ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 2 ตำนานเฟิงอี้ (2)
หลังจากจงหยวนสงบลงเล็กน้อย หลี่หยวนก็สู่ขอฟ่านฮุ่ยเหยา ทว่าฟ่านฮุ่ยเหยาผู้ชาญฉลาดกลับปฏิเสธ นางผู้เป็นเจ้าสำนักเฟิงอี้เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะไม่แต่งงานชั่วชีวิต นี่เป็นการรักษาจุดยืนของนาง แต่ยังคงส่งจี้เสีย ศิษย์สำนักเฟิงอี้มาปรนนิบัติหลี่หยวนเป็นการส่วนตัว หลังจากนั้นไม่นาน หลี่หยวนก็แต่งตั้งซวี่เสวียนโต้วซื่อเป็นฮองเฮา แต่งตั้งจี้เสียเป็นสนมชั้นกุ้ยเฟย เมื่อการเมืองในต้ายงเริ่มสงบ ฟ่านฮุ่ยเหยาก็กลับไปฝึกตนที่สำนักเฟิงอี้ ไม่ถามไถ่เรื่องทางโลกอีก ทว่าอำนาจของนางกลับเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากฟ่านฮุ่ยเหยารับช่วงต่อ สำนักเฟิงอี้ก็ตั้งกฎสำนักขึ้นใหม่ นางกำหนดให้สำนักเฟิงอี้แบ่งเป็นฝ่ายนอกกับฝ่ายใน โดยฝ่ายในแบ่งเป็นโถงชุนเจียง โถงจินหลุ่ย โถงหานซวง รวมทั้งสิ้นสามโถง โดยมีโถงชุนเจียงเป็นศูนย์กลางอำนาจของสำนักเฟิงอี้ ศิษย์ในโถงล้วนเป็นผู้มีความสามารถที่ทำงานคนเดียวได้ มีอำนาจโยกย้ายสมาชิกทั้งหมด ไม่มีข้อจำกัดทางอำนาจ ส่วนโถงจินหลุ่ยมีหน้าที่ควบคุมบทลงโทษและการเลื่อนตำแหน่ง ซึ่งหมายรวมถึงการประหารด้วย โถงหานซวงรับผิดชอบด้านการทำศึกสงคราม เหล่าลูกศิษย์ในโถงล้วนเป็นผู้มีวรยุทธ์โดดเด่น เป็นมือสังหารโหดเหี้ยมไร้ใจ
ศิษย์ฝ่ายในต้องสาบานว่าจะไม่แต่งงานชั่วชีวิต มีเพียงสตรีคุณสมบัติเหนือสามัญที่สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อสำนักเฟิงอี้ตราบจนตัวตายเท่านั้นจึงจะเข้าร่วมได้ ส่วนฝ่ายนอกนั้นหมายรวมถึงสมาชิกสำนักสาขาในแต่ละพื้นที่ของสำนักเฟิงอี้ด้วย
ฟ่านฮุ่ยเหยาจะบันทึกชื่อเหล่าศิษย์ที่นางรับเข้าสำนักเพื่อขยายอำนาจ อย่างไรก็ดี มีเพียงสตรีที่เข้าร่วมสำนักได้ ทำให้ภายในของสำนักเฟิงอี้เป็นความลับยิ่ง ยากจะแยกว่าศิษย์คนหนึ่งคือศิษย์ฝ่ายนอกหรือฝ่ายใน ทว่าหากศิษย์ผู้นั้นแต่งงานจึงจะรู้ว่านางต้องเป็นศิษย์ฝ่ายนอกแน่นอน
วิธีการของฟ่านฮุ่ยเหยาอัศจรรย์ยิ่ง นางเริ่มต้นด้วยการสร้างความสัมพันธ์อันสนิทชิดเชื้อกับราชสำนักต้ายงโดยรับบุตรีของขุนนางมากมายเข้ามาเป็นศิษย์ ต้ายงนิยมวรยุทธ์ ขุนนางเหล่านั้นก็ชอบให้บุตรีฝึกฝนวรยุทธ์ สำนักเฟิงอี้จึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชวงศ์มาก และด้วยลูกศิษย์ทั้งหมดล้วนเป็นสตรี ฟ่านฮุ่ยเหยาจึงรวบรวมเงินจากขุนนางได้อย่างสะดวกราบรื่น นางคัดเลือกอัจฉริยะในหมู่คนเหล่านั้นอย่างจริงจัง สตรีบางคนเลื่อมใสในบารมีของสำนักเฟิงอี้ถึงขั้นยินดีไม่แต่งงานชั่วชีวิตเพื่อเข้าร่วมฝ่ายใน นางยังใช้ความสัมพันธ์ที่มีต่อขุนนางในราชสำนักชุบเลี้ยงศิษย์ที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมและรูปโฉมไม่ธรรมดาขึ้นมา แล้วส่งไปแต่งานกับตระกูลใหญ่จำนวนมาก
แม้ศิษย์สตรีเหล่านี้จะมีที่มาแตกต่าง ทว่าเมื่อได้รับการสอนสั่งชี้แนะจากเจ้าสำนักเฟิงอี้ก็กลายเป็นบุคคลยอดเยี่ยม เป็นสตรีโดดเด่นที่มีครบทั้งบุ๋นและบู๊ ดังนั้นบุตรหลานของขุนนางต้ายงจึงนิยมแต่งศิษย์ที่ถูกจารึกชื่ออยู่ในโถงนอกของสำนักเฟิงอี้เพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล เมื่อเป็นเช่นนี้ สำนักเฟิงอี้ของฟ่านฮุ่ยเหยาและขุนนางแห่งต้ายงจึงมีความสัมพันธ์แนบแน่นที่เกี่ยวพันกันถึงราก หากฟ่านฮุ่ยเหยาต้องการ ก็สั่นสะเทือนวงสังคมของต้ายงได้เลยทีเดียว
มิต้องกล่าวถึงผู้อื่น ดูอย่างเช่นกุ้ยเฟยสกุลจี้ของจักรพรรดิต้ายงเถิด นางก็เป็นศิษย์น้องของฟ่านฮุ่ยเหยาเช่นกัน นางมีส่วนร่วมในงานใหญ่ระดับแว่นแคว้นและการทหารอยู่บ่อยๆ ส่วนเซียวหลัน ชายารองขององค์รัชทายาทก็ให้กำเนิดซื่อจื่อนานแล้ว เกรงว่าตำแหน่งของชายาเอกคงยากจะรักษาไว้เช่นกัน ส่วนฉินเจิงผู้เป็นชายาฉีอ๋องก็มีความสามารถเหนือผู้คน เดิมทีนางอยากเข้าฝ่ายในของสำนักเฟิงอี้ ทว่าบิดามีบุตรตรีเพียงคนเดียวจึงขอร้องเจ้าสำนักเฟิงอี้อย่างยากลำบาก สุดท้ายฟ่านฮุ่ยเหยาจึงได้ปฏิเสธคำขอเข้าฝ่ายในของนาง และต่อมานางไปตกหลุมรักฉีอ๋อง จึงหมั้นหมายไว้ก่อนเพื่อเป็นชายาของเขา
นอกจากนี้แล้ว ฟ่านฮุ่ยเหยายังเคยคิดให้เหลียงหวั่นผู้เป็นศิษย์รักแต่งเป็นชายารองของยงอ๋องหลี่จื้อด้วย ทว่าหลี่จื้อปฏิเสธอ้อมๆ ว่ากันว่าเป็นเพราะหลี่จื้อและพระชายาจากสกุลเกามีความรักที่ดีต่อกัน ยามหลี่จื้อกรีธาทัพออกทำศึก เกาซื่อไม่เพียงดูแลบ้านอย่างเข้มงวด ทั้งยังให้ความเคารพขุนพลและเสนาธิการใต้บัญชาของหลี่จื้อเป็นอย่างดีด้วย นับเป็นลูกสะใภ้ที่หลี่หยวนชื่นชมและเป็นภรรยาที่ดี นอกจากนี้หลี่จื้อยังมีชายารองอีกสองคน ซึ่งล้วนแต่เป็นหญิงรับใช้ที่แต่งเข้ามาเป็นเพื่อนเกาซื่อ ทั้งสองฝ่ายให้ความเคารพซึ่งกันและกันจนกลายเป็นเรื่องเล่าขานอันดีงามของต้ายง มิเช่นนั้นสำนักเฟิงอี้คงไม่ปล่อยไว้เป็นแน่
หากจะกล่าวว่ามีสิ่งใดไม่เป็นไปตามปรารถนาของเจ้าสำนักเฟิงอี้นั้นก็คือ ข้อหนึ่ง แม้จี้กุ้ยเฟยจะได้รับความเชื่อใจจากจักรพรรดิต้ายง แต่ในด้านความโปรดปรานกลับมิอาจเทียบฮองเฮาและสนมชั้นกุ้ยเฟยคนอื่นๆ โต้วซื่อผู้เป็นฮองเฮามีจิตใจงดงามมากคุณธรรม ทั้งยังเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดองค์รัชทายาท ดังนั้นจึงมิขาดคุณสมบัติในการเป็นมารดาของแผ่นดิน นั่งตำแหน่งฮองเฮาอย่างมั่นคงยิ่ง
จ่างซุนกุ้ยเฟยแม้จะเสียองค์ชายรองและองค์ชายสี่ไปแล้วแต่ยังมีองค์หญิงฉางเล่ออยู่ จักรพรรดิต้ายงรู้สึกผิดต่อจ่างซุนกุ้ยเฟยมาก จึงค่อนข้างตามใจนาง ส่วนเหยียนกุ้ยเฟยเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของฉีอ๋อง มีนิสัยเปิดเผยใจกว้าง เป็นสนมที่ได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิมากที่สุดในวัง
หากกล่าวถึงความรัก จี้กุ้ยเฟยยังมิสู้ฮองเฮาและกุ้ยเฟยทั้งสอง หากกล่าวถึงรูปโฉมและความเยาว์ ก็มิอาจสู้คนงามมากมายที่จักรพรรดิต้ายงรับเข้ามาใหม่ ดังนั้นแม้จะได้รับความเชื่อใจจากจักรพรรดิต้ายง แต่กลับด้อยด้านความโปรดปรานไปบ้าง ยิ่งไปกว่านั้น จนกระทั่งวันนี้ก็ยังไม่มีทายาท นับเป็นเรื่องน่าเสียดายอีกเรื่องหนึ่ง
ข้อสอง เซียวหลันชายารองในองค์รัชทายาท แม้จะได้รับความโปรดปรานจากรัชทายาท ทั้งยังให้เกิดเนิดบุตรชายแล้ว แต่รัชทายาทกลับรักใคร่ซื่อจื่อของตนเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีความคิดจะแบ่งปันความรักความโปรดปรานให้บุตรชายของชายาคนอื่นๆ เลย ดูจากรูปการณ์แล้ว หากหลี่อันได้ตำแหน่งจักรพรรดิ คงมีเพียงบุตรชายของชายาเอกที่จะได้ตำแหน่งรัชทายาทไปครอง
ข้อสามก็คือ แม้ฉีอ๋องจะแต่งงานแล้วแต่ยังคงนิสัยเสเพลดังเดิม แม้จะดีต่อฉินเจิงไม่เลว แต่เรื่องซ่อนสาวสวยในห้องทอง[1]ก็ยังมิด้อยไปกว่าเมื่อก่อน เขามีบุตรจากอนุภรรยาหลายคน แม้ฉินเจิงไม่พอใจ แต่ก็สิ้นไร้หนทาง
นอกจากนี้มิใช่ว่าสำนักเฟิงอี้จะไม่มีผู้ต่อต้าน องค์ชายสามหลี่คัง เกิดมามีฐานะต้อยต่ำ มารดาเป็นนางข้าหลวงที่ถูกแต่งตั้งเป็นอี๋ผิน แม้ไม่ได้รับความโปรดปราน แต่อี๋ผินมีนิสัยโอนอ่อนเชื่อฟังและไม่เคยคิดแย่งชิงความโปรดปราน มีเพียงใจคิดเลี้ยงดูบุตรชายเท่านั้น หวังเพียงว่าเมื่อบุตรชายได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องจะออกจากวังไปอยู่จวนอ๋องอย่างพร้อมหน้าเปี่ยมสุข ทว่ายามที่หลี่หยวนกลับเมืองเป็นครั้งแรก ขณะรับสนมและจัดงานเลี้ยงฉลองกินดื่มอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีคนพรรคมารมาลอบสังหาร เพื่อปกป้องหลี่หยวน จี้กุ้ยเฟยจึงผลักอี๋ผินเข้าขวางดาบที่เสือกแทงเข้ามา แม้หลี่หยวนจะปลอดภัยไร้อันตราย แต่อี๋ผินกลับตกตายดุจหยกที่แหลกลาญ แม้หลี่หยวนจะแต่งตั้งอี๋ผินเป็นสนมขั้นเฟยย้อนหลัง ทั้งยังจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ แต่หลี่คังยังคงเคืองแค้นอย่างมิอาจสงบ เรียกร้องให้จี้กุ้ยเฟยชดใช้ด้วยชีวิตแต่ไม่สำเร็จ จึงออกไปจากวังด้วยความแค้นที่อัดแน่น และกลับมาในอีกหลายปีต่อมาพร้อมร่างกายที่ฝึกวรยุทธ์มาเป็นอย่างดี เขาเคยลอบสังหารจี้กุ้ยเฟยต่อหน้าผู้คนมากมายแต่ไม่สำเร็จ หลี่หยวนคิดว่าเขามีความทุกข์ที่สูญเสียมารดาจึงมิได้ตำหนิ ทั้งยังแต่งตั้งเขาเป็นชิ่งอ๋องให้ไปรักษาการณ์ที่ตงชวน แม้หลี่คังจะถูกประณามเพียงไรก็ไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ในพื้นที่ที่เขาปกครองกีดกันสำนักเฟิงอี้เป็นอย่างยิ่ง ทว่าความเห็นใจของหลี่หยวนและการช่วยเหลือลับๆ ของยงอ๋องทำให้หลี่คังนั่งปกครองตงชวนได้อย่างมั่นคง
นอกจากนี้ยังมีหลานชายของหลี่หยวนนามว่าเจียงหย่งอีกผู้หนึ่ง องค์หญิงใหญ่นิ่งฮว๋าผู้มีศักดิ์เป็นพระเชษฐภคินีของหลี่หยวนแต่งงานกับเจียงอู๋หยาผู้เป็นเจ้าแคว้นในดินแดนหนึ่ง ต่อมาสองฝ่ายทำสงครามกัน เจียงอู๋หยาถูกมือสังหารของสำนักเฟิงอี้ลอบสังหาร องค์หญิงใหญ่ฆ่าตัวตาย เจียงหย่งบันดาลโทสะหนักหนากระทั่งทำสงครามกับต้ายงแต่กลับพ่ายแพ้ที่ซูโจว สุดท้ายเจียงหย่งพามิตรสหายเก่าที่เหลือรอดออกเดินทางไกลไปยังตงไห่ (ทะเลบูรพา) กลายเป็นโจรสลัดที่มีชื่อเสียง บุกรุกน่านน้ำและโจมตีเรือสินค้าของต้ายงครั้งแล้วครั้งเล่า
หลี่หยวนเริ่มไม่เห็นใจหลานผู้นี้อีกต่อไป แต่เมื่อคิดว่าพี่สาวตนมีสายเลือดเหลืออยู่เพียงคนเดียวก็อยากสยบให้เขายอมแพ้ ทว่าเจียงหย่งกลับสังหารทูตของหลี่หยวนอย่างไร้ยางอาย หลี่หยวนบันดาลโทสะหนักถึงขั้นออกคำสั่งโจมตีขับไล่อยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยสำเร็จเพราะความกว้างใหญ่ของท้องทะเล
เจียงหย่งเคยโจมตีเรือสินค้าของสำนักเฟิงอี้หลