CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 51 ถึงต้ายง (2)

  1. Home
  2. ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ
  3. ตอนที่ 51 ถึงต้ายง (2)
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ขณะที่หลี่อันกำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความชิงชังอยู่นั้น ภายในวังหลังก็เต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน ฮองเฮาสกุลโต้วผู้เป็นมารดาแท้ๆ ของรัชทายาทหลี่อัน จ่างซุ่นกุ้ยเฟยผู้เป็นมารดาแท้ๆ ขององค์หญิงฉางเล่อ เยี่ยนกุ้ยเฟยมารดาแท้ๆ ของฉีอ๋อง และจี้กุ้ยเฟย ทั้งสี่รวมตัวกันอยู่ในตำหนักฮองเฮาแล้ว

ไม่นานก่อนหน้านี้พวกนางได้รับรายงานว่าขบวนเสด็จขององค์หญิงฉางเล่อเข้ามายังเขตพระราชวังแล้ว คนทั้งหลายต่างมองไปด้านหน้าด้วยความเฝ้าหวัง หลายปีมานี้จ่างซุนกุ้ยเฟยร้องไห้จนน้ำตาแห้งเหือดไปแล้ว บุตรชายหลายคนล้วนตายจาก บุตรีเพียงหนึ่งเดียวก็ต้องแต่งงานไปไกลถึงหนานฉู่ คราวนี้ได้ยินว่ายงอ๋องรับตัวบุตรีกลับมา จ่างซุนกุ้ยเฟยจึงนั่งไม่ติดที่นานแล้ว

ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าเร่งร้อนดังแว่วมาจากนอกประตู ขันทีและนางข้าหลวงหลายคนเดินเข้ามาทูลรายงาน กล่าวว่าองค์หญิงรอพระราชเสาวนีย์อยู่นอกตำหนัก ฮองเฮาสกุลโต้วจึงรีบพูดว่า “ยังรอพระราชเสาวนีย์อันใดอีก ยังไม่รีบให้ลูกเข้ามาอีก”

เพียงไม่นานองค์หญิงฉางเล่อในอาภรณ์สีม่วงก็เดินเข้ามา กลั้นน้ำตาถวายพระพรฮองเฮา จากนั้นจึงโถมเข้าสู่อ้อมกอดของมารดาตน ร้องไห้สะอึกสะอื้น จ่างซุนกุ้ยเฟยก็ยิ่งร้องไห้แทบขาดใจ นางมองดวงหน้าซูบเซียวขององค์หญิงฉางเล่อ กล่าวด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าว่า “เจินเอ๋อร์ เจ้าแต่งงานไปหนานฉู่ตั้งแต่อายุสิบห้า หกปีมานี้แม่จุดธูปสวดมนต์ภาวนาทุกวัน หวังว่าเจ้าจะปรองดองกับสามี แต่ก็กังวลว่าสองแคว้นทำศึกกันจะทำให้สามีเจ้าร้ายมากกว่าดี ตอนนี้เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว ใจของแม่จึงค่อยสงบลงได้ เจินเอ๋อร์ เจ้าวางใจเถิด เสด็จพ่อของเจ้ารับปากแล้วว่าจะเลือกสามีคนใหม่ให้เจ้าดีๆ คราวนี้แม่จะจัดการให้เจ้าเอง จะต้องหาสามีที่น่าพอใจให้เจ้าแน่นอน”

ฮองเฮาสกุลโต้วน้ำตาไหล กล่าวไปว่า “เด็กดี เจ้าอยู่ที่หนานฉู่ได้รับความลำบากแล้ว ข้ากินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงเจ้า คราวนี้ข้าทูลกับฝ่าบาทแล้วว่าเจ้ายอมเสียสละมากมายเพื่อต้ายง ไม่ว่าใครก็ห้ามคิดใช้เจ้าอีก คราวนี้หากเจ้าต้องใจผู้ใด ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง”

องค์หญิงฉางเล่อยกแขนเสื้อปิดหน้าเล็กน้อย กล่าวว่า “เสด็จแม่ พระมารดา ฉางเล่อรับพระบัญชาจากเสด็จพ่อให้ไปแต่งงานไกลถึงหนานฉู่ แม้ยามนี้กลับมาแล้ว แต่จะอย่างไรก็เป็นมเหสีของเจ้าแคว้นหนานฉู่ ลูกมิอาจทนรับความอัปยศได้อีก พระสวามียังอยู่จะแต่งงานให้ผู้อื่นได้อย่างไร พระสนมทุกท่านโปรดให้ความยุติธรรมแก่ลูก โปรดให้ลูกอยู่ข้างกายพระมารดา ใช้ชีวิตสงบสุขไปอีกสักหลายปี ให้ลูกได้แสดงความกตัญญูต่อเสด็จพ่อและหมู่เฟยด้วยเถิด”

