ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 955 คำถามของเยี่ยนจ้าวเกอ
ฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้าย
ผู้วิเศษเซิง เสวียนเฉิงอ๋อง จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลาง
พักพรตสือ คังผิง เฮ่อตงเฉิง กู้จาง จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้น
นี่เป็นชื่อรายชื่อของยอดฝีมือที่ตายเพราะเขากว่างเฉิง
อีกทั้งยังถูกฆ่าทิ้งหมดสิ้นที่เขากว่างเฉิงในสงครามเดียวกันด้วย
ในสายตาของคนส่วนหนึ่ง บางทีอาจมีส่วนที่ไม่เป็นจริงอยู่บ้าง โดยเฉพาะเมื่อข่าวลือเรื่องอาวุธเซียนกระจายออกไป ก็ดึงดูดความสนใจของคนส่วนใหญ่
หากแต่เมื่อนึกดูให้ละเอียด กลับทำให้สยิวกายขึ้นมา
โดยเฉพาะพวกจวงเจาฮุยที่ตอนนี้ถูกเยี่ยนจ้าวเกอใช้ตราประทับตะวันกดไว้ด้านล่าง สัมผัสได้อย่างชัดเจนยิ่งกว่า
วินาทีนี้เขารู้สึกได้ว่า บางทีความสนใจไม่สมควรอยู่ที่อาวุธเซียนที่มีอยู่แค่ในเรื่องเล่า แต่ไม่มีแม้แต่เงาชิ้นนั้นมากนัก
สำหรับเขตตะวันอาคเนย์ สายตาของพวกเขาก็ไม่ควรจับจ้องเขาโถงทองเพียงอย่างเดียว
ในอดีตมีกี่ครั้งแล้วที่ตัวตนที่ไม่ได้รับความสำคัญ กลับกลายเป็นการคุกคามที่ส่งผลโดยตรง!
ขณะมองตราประทับตะวัน และมองเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง จวงเจาฮุยก็จิตใจสั่นไหว
‘คนผู้นี้หากปีนขึ้นสะพานเซียน จะสามารถกระตุ้นตราประทับตะวันได้อย่างสมบูรณ์แล้ว!’
ตราประทับตะวันแตกต่างกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงชิ้นอื่นโดยสิ้นเชิง
เยี่ยนจ้าวเกอจะปีนขึ้นสะพานเซียนได้หรือไม่
แม้จะเป็นศัตรู แต่จวงเจาฮุยก็ยอมรับ ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อย!
สิ่งที่แตกต่างอยู่ที่ เยี่ยนจ้าวเกอจะปีนขึ้นสะพานเซียนได้ตอนไหน
ขอแค่คิดถึงเมื่อหกปีก่อน เขายังเป็นแค่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ขั้นรวมรูป จิตใจของจวงเจาฮุยก็บิดเบี้ยวแล้ว
สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ เป็นเพราะการไหลของเวลาในโลกผืนสมุทรเร็วกว่าโลกซ้อนโลก ความจริงจึงผ่านมาไม่ต่ำกว่าหกปี
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น เมื่อพูดถึงอายุจริงแล้ว ความเร็วในการเพิ่มระดับของเยี่ยนจ้าวเกอก็น่าตื่นตระหนกยิ่ง
พอคิดถึงตรงนี้ สองคนจากเนินต้นจักรพรรดิก็ยิ่งรู้สึกย่ำแย่กว่าเดิม
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหกปีก่อน เยี่ยนตี๋บิดาของเยี่ยนจ้าวเกอยังได้ทลายนภาเห็นเทวะสำแดง ลอยจากโลกแปดพิภพขึ้นมายังโลกซ้อนโลก
ปัจจุบันหกปีผ่านไป ครั้งสุดท้ายที่เยี่ยนตี๋ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน ก็เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายแล้วเช่นกัน!
ในวินาทีนี้ จวงเจาฮุยค้นพบอย่างแท้จริงแล้วว่า ตนดูแคลนเยี่ยนจ้าวเกอ ดูแคลนเขากว่างเฉิงเกินไป
ตอนนี้เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถเตือนบิดาของตนเอง เตือนผู้อาวุโสและสหายในสำนักได้
ต่อให้จะต้องละทิ้งเรื่องของเขาโถงทองและกระดูกหงส์เพลิงก่อนชั่วคราว ก็ต้องรวบรวมพลัง จัดการภัยร้ายเช่นเขากว่างเฉิงให้ได้!
แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขื่นขมก็คือ อย่าว่าแต่ตอนนี้พวกเขาจะรอดชีวิตไปจากอารามเอกนิกายได้หรือไม่ ต่อให้ทำได้ พวกเขาก็ใช่ว่าจะมีโอกาสชดเชยความผิดพลาดเมื่อก่อนหน้า
ประมุขทักษิณจวงเซินบิดาของเขา หลังจากออกจากเขตเพลิงทักษิณไปเมื่อสองปีก่อนหน้านี้ จนกระทั่งถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้กลับมา
และสิ่งที่ย่ำแย่กว่าก็คือ ตามประสบการณ์ในอดีต จวงเซินจะไม่กลับมาในเวลาสองสามปีนี้
แน่นอนว่านอกจากจวงเซินแล้ว พวกประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ย ปัจจุบันก็ไม่ได้อยู่ที่สำนักของตัวเองเช่นกัน
แต่ว่าหากอ้างอิงจากการตายของฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อ ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายเป็นตัวอย่าง และอ้างอิงจากพลังที่แข็งแกร่งที่เยี่ยนจ้าวเกอได้แสดงออกมาในตอนนี้
ถ้าจวงเซินที่อยู่ในระดับประมุขในหมู่คนไม่ออกโรง แล้วเขาลีลาหงส์โจมตีสุดกำลัง จะทำลายเขากว่างเฉิงได้หรือไม่
พวกจวงเจาฮุยที่เริ่มให้ความสำคัญกับเขากว่างเฉิง ในตอนนี้ไม่มีความมั่นใจ
ยิ่งไปกว่านั้น ในเขตตะวันอาคเนย์ก็ยังมียอดฝีมือในท้องถิ่น ไม่มีทางนิ่งดูดายแน่
พอคิดถึงเรื่องนี้ ความรู้สึกของเขาก็คับข้องมากกว่าเดิมอย่างไม่อาจควบคุม
ตราประทับตะวันที่อยู่ด้านบนกดดันไม่หยุด กระดูกของคนทั้งสองกำลังส่งเสียงดังลั่น
ภายใต้การเผาไหม้ของดวงอาทิตย์อันโชติช่วง แสงสว่างสีทองเหมือนกับกำลังกลืนกินร่างกายของพวกเขา
เงามืดของความตาย วินาทีนี้กำลังปกคลุมยอดฝีมือจากเนินต้นจักรพรรดิสองคน
“จวงเจาฮุย เรามาแลกเปลี่ยนกันดีหรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอพลันกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง “ถ้าหากข้ามองไม่ผิด ในฐานะบุตรชายของประมุขทักษิณ ประมุขทักษิณสมควรเตรียมอะไรสักอย่างไว้บนร่างท่าน เพื่อให้ท่านรอดจากวิกฤตการณ์ที่ต้องตายแน่นอนไม่ต้องสงสัยเช่นวันนี้”
“ม้วนคัมภีร์หงส์เพลิงที่ท่านฝึกฝนปกป้องชีวิตท่านไว้ไม่ได้ แต่บิดาท่านอาจทำได้”
“ไม่ทราบข้ากล่าวถูกต้องหรือไม่”
ม่านตาของจวงเจาฮุยหดตัว
บนร่างเขามีกลไกที่ประมุขทักษิณจวงเซิน ผู้เป็นบิดาได้ทิ้งไว้อยู่จริงๆ
หลังจากที่การดับสิ้นของหงส์เพลิงของตัวเองถูกใช้ไปแล้ว ถ้าหากว่าต้องประสบกับภัยพิบัติอีก จะสามารถใช้กลไกที่จวงเซินทิ้งไว้ ได้โอกาสในการหนีรอดจากความตายเป็นครั้งที่สอง
นอกจากนี้ จะคืนชีพที่เนินต้นจักรพรรดิบนเขาลีลาหงส์ได้โดยตรง
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าจะมีอันตรายตามมา ก็สามารถเอาตัวรอดไปได้
วิธีการนี้สิ้นเปลืองมหาศาล ต้องแลกเปลี่ยนราคาสูง มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงตามมา
แต่ว่าเมื่อถึงห้วงความเป็นความตายจริงๆ ชีวิตย่อมสำคัญที่สุด
เรื่องนี้เป็นความลับสูงสุด แม้นจะเป็นบุรุษวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างผู้นั้นก็ไม่ทราบ ยามนี้พอได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หันไปมองจวงเจาฮุย
เยี่ยนจ้าวเกอใช้มือหนึ่งรองตราประทับตะวัน ในมืออีกข้างหนึ่งกำแผ่นหยกที่ได้จากอารามเอกนิกายไว้
แท่งหยกมีปราณสีดำสายหนึ่งลอยขึ้นมา เหมือนมีเหมือนไม่มี
ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าขอเตือนท่านก่อน ถ้าหากว่ามีลูกไม้เช่นนี้อยู่จริงๆ ต่อหน้าข้าใช่ว่าจะใช้ได้”
“สิ่งที่ข้าจจะตกลงกับท่านก็คือ ท่านตอบคำถามข้าข้อหนึ่ง ถ้าท่านมีความสามารถนี้ ข้าจะปล่อยท่านไปสักครั้ง”
“แต่ถ้าหากท่านไม่มี เช่นนั้นก็น่าเสียดายยิ่ง ท่านยังต้องตายอยู่ดี” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ “ดังนั้นไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่าข้าไม่ได้ต้องการให้ท่านตอบคำถามนี้ไม่ได้ กล่าวกันตามตรง ข้ายินดีเชือดท่านทิ้งมากกว่า”
ชายหนุ่มพูดพลาง เพิ่มแรงที่มือต่อ
ตราประทับตะวันสั่นไหว เหมือนกับขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็นดวงอาทิตย์ที่แท้จริง
กายเนื้อของจวงเจาฮุยและบุรุษวัยกลางคนผู้นั้นมอดไหม้พร้อมกัน!
พวกเขากลายเป็นหงส์เพลิงสองตัว ดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิต แต่ก็ไร้ประโยชน์
คนสองคนส่งเสียงคำรามและเสียงโหยหวนพร้อมกัน จากสูงสุดไปถึงต่ำสุด สุดท้ายก็หายไป
เยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจมอง เห็นหงส์เพลิงที่เกิดจากบุรุษวัยกลางคนผู้นั้นสิ้นสูญหมดสิ้น ไร้ซากศพหลงเหลือ วิญญาณสลายหาย
แต่ว่าหงส์เพลิงที่เกิดจากจวงเจาฮุย หลังจากดับสิ้นแล้ว ก็ถึงกับปรากฏเป็นเปลวเพลิงกลุ่มหนึ่ง
เปลวเพลิงนั้นทำลายมิติอย่างเลือนราง กำลังจะเคลื่อนห่างออกไป
มิติที่เปลวไฟอยู่ตอนนี้เหมือนกับหลุดออกจากโลกของอารามเอกนิกาย สร้างโลกของตัวเองขึ้นมา พริบตานี้ตราประทับตะวันเหมือนไม่อาจแทรกแซงได้
“ไปไม่ได้ๆ” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเหอะๆ ยื่นฝ่ามืออกมา กลางฝ่ามือปรากฏสภาวะโกลาหล
ความโกลาหลกระจายไปทั่ว ถึงกับดูดเปลวเพลิงกลุ่มนั้นไว้!
ในเปลวเพลิงมีคลื่นสติส่งออกมา
ใบหน้าของจวงเจาฮุยค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากด้านใน มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างตะลึงลาน
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเอื่อยเฉื่อย “ประเสริฐมาก ตอนนี้ดูเหมือนพวกเราจะมีที่ให้เจรจากันแล้ว เพียงแต่ท่านยินยอมหรือไม่”
“ตอนที่อยู่ในดินแดนสุทธทัศน์บนทะเลหวงเจีย ก่อนที่ท่านจะไป ท่านพาสตรีที่มีชื่อว่าเมิ่งหว่านไปด้วย ได้ยินว่าสำนักท่านมีผู้อาวุโสรุ่นก่อนชื่อหลิวเซี่ยนถิง ถ้าข้าทายไม่ผิด พวกนางเป็นแม่ลูกกันกระมัง”
เขามองจวงเจาฮุย “คำถามของข้าคือ บิดาของเมิ่งหวานเป็นผู้ใด”