ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 938 ผลลัพธ์ของการต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิ
แม้ว่าตรงหน้าจะมีจักรพรรดิแพรงามและประมุขปฐวีที่เป็นผู้ทราบเรื่องถึงสองคน แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่คิดว่าการสืบหาจากพวกเขาจะเป็นความคิดที่ดี
ประมุขปฐวีไม่ต้องพูดถึง ส่วนจักรพรรดิแพรงามแม้จะมีท่าทีเป็นมิตร แต่ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าเขามีทัศนะต่อเรื่องเสวี่ยชูฉิงอย่างไร
ในปัจจุบันนี้จึงได้แต่ต้องอดทนรอคอยไปก่อน
กระนั้นเรื่องราวก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย
การดำรงอยู่ของกงจักรมหาประกายกาฬ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะดึงดูดความสนใจของโถงเซียน
ในตอนที่สังหารประมุขอาทิตย์ไร้ประมาณเผยหัว ผู้สืบทอดโถงเซียน เมื่อเผยหัวเห็นกงจักรมหาประกายกาฬ อารมณ์ที่เขาแสดงออกมามีความผิดปกติอยู่หลายส่วน
ส่วนใหญ่แล้วเป็นความเคียดแค้นและความโกรธเกรี้ยว ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ของตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณและเป็นจักรพรรดิเพียงผู้เดียวของเขา ถูกจักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยสังหารทิ้ง
ความเคียดแค้นของเผยหัว สามารถเข้าใจได้
กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็สัมผัสได้อย่างปราดเปรียวว่า นอกจากความเคียดแค้นแล้ว เผยหัวยังคล้ายมีอารมณ์อื่นอีก
เยี่ยนจ้าวเกอคิดว่า นั่นอาจจะไม่ใช่ปัญหาส่วนตัวของเผยหัว แต่มาจากท่าทีของโถงเซียน
ข่าวที่ตนครอบครองกงจักรมหาประกายกาฬ ตอนนี้ยังแพร่กระจายอยู่แค่ในโลกซ้อนโลกเท่านั้น
ถ้าหากว่าข่าวแพร่กระจายไปถึงโถงเซียน บางทีอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ขึ้น
ทว่านั่นสมควรเป็นเรื่องหลังจากที่สงครามใหญ่ระหว่างโถงเซียนกับศาสนาพุทธสงบลง และไม่ได้รุนแรงเหมือนเมื่อก่อนหน้า
ก่อนจะถึงตอนนั้น เชื่อว่าความสนใจของพวกเขาจะยังอยู่ที่การแย่งชิงความศรัทธาและอาณาเขตกับศาสนาพุทธ
เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญ พร้อมกับถอยร่างไปด้านหลังต่อ
ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิสองคนที่อยู่ในมิติห่างออกไปเริ่มเอาจริงกันแล้ว ไม่ได้พะวงถึงสถานการณ์รอบๆ อีก
ไอเมฆสีขาวหลายสายกับแสงเพลิงสีแดงมากมายพัวพันกัน กวาดไปทั่วมิติจักรวาลแถบนี้
สองฝ่ายสู้กัน ค่อยๆ ออกห่างจากสนามรบก่อนหน้า เคลื่อนย้ายไปยังมิติต่างแดนที่มีอาณาเขตกว้างขวางกว่า เข่นฆ่ากันไม่หยุดยั้ง
คลื่นหลงเหลือที่น่าสะพรึงนั้นค่อยๆ อ่อนกำลังลงแล้ว
นี่ไม่ใช่เพราะคนที่สู้กันอยู่หมดแรง แต่เป็นเพราะพวกเขายิ่งมายิ่งอยู่ห่างจากผู้ชมดูการต่อสู้เช่นพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
พวกเยี่ยนจ้าวเกอเองก็ไม่คิดจะตามไป
เมื่อสู้มาถึงขั้นนี้ เซียนจริงแท้ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองต่างลงมือกันสุดกำลัง ผู้คนไม่อาจชมดูอยู่ด้านข้างได้อีก
รอบๆ มีแค่ประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงเท่านั้นที่มีความสามารถรับชมต่อ
เขาเป็นคนเดียวที่ออกจากตำแหน่งเดิม และติดตามจักรพรรดิทั้งสองไป
ในฐานะผู้รับรองการต่อสู้ครั้งนี้ นี่เป็นเรื่องที่สมควรกระทำ
ส่วนพวกเยี่ยนจ้าวเกอ รวมถึงฟู่ถิงและเถาอวี้ จอมยุทธ์จากยอดเขาอัศจรรย์ที่อยู่บนเรือนภาบัวแดง การชมดูการต่อสู้ในตอนนี้จบลงแล้ว ได้แต่อดทนรอคอยผลลัพธ์
การรอนี้ไม่ได้ใช้เวลาไปมากเกินไปนัก
ครู่ต่อมา ในมิติอันมืดมิดที่อยู่ห่างออกไป พลันมีแสงสีแดงพร่างพราวสายหนึ่งวาดผ่าน คล้ายกับกำลังจะเฉือนมิติออก
แสงสีแดงปรากฏขึ้นแวบเดียว จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ความร้อนรุ่มในมิติค่อยๆ สงบลง กลับคืนสู่สภาวะเยือกเย็นวังเวงเมื่อก่อนหน้านี้อีกครั้ง
ทุกคนมองหน้ากันเอง การต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิทั้งสองในครั้งนี้ คล้ายกับปรากฏผลแพ้ชนะแล้ว
จักรพรรดิแพรงาม ชนะแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอเป็นอย่างไรยังไม่พูดถึง แต่มู่จวินที่อยู่ด้านข้างถอนใจโล่งอกออกมาก่อน
ตามคำพูดในตอนที่สองฝ่ายนัดสู้กัน จักรพรรดิแพรเป็นตัวแทนของผู้สืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ทั้งหมด ในการสะสางบุญคุณความแค้นที่จอมยุทธ์สายเอกพิสุทธิ์ช่วยเผ่ามังกรผนึกทวนพระอังคาร
ก่อนที่จักรพรรดิแพรงามฟู่อวิ๋นฉือจะได้รับชัยชนะ ทวนพระอังคารจะไม่หาเรื่องผู้สืบทอดสายเอกพิสุทธิ์คนอื่น
บนโลกซ้อนโลกในปัจจุบัน สำนักที่สืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ นอกจากยอดเขาอัศจรรย์แล้วก็เหลือแค่เขาโถงทองเท่านั้น
ในความจริงแล้ว สถานการณ์ครั้งนี้มีความพิเศษยิ่ง เพื่อเตรียมต่อสู้ ถ้าหากจักรพรรดิแพรต้องการ เฉาเจี๋ยประมุขอาคเนย์เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะมอบวิชาครอบฟ้าและกระบี่จักรพรรดิสามกำแพงให้เขาศึกษาได้
กระนั้นจักรพรรดิแพรงามที่มีอาวุธเซียนชิ้นหนึ่งอยู่แล้ว แสดงให้เห็นว่ามีความมั่นใจและความทะนงตน สุดท้ายก็ยังคงรับมือกับการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยพลังของตัวเอง
และผลลัพธ์ท้ายที่สุด ก็คล้ายกับพิสูจน์เรื่องนี้ได้
‘ทวนพระอังคารนั่นเหมือนจะเป็นคนที่มีสัจจะ พูดคำไหนคำนั้น ผลลัพธ์เช่นนี้คงไม่ก่อให้เกิดปัญหากระมัง’ เยี่ยนจ้าวเกอก็โล่งอกเช่นเดียวกัน
หลังจากนั้นสักพัก ปราณสีม่วงก็ปรากฏขึ้น
ปราณม่วงที่ยิ่งใหญ่พอบรรลุถึง ก็ครอบคลุมมิติจักรวาลเบื้องหน้าอีกครั้ง
จอมยุทธ์จากโลกซ้อนโลกที่อยู่รอบๆ อดโห่ร้องอย่างยินดีไม่ได้
แม้ว่าทวนพระอังคารกับโลกซ้อนโลกจะมีแหล่งกำเนิดเดียวกัน แต่ก็เป็นเพียงเรื่องเล่าในประวัติศาสตร์ที่เพิ่งปรากฏขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เท่านั้น
จักรพรรดิแพรงามเป็นหนึ่งในผู้ปกครองระดับสุดยอดของโลกซ้อนโลกมาตลอดพันกว่าปี น่าเกรงขามเกรียงไกรยิ่ง
ต่อให้คนที่ชมดูการต่อสู้ไม่ได้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง ในใจก็เอนเอียงไปทางจักรพรรดิแพรงามมากกว่า
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “ดูเหมือนทวนพระอังคารจะถอยไปแล้ว จักรพรรดิแพรไม่ได้ทำลายเขา หรือสยบเขา”
“ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใด ทวนพระอังคารจึงเกลียดเผ่ามังกรเข้ากระดูกดำ แม้จะมีความแค้นกับผู้สืบทอดสายเอกพิสุทธิ์อย่างพวกเรา แต่ก็ไม่ใช่ความแค้นที่ต้องมีฝ่ายใดตายกันไปข้างหนึ่ง” มู่จวินว่า “เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิแพร ใช่ว่าจะต้องสู้ถึงที่สุด ด้วยพลังของเขา หากใจเขาคิดจะหนี ก็ยังยากจะรั้งไว้”
มู่จวินพูดพลางมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยรอยยิ้ม “ยิ่งไปกว่านั้น ถึงอย่างไรทวนพระอังคารก็เป็นอาวุธที่ราชันพระอังคารเคยพกติดตัว ถ้าหากไม่ใช่แค้นตาย จักรพรรดิแพรก็คงไม่สู้ถึงที่สุด”
“ส่วนความคิดที่จะสยบอาวุธเซียนชิ้นนี้ก็น่ายั่วยวนจริงๆ แต่ยังมิพักเอ่ยว่าเขาแตกต่างกับอาวุธเซียนชิ้นอื่นๆ แค่ราชันพระอังคารก็ทำให้ผู้คนเกิดความกริ่งเกรงแล้ว ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ว่ากันว่ายังไม่เสียชีวิต หากเขาไม่เอ่ยปาก เรื่องนี้ผู้ใดก็ต้องระวัง”
เขายื่นนิ้วออกมาสะกิดเยี่ยนจ้าวเกอ “เขากว่างเฉิงของสำนักท่านครอบครองตราประทับตะวันและมงกุฎจันทรายังพอว่า แม้ว่าจะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงที่แข็งแกร่งถึงขีดสุด ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่อาวุธเซียน ต่างจากสถานการณ์ของทวนพระอังคาร”
ขณะทั้งสองคุยกัน ปราณสีม่วงที่ยิ่งใหญ่ซึ่งครอบคลุมมิติก็ลอยเข้าไปในเรือนภาบัวแดง ก่อนจะหายไป
ผู้คนที่ชมดูการต่อสู้พากันเข้าใกล้เรือนภาบัวแดง เตรียมจะแสดงความยินดี
กระนั้นแม้ว่าจะได้รับการอนุญาตให้ขึ้นเรือ แต่ว่าจักรพรรดิแพรงามก็ไม่ได้พบหน้าทุกคน แต่ให้เทพธิดาสสารกำเนิดเถาอวี้ต้อนรับแทน
พวกเฉิงโม่ มู่จวิน หลิวเซี่ยงถงต่างจิตใจสั่นไหว
แม้ว่าจักรพรรดิแพรงามจะได้ชัยชนะในการต่อสู้กับทวนพระอังคาร แต่ก็อาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นจึงไม่มาพบแขก
แน่นอนว่าแม้จักรพรรดิแพรจะได้รับบาดเจ็บ อาการบาดเจ็บของทวนพระอังคารก็มีแต่จะสาหัสกว่า
พอเห็นแต่เพียงเถาอวี้ ไม่เห็นฟู่ถิง เยี่ยนจ้าวเกอก็มีการคาดเดาที่ต่างออกไป
เขากับฟู่ถิงได้ไปยังอาณาเขตของโถงเซียนมาโดยไม่ได้ตั้งใจ สำหรับยอดฝีมือระดับสูงของโลกซ้อนโลกแล้ว เกรงว่าจะเป็นการฝ่าฝืนข้อห้าม
หลังจากทราบถึงการดำรงอยู่ของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณและโถงเซียนแล้ว ฟู่ถิงแม้ว่าจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่ก็มีความรู้สึกประหลาด
เยี่ยนจ้าวเกอเชื่อว่า นั่นไม่ใช่เพราะนางไม่คิดเดามั่ว หรือเพราะเกิดความรู้สึกหลอน
หากยึดตามการกล่าวเตือนของจักรพรรดิแพรงาม ประมุขอาคเนย์ และประมุขอิสานที่คล้ายคลึงกันเมื่อก่อนหน้านี้ เยี่ยนจ้าวเกอเดาว่าความรู้สึกของฟู่ถิงไม่ผิดพลาด
จักรพรรดิแพรงามได้บุตรีเมื่อตอนชรา แต่กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ย่อมต้องรู้สึกวิตก
เยี่ยนจ้าวเกอถึงขั้นคิดว่า ก่อนหน้านี้จักรพรรดิแพรตามไม่ได้เจอฟู่ถิง หลังจากบรรลุถึงสถานที่สู้ตัดสินก็เปิดสงครามกับทวนพระอังคารทันที ดังนั้นกระทั่งหลังการต่อสู้ถึงค่อยทราบถึงสิ่งที่บุตรีเจอมา
ถ้าหากทราบก่อนต่อสู้ สงครามใหญ่ในวันนี้อาจจะเปลี่ยนเป็นการต่อสู้ถึงตายก็เป็นได้
………………..