พระสนมทั้งหลายมองหน้าสบตากัน เมื่อคิดดูแล้วก็นับว่าลำบากใจจริงๆ ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไร สุดท้ายฉางเล่อก็แต่งกับเจ้าแคว้นหนานฉู่ไปแล้ว ไม่อาจจัดแจงให้แต่งงานใหม่ได้จริงๆ จ่างซุนกุ้ยเฟยคิดถึงองค์ชายทั้งสองของตนที่จากโลกนี้ไปตั้งแต่ยังเยาว์ ส่วนธิดาเพียงหนึ่งเดียวก็ต้องมีชะตาชีวิตยากลำบากเพียงนี้ ทำให้นางยิ่งร้องไห้อย่างอดไม่อยู่

ตอนนี้เอง จี้กุ้ยเฟยเดินมาข้างกายฉางเล่อ กล่าวปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “องค์หญิงไม่จำเป็นต้องเสียใจ ฝ่าบาทย่อมจัดแจงอย่างเหมาะสม ไม่ปล่อยให้องค์หญิงต้องพบความลำบากแน่นอน”

พระสนมทั้งหลายท่านรู้ดีว่าจี้กุ้ยเฟยมีส่วนร่วมในงานใหญ่เช่นเรื่องทหารหรือแว่นแคว้นมานานแล้ว เห็นนางกล่าวเช่นนี้จึงรู้สึกวางใจลงได้ พระสนมทั้งหลายล้วนเป็นสตรีในวังหลัง เรื่องโหดเหี้ยมอำมหิตใดบ้างที่ไม่เคยเห็น แต่ในเมื่อฝ่าบาทมีความคิดเช่นนี้ แสดงว่าจ้าวเจียคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

องค์หญิงฉางเล่อได้ยินดังนั้นก็คิดวนเวียนไปหลายตลบ แม้นางไม่มีความรู้สึกรักใคร่อันใดต่อจ้าวเจีย แต่จ้าวเจียปฏิบัติต่อนางอย่างให้เกียรติมาตลอด ตอนนี้เรื่องราวพัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว ตนกลับกลายเป็นสตรีอำมหิตที่ทำร้ายสามี จึงอดหลั่งน้ำตาด้วยความรวดร้าวไม่ได้

จี้กุ้ยเฟยมีนิสัยเปิดเผย รีบพูดหยอกล้อไปหลายคำ สุดท้ายจึงทำให้องค์หญิงฉางเล่อคลายความกังวลไปได้ จ่างซุนกุ้ยเฟยก็พูดด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าว่า “เจินเอ๋อร์ แม่ดูแลตำหนักชุ่ยหลวนของเจ้าให้แล้ว มา คุกเข่าลาฮองเฮาและพระสนมทั้งหลายก่อน แล้วพวกเราไปดูที่พำนักของเจ้ากัน”

ฮองเฮาและคนอื่นๆ ต่างแย้มยิ้มเร่งให้จ่างซุนกุ้ยเฟยไปจัดเตรียมที่พำนักให้ฉางเล่อ จี้กุ้ยเฟยกล่าวว่า “โธ่ ให้พี่หญิงจัดการคนเดียว คล้ายว่าพวกข้าไม่รักใคร่ฉางเล่ออย่างไรอย่างนั้น ข้าอายุน้อยกว่า ให้ข้าไปจัดการเถิด”

เดิมทีจี้กุ้ยเฟยทะนงตนที่สุด เมื่อเห็นนางเจตนาประจบประแจงเช่นนี้ จ่างซุนกุ้ยเฟยย่อมไม่ปฏิเสธ ทั้งสามอำลาฮองเฮาแล้วเดินไปยังตำหนักชุ่ยหลวนด้วยกัน ในตำหนักถูกปรับเปลี่ยนการตกแต่งจนใหม่เอี่ยม นางข้าหลวงและขันทีที่จ่างซุนกุ้ยเฟยคัดเลือกด้วยตนเองกำลังรอการกลับมาของเจ้านาย สัมภาระขององค์หญิงฉางเล่อถูกย้ายมาที่นี่ก่อนแล้ว หญิงรับใช้มากความสามารถที่ติดตามองค์หญิงฉางเล่อไปยังหนานฉู่ก็จัดการข้าวของเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

องค์หญิงฉางเล่อประคองจ่างซุนกุ้ยเฟยเดินไป ฟังเสียงมารดาพูดคุยเจื้อยแจ้วเรื่องต่างๆ สองแม่ลูกพากันดื่มด่ำไปกับช่วงเวลาเปี่ยมสุขของครอบครัว จี้กุ้ยเฟยที่เดินอยู่ด้านข้างร่วมสนทนาเป็นบางครั้ง นางเชี่ยวชาญเรื่องการพูดการจาจึงไม่ทำให้สองแม่ลูกรู้สึกว่ามีคนนอกอยู่ด้วยแล้วไม่สบายใจ

