ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 931 ตกตะลึง
มีจอมยุทธ์เขาทุ่งวิจิตรบางคนร้องขอหลักฐานจากเฉิงโม่อย่างไม่ยอม
มู่จวินมาจากเขาโถงทอง สถานที่อันเป็นศัตรูกับพวกเขา นอกจากนี้สองฝ่ายใกล้จะเริ่มสงครามกันแล้ว พวกเขาย่อมไม่ยอมเชื่อวาจาของมู่จวิน
ทว่าผลลัพธ์กลับทำให้พวกเขาผิดหวัง
ไม่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะไม่ได้สังหารพวกเขา เพราะแรงกดดันจากเทพธิดาสสารกำเนิดหรือไม่ แต่ว่าพวกเขาก็ไม่อาจแข็งขืน ถึงขั้นที่ไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของเยี่ยนจ้าวเกอก็ถูกควบคุม เป็นตายเลือกเองไม่ได้ สุดท้ายคนผู้นี้กลับหายตัวไปไกลแล้ว!
อย่าว่าแต่มู่จวินจากเขาโถงทองที่เห็นจากระยะไกล ใกล้ๆ ยังมีคนจากอารามคงมายาเป็นสักขีพยาน
โดยเฉพาะเมื่อครู่นี้ เขายังโต้เถียงกับดรุณีน้อยอยู่เลย แต่พริบตาเดียวก็ถูกเยี่ยนจ้าวเกอฉีกหน้าจนไม่เหลือ หนำซ้ำยังถูกโยนลงบนพื้นแล้วเหยียบซ้ำ
คนจากเขาทุ่งวิจิตรเคียดแค้นจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีแล้ว
กวนอวี่ลั่วมองเรือนภาบัวแดงอย่างเป็นกังวล กระซิบถามเฉิงโม่ว่า “อาจารย์ลุงใหญ่ ท่านเยี่ยนขึ้นไปเช่นนี้ ะมีปัญหาหรือไม่”
“ไม่มี” เฉิงโม่ส่ายศีรษะเล็กน้อย “คนผู้นี้แม้มีนิสัยหยิ่งผยอง แต่ไม่ใช่คนได้ใจจนลืมตัว เขาไม่ได้ขึ้นไปบนเรือเพราะอารมณ์ชั่ววูบ”
ดรุณีน้อยมองเฉิงโม่ด้วยความฉงน
เฉิงโม่เอ่ยอย่างราบเรียบว่า “สุดท้ายยอดเขาอัศจรรย์ก็มีจักรพรรดิแพรเป็นผู้ปกครอง”
เรื่องที่เถาอวี้ เทพธิดาสสารกำเนิดไม่ถูกกับเฉาเจี๋ย ประมุขอาคเนย์และฟู่ถิง ถือเป็นจริงแท้ไม่แปลกปลอม
เรื่องที่นางกับจักรพรรดิแพรมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา ไม่ใช่แค่ศิษย์พี่ศิษย์น้อง ก็ไม่ใช่เรื่องโกหกเช่นกัน
แต่ไม่ว่านางจะสนิทสนมกับเขาทุ่งวิจิตรขนาดไหน ไม่ว่านางจะทะนงแข็งกร้าวอย่างไร ต่างไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงข้อหนึ่งได้
จักรพรรดิแพรต่างหากที่เป็นผู้ปกครองยอดเขาอัศจรรย์ เป็นหนึ่งในห้าจักรพรรดิของโลกซ้อนโลก
ก่อนที่จักรพรรดิแพรจะแสดงท่าที เถาอวี้ไม่อาจสร้างความลำบากให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอได้จริงๆ
ถ้าหากนางจัดการเยี่ยนจ้าวเกอได้ง่ายๆ เช่นนั้นนางย่อมออกหน้าแทนสหายสนิท สั่งสอนคนรุ่นหลังที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ทั้งยังโอหังไร้มารยาทตรงหน้าผู้นี้ไปแล้ว
ทว่าตอนนี้พอพบว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจรับมือได้ง่ายเหมือนอย่างที่คิดก่อนหน้า เถาอวี้ย่อมต้องระวังตัว
ถึงอย่างไรนางก็ทราบเรื่องที่จักรพรรดิแพรเชิญเยี่ยนจ้าวเกอ และเยี่ยนตี๋ไปเป็นแขกที่สถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อยเช่นกัน
แม้จะไม่แน่ใจว่าจักรพรรดิแพรมีความรู้สึกต่อเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกอย่างไร แต่นางก็ไม่อาจมองข้ามจุดนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น อีกเดี๋ยวจะเป็นเวลาที่จักรพรรดิแพรกับทวนพระอังคารต้องสู้กันแล้ว
เถาอวี้มาที่นี่เพื่อควบคุมสถานการณ์แทนจักรพรรดิแพร ไม่ได้มาเพื่อเพิ่มความวุ่นวาย
หากเปลี่ยนเป็นเวลาอื่นและสถานที่อื่น เกิดนิสัยหยิ่งผยองของเถาอวี้กำเริบ ต่อให้ไม่เกิดความคิดฆ่าคน ก็ต้องฉีกหน้าเยี่ยนจ้าวเกอให้สาสม
กระนั้นในตอนนี้ นางได้แต่ต้องอดกลั้นไว้
‘คนหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ’ เฉิงโม่มองเรือนภาบัวแดง
เขากว่างเฉิงของเยี่ยนจ้าวเกอ แม้จะใช้ชื่อบรรพบูรพาแห่งสำนักเต๋า แต่ทุกคนล้วนทราบว่าที่นั่นไม่เกี่ยวอะไรกับห้าบรรพสำนักเต๋าก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในตำนาน แต่เป็นสำนักที่มาจากโลกเบื้องล่างใบหนึ่ง
แม้ว่าสำหรับสำนักที่ผงาดขึ้นมาจากโลกเบื้องล่างนี้ จะมีความเร็วในการถีบตัวเองเร็วจนน่าทึ่ง ยืนหยัดบนโลกซ้อนโลกได้ในระยะเวลาแค่ไม่กี่ปี ทว่าในสายตาของการสืบทอดระดับสุดยอดบนโลกซ้อนโลก เขากว่างเฉิงก็ยังคงเป็นสำนักเล็กพรรคน้อยอยู่ดี
อย่าว่าแต่ผู้มีอำนาจอย่างสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ และประมุขทั้งสิบ เขากว่างเฉิงแม้แต่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนคนเดียวยังไม่มี
ฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อ ผู้วิเศษเซิง นักพรตสือ เสวียนเฉิงอ๋อง เหล่ายอดฝีมือได้สิ้นชีวิตใต้เขากว่างเฉิงอย่างแท้จริง แต่ว่าสำหรับคนส่วนใหญ่ที่อยู่นอกเขตตะวันอาคเนย์แล้ว นั่นเป็นเพราะอาวุธเซียนอย่างตราประทับตะวันและมงกุฎจันทราเท่านั้น
แม้จะสงสัยว่าเขากว่างเฉิงที่เป็นขุมกำลังอ่อนด้อยกระตุ้นอาวุธเซียนได้อย่างไร แต่พลังเช่นนี้ก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่อาจดำรงอยู่ได้นาน
หลายคนพอเห็นเขากว่างเฉิง ก็เหมือนกับเห็นทารกน้อยอายุสิบขวบที่ถือของล้ำค่าซึ่งมีค่าควรเมือง เดินส่ายอาดๆ อยู่กลางตลาดคนหนึ่ง
ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีประมุขอาคเนย์คอยคุ้มครอง ถ้าหากไม่ใช่จักรพรรดิแพรงามมีท่าทีไม่ชัดเจน คงถูกคนแย่งชิงไปจนหมดสิ้นแล้ว
แม้ว่าประมุขทักษิณจวงเซินจะสั่งลูกศิษย์ในสำนักอย่างชัดเจน ว่าห้ามหมายปองกงจักรมหาประกายกาฬ แต่การไม่หมายปองกงจักรมหาประกายกาฬ กับการไม่สู้กับเขากว่างเฉิงเป็นคนละเรื่องกัน
ถ้าหากมีโอกาส เขาย่อมยินดีทำลายเขากว่างเฉิง
เพียงแต่ยำเกรงต่อกงจักรมหาประกายกาฬ จึงทำได้เพียงกดเก็บความรู้สึกเอาไว้ก็เท่านั้น
เขากวางเฉิงยังมีของล้ำค่าอีกมากมาย
จอมยุทธ์อารามคงมายาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเขากว่างเฉิงลึกซึ้งอะไรนัก แต่ว่าก็มีความรู้สึกต่อเขากว่างเฉิงไม่เลว สืบเนื่องจากที่เฟิงอวิ๋นเซิงได้ช่วยกวนอวี่ลั่วไว้
แต่หากบอกว่าให้ความสำคัญกับเขากว่างเฉิง นั่นพวกเขากลับยังไม่แน่ใจ
จนกระทั่งเห็นเยี่ยนจ้าวเกอ ภาพจำที่มั่นคงจึงค่อยๆ เปลี่ยนไป
การได้เห็นฝีมือของเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ ทำให้พวกเขาตกตะลึงจริงๆ
เฉิงโม่มองไปยังมู่จวินจากเขาโถงทองที่อยู่ด้านข้าง
มู่จวินรับรู้ได้ถึงสายตาของเขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงมองเรือนภาบัวแดง
การสืบทอดของเขาทุ่งวิจิตร สุดที่การสืบทอดธรรมดาจะเทียบเคียงได้
ทุกคนล้วนรู้จักคัมภีร์นภาความว่างเปล่า หนึ่งในคัมภีร์นภาแรกเริ่มทั้งสิบ ซึ่งเป็นการสืบทอดสายหยกพิสุทธิ์
แม้บอกว่าไม่ถนัดรับมือสายฟ้าอนธการ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง ในนี้ยังมีจอมยุทธ์เขาทุ่งวิจิตรที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายอยู่ด้วย
มู่จวินมีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้น เป็นรากฐานผู้สืบทอดของเขาโถงทอง มั่นใจว่าตนเอาชนะจอมยุทธ์เขาทุ่งวิจิตรเหล่านี้ได้โดยไร้ปัญหา แต่การจับทุกคนในชั่วพริบตาเดียว เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
สู้เสมอ เอาชนะ เข่นฆ่าสังหาร จับเป็น
ความยากนั้นไม่เหมือนกันโดยเรียงจากล่างขึ้นบน
มู่จวินถึงขั้นอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหากเขาต้องเผชิญหน้ากับเยี่ยนจ้าวเกอ ตนเองจะมีผลลัพธ์เช่นไรกัน
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง มู่จวินก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ และรู้สึกว่าอย่าคิดถึงปัญหาด้านนี้ต่อจะดีกว่า
เพียงแต่เขารู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง เพราะตอนนี้ห่างจากตอนที่เจอเยี่ยนจ้าวเกอเป็นครั้งแรกไม่นานนัก
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ใส่ใจกับความคิดของคนที่อยู่ใต้เรือ
เขาขึ้นไปบนเรือนภาบัวแดง ก่อนจะเข้าไปในท้องเรือโดยการนำทางของลูกศิษย์ยอดเขาอัศจรรย์ผู้นั้น
การตกแต่งในท้องเรือหรูหราผิดปกติ
หนังตาของเยี่ยนจ้าวเกอกระตุก ครั้นกวาดสายตามองเล็กน้อย เขาเห็นของวิเศษ สมบัติล้ำค่าที่แม้จะเป็นโลกซ้อนโลกก็แทบจะสาปสูญไปแล้วหลายชิ้น
จักรพรรดิแพรสำราญกับการใช้ชีวิต ไม่ใช่เรื่องคุยโว
แต่ว่าในตอนนี้ คนที่ควบคุมนาวาเทพลำนี้เป็นสตรีผู้หนึ่ง
ภายนอกนางดูเหมือนมีอายุราวๆ ยี่สิบถึงสามสิบปี เป็นวัยที่สตรีเบ่งบานมากที่สุด
นางเป็นสตรีโฉมสะคราญที่หายากคนหนึ่ง แต่กลางหว่างคิ้วปรากฏความหยิ่งทะนงอยู่หลายส่วน
บนใบหน้าในยามนี้ไร้รอยยิ้ม ทั้งยังเหมือนมีสีหน้าไม่พอใจเท่าไรนักด้วย
“เทพธิดาสสารกำเนิดอยู่ต่อหน้า ผู้เยาว์เยี่ยนจ้าวเกอขอคารวะ” เยี่ยนจ้าวเกอมีท่าทางผ่อนคลาย ทุกอย่างเหมือนปกติ
คนตรงหน้านี้ย่อมเป็นเถาอวี้ เทพธิดาสสารกำเนิด ผู้ปกครองถ้ำน้ำพุพิสุทธิ์บนยอดเขาอัศจรรย์
เถาอวี้พิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอตั้งแต่หัวจรดเท้า ครู่ต่อมาถึงค่อยโพล่งขึ้นว่า “ไม่ใช่แค่สายฟ้าอนธการเท่านั้น”
“การสืบทอดสายตรงของสำนักประกายกาฬ ไม่ใช่แค่คัมภีร์ประกายกาฬ เกรงว่าจะเป็นสิบสองวิชาประกายกาฬ”
“คัมภีร์นภากาลเวลา หนึ่งในคัมภีร์นภาแรกเริ่มสิบม้วน การสืบทอดสายหยกพิสุทธิ์”
“ยังมีอีกวรยุทธ์หนึ่ง ข้าไม่แน่ใจ แต่เหมือนกับคัมภีร์จันทร์นิลที่หายสาปสูญไปหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่”
“นอกจากนี้แล้ว…” เถาอวี้ขมวดคิ้ง “ยังมีวรยุทธ์ที่ศึกษาความลี้ลับของมิติ ได้หลอมจิตเข้าไปด้านในแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่อาจสะกดผู้สืบทอดของเขาทุ่งวิจิตร ที่ฝึกฝนคัมภีร์นภาความว่างเปล่าจำนวนมากขนาดนั้นได้ในครั้งเดียว แต่ว่าวรยุทธ์ชนิดนี้ไม่ค่อยปรากฏชัดนัก ท่านคล้ายกับยังตั้งใจอำพรางไว้ ข้าจึงมองไม่ออก”
เยี่ยนจ้าวเกอสบตาเถาอวี้อย่างสงบนิ่ง รอนางพูดจบ ค่อยหัวเราะเล็กน้อย “ข้าหลอมความลี้ลับของคัมภีร์มารไร้รูปเข้าไปหลายส่วนด้วย”
แววตาของเถาอวี้เคร่งขรึมขึ้น ผ่านไปสักครู่จึงค่อยพยักหน้าอย่างแช่มช้า “ความลี้ลับของวรยุทธ์จำนวนมากขนาดนี้ ไม่ได้รวบรัดง่ายดายเหมือนของจิปาถะทั่วไป ถึงกับแฝงสภาวะเข้าใจอย่างถ่องแท้อยู่ด้วย”
“เยี่ยนจ้าวเกอ ท่านมีคุณสมบัติที่จะทำตัวโอหังจริงๆ”
………………..