคอยวิเศษเจ็ดชั้นที่พังทลายไปแล้ว ได้บอกกับทุกคนถึงเหตุการณ์สั่นสะเทือนขวัญวิญญาณที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ส่วนจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนหกคนที่ถูกม้วนเข้ามาก่อน ยิ่งสลัดหลุดไม่ทัน ถูกม้วนหายไปโดยสิ้นเชิง
เยี่ยนจ้าวเกอมองทุกสิ่งที่เกิดขึ้น จมลงสู่ห้วงความคิด
สามารถทำให้ยอดฝีมือขั้นสะพานเซียนระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าสองคน ถูกม้วนหายไปโดยไม่อาจแข็งขืนได้ พิธีกรรมนี้แข็งแกร่งเพียงใด ไม่ต้องบรรยายก็ทราบแล้ว
ถ้าหากไม่ใช่ว่าวังฝูงมังกรของเยี่ยนจ้าวเกอเล่นงานเข้าที่จุดอ่อน ขัดขวางเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับพอดี พวกเขาจะต้องถูกม้วนเข้าไปพร้อมกันแน่
ใครเป็นคนจัดพิธีกรรมกันแน่
คนอื่นยากจะยืนยัน แต่หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอมองดูเงาตำหนักโอสถสีดำนั้นแล้ว ก็ยืนยันถึงเรื่องนี้
ตำหนักโอสถของวังเทพในอดีต หลังจากผ่านวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่แล้ว ก็ถูกเก็บรักษาไว้อย่างค่อนข้างสมบูรณ์ จึงผ่านพ้นชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้แล้วนั้นมาได้!
ปัจจุบันมันอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งด้านในมิติไร้สิ้นสุด
จึงค่อยฉายเงาของตำหนักสีดำนี้ได้
ทว่าคนที่สร้างพิธีเป็นใครกันแน่
ตามเหตุผลแล้ว มีความสามารสร้างพิธีกรรมเช่นนี้ได้ ตำหนักโอสถสมควรตกไปอยู่ในการควบคุมของคนผู้นั้นถึงจะถูก
กระนั้น ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอชิงเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับมาครอง ทำลายพิธีกรรม อีกฝ่ายกลับไม่ขัดขวาง แม้กระทั่งไม่อาจตอบสนองด้วยพลังได้
นี่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้ครอบครองตำหนักโอสถโดยสมบูรณ์
เยี่ยนจ้าวเกอเองก็ไม่เข้าใจสาเหตุ ทุกสิ่งทุกอย่างมีแต่ความน่าสงสัย
‘ประหลาดนัก…’ เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจยาว มองส่วนลึกของวังฝูงมังกร
ณ ที่แห่งนั้น เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับกำลัง ‘หลับลึก’ ไม่ขยับแม้แต่น้อย
ถึงแม้กงจักรมหาประกายกาฬจะสงบนิ่งเช่นกัน แต่เมื่อถูกโจมตี จะมากจะน้อยก็มีปฏิกิริยาอยู่บ้าง
แต่เตาโอสถเตานี้กลับปล่อยให้เยี่ยนจ้าวเกอปู้ยี้ปู้ยำมันตามใจชอบ โดยที่ตัวมันไม่ยอมขยับเลย
‘พลังฝึกปรือในตอนนี้ของข้าไม่อาจหลอมเปลี่ยนเตาเตานี้ได้ คิดจะกระตุ้นมันย่อมต้องวางแผน ออกแรงสักหน่อย’ เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่หงุดหงิด นี่เดิมทีก็เป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมายของเขาอยู่แล้ว
เขาบังคับวังฝูงมังกร เคลื่อนไหวในกระแสปั่นป่วนของมิติเวลา
แม้จะไร้ความกริ่งเกรงชั่วขณะ ทว่าก็ติดอยู่ในสภาพลำบากเหมือนพวกหลัวจื้อเทาที่ออกมาจากสุสานจักรพรรดิประกายกาฬเมื่อก่อนหน้านี้ จำเป็นต้องหาทางกลับบ้าน
หากปล่อยเวลาผ่านไปเฉยๆ เช่นนี้โดยไม่ทำอะไร วังฝูงมังกรก็จะแบกรับภาระไม่ไหวเช่นกัน
ไม่รู้ว่าลอยคออยู่นานเท่าไร จู่ๆ ตรงหน้าก็ปรากฏโลกใบหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอจึงกระตุ้นวังฝูงมังกรเข้าไป
เพิ่งจะเข้ามาได้ไม่ทันไร เยี่ยนจ้าวเกอก็เพ่งตามองไป เห็นตรงหน้ามีคนที่ตนคุ้นเคยแล้ว
เหล่าลูกศิษย์สายเหนือพิสุทธิ์ที่มีเกาฉิงเป็นผู้นำ มองพวกเยี่ยนจ้าวเกอมาถึงด้วยความประหลาดใจ