ผ่านไประยะหนึ่ง จ่างซุนกุ้ยเฟยที่อายุมากแล้ว แม้จะยินดียิ่งแต่ก็อดเหน็ดเหนื่อยมิได้ องค์หญิงฉางเล่อเป็นห่วงสุขภาพของมารดา คิดให้มารดากลับตำหนักเสียก่อน จ่างซุนกุ้ยเฟยเข้าใจความกังวลของบุตรีจึงบอกให้นางพักผ่อนดีๆ ส่วนตนก็กลับไปพักผ่อนที่ตำหนัก

จี้กุ้ยเฟยหาข้ออ้างรั้งอยู่ทำให้องค์หญิงฉางเล่อรู้สึกฉงนอยู่บ้าง แต่นางเป็นมเหสีอยู่ที่หนานฉู่มานานหลายปี แม้จะอยู่อย่างสันโดษ ทว่าสภาพแวดล้อมมักหล่อหลอมผู้คน ทำให้นางมีบุคลิกของมารดาแห่งแคว้นอยู่บ้าง ดังนั้นนางจึงรอให้จี้กุ้ยเฟยแสดงจุดประสงค์อย่างสงบนิ่ง

จริงดังคาด เพียงไม่นานจี้กุ้ยเฟยก็ให้ทุกคนออกไป ถามนางด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่า “องค์หญิง เหลียงหวั่นปรนนิบัติองค์หญิงมาหลายปี เหตุใดคราวนี้นางจึงกลับมาในสภาพเช่นนี้เล่า หลานสาวคนนี้ของข้าวิ่งเต้นมานานหลายปี แต่กลับต้องมีจุดจบเช่นนี้ จะไม่ให้ข้าปวดใจได้อย่างไร”

องค์หญิงฉางเล่อใจสั่น เสด็จพี่หลี่จื้อถามตนเรื่องเหลียงหวั่นมาหลายครั้งแล้ว อีกทั้งนางเคยได้ยินมานานว่าจี้กุ้ยเฟยผู้นี้เป็นคนในยุทธภพ และรู้มาคร่าวๆ ว่าจี้กุ้ยเฟยเป็นคนผลักดันเหลียงหวั่น จึงเล่าเรื่องที่ตนประสบพบเจอไปอย่างไม่ปิดบัง

จี้กุ้ยเฟยฟังอย่างจริงจัง ในตอนที่นางได้ยินว่าเหลียงหวั่นลอบโจมตีบุรุษอาภรณ์ดำผู้นั้นไปหนึ่งกระบวนท่าแต่กลับถูกจับกุมเสียเอง พลันเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา ถามว่า “องค์หญิง ท่านว่าเหลียงหวั่นไม่มีโอกาสลงมือตอบโต้เลยหรือ”

องค์หญิงเหลียงหวั่นกล่าวอย่างถ่อมตัว “ข้าก็ไม่เข้าใจนัก รู้สึกว่าเพียงคนผู้นั้นยื่นมือมาก็จับกุมพี่เหลียงได้แล้ว”

จี้กุ้ยเฟยถามต่อ “แล้วบุรุษอาภรณ์ดำผู้นั้นมีลักษณะเด่นอย่างไร”

องค์หญิงฉางเล่อหวนคิดถึงความทรงจำของตน วันนั้นนางมองดูเหลียงหวั่นถูกจับด้วยใจอันหวาดกลัว จากนั้นสายลับแต่ละคนก็ถูกพันธนาการ คนชุดดำเดินมาเบื้องหน้าตน ตวัดมือสังหารหญิงรับใช้ที่คิดลอบสังหารเขาจนตกตาย ขณะที่อีกฝ่ายยืนอยู่เบื้องหน้า นางกำปิ่นแน่น คิดว่าหากคนผู้นี้มีท่าทีล่วงเกินแม้แต่น้อยจะฆ่าตัวตายไปเสีย แต่กลับได้ยินเสียงเล็กแหลมดุจสตรีกล่าวว่า “พระมเหสี ไม่ต้องกังวล พวกเราไม่ใช่คนหนานฉู่ เชิญท่านไปสถานที่แห่งหนึ่งกับพวกเราก่อน เมื่อเรื่องราวเสร็จสิ้นพวกเราจะส่งท่านไปพบยงอ๋อง”

ขณะกล่าวก็ประคองนางขึ้นมา ตอนนั้นในดวงตาของนางเต็มไปด้วยภาพหญิงรับใช้ถูกสังหาร อีกทั้งร่างกายสูงศักดิ์ก็ไม่เคยถูกบุรุษที่ไม่เกี่ยวข้องแตะต้องมาก่อน ดังนั้นจึงหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง เมื่อตนได้ยินเสียงของอีกฝ่ายกลับรู้สึกคล้ายเสียงของภูตผี

ยามนั้นนางสั่นไปทั้งตัว คิดใช้ปิ่นทองแทงลำคอไปเสีย แต่กลับถูกคนผู้นั้นขวางไว้ กล่าวอย่างจนใจว่า “พระมเหสีสบายใจได้ นายท่านของข้าไม่มีเจตนาชั่วช้าต่อท่าน ส่วนข้าก็เป็นขันที มิอาจทำให้ความบริสุทธิ์ของท่านแปดเปื้อน”

ขณะกล่าวก็สกัดจุดนางจนนางรู้สึกตาพร่า ไม่นานก็เสียสติรับรู้ไป ขณะถูกคุมขังอยู่ในห้องอันมืดมิด ผู้ที่มาปรนนิบัติรับใช้นางก็คือคนชุดดำผู้นั้น องค์หญิงฉางเล่อเชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นขันทีจริงๆ เมื่อดูจากความคุ้นเคยกับพิธีรีตองของเขาแล้วก็รู้ได้ว่าเป็นคนในพระราชวังหนานฉู่ ดังนั้นนางจึงไม่เชื่อว่าตนจะได้รับอิสระ จนกระทั่งวันนั้น นางพบกับสายลับที่คอยคุ้มครองนางอีกครั้ง พวกเขาคุกเข่าขอรับโทษ ส่วนข้างกายคือเหลียงหวั่นที่สติปัญญาด้อยคล้ายเด็กไปแล้ว พวกเขาคุ้มครองนางออกไปจนได้พบกับเสด็จพี่ ยิ่งไปกว่านั้นยังเห็นพวกเขาฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อตา โลหิตสีแดงอาบย้อมไปทั้งพระตำหนัก

สุดท้ายนางก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะคุ้มครองตนมาส่ง ไม่ว่าตนจะถามอย่างไรพวกเขาก็ทำเพียงขออภัย นางจึงเริ่มเข้าใจแล้วว่าการฆ่าตัวตายของพวกเขาจะต้องเป็นเงื่อนไขของชายชุดดำเหล่านั้นแน่ ส่วนพวกเขาก็รับปากเพื่อจะคุ้มกันตนมาส่ง

หากว่ากันตามเหตุผล นางสมควรเกลียดชังคนชุดดำเหล่านั้น แต่ที่น่าแปลกใจก็คือนางไม่รู้สึกขุ่นแค้นเกลียดชังแม้แต่น้อย เพราะคนเหล่านั้นมิได้สร้างความยุ่งยากให้ตนสักนิด การที่พวกเขาปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ก็นับเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายอย่างหนึ่งเช่นกัน อย่างน้อยตนก็ได้ยินเสียงของพวกเขาแล้ว ทั้งยังรู้ว่ามีคนผู้หนึ่งเป็นขันทีด้วย แต่นางก็ไม่ได้บอกเสด็จพี่ เพราะแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ตั้งเงื่อนไขใดกับนาง แต่จะอย่างไรการที่พวกเขาไม่สังหารนางก็ถือว่ามีบุญคุณต่อนางแล้ว

จี้กุ้ยเฟยเห็นองค์หญิงฉางเล่อเหม่อลอยก็รู้สึกทนไม่ไหวอยู่บ้าง ทว่านางรู้ดี นี่อาจทำให้องค์หญิงจำเรื่องบางอย่างได้ จึงได้แต่รอด้วยใจอดทน เนิ่นนานผ่านไปองค์หญิงจึงกล่าวขึ้นอย่างเหม่อลอย “ข้าจำได้เพียงว่า พวกเขาทำงานมีระบบระเบียบคล้ายทหาร มีวินัยเคร่งครัด ทั้งยังปฏิบัติต่อข้าอย่างมีมารยาท ส่วนเรื่องอื่นไม่มีอะไรเป็นพิเศษ คนชุดดำเหล่านั้นร่างกายไม่สูง ดวงตาเย็นชา มีเพียงเท่านี้”

จี้กุ้ยเฟยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “คนเหล่านั้นเป็นคนต้ายงหรือคนหนานฉู่”

องค์หญิงฉางเล่อมองจี้กุ้ยเฟยด้วยสายตาแปลกใจ “พวกเขาคงไม่ใช่คนต้ายง เพราะคนที่ข้าเห็นไม่สูงใหญ่เหมือนคนต้ายง”

จี้กุ้ยเฟยเผยรอยยิ้มเย็นยะเยือกออกมา “องค์หญิงเดินทางยากลำบาก พักผ่อนให้ดีเถิด ข้าขอตัวก่อน”

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 51 ถึงต้ายง (2)"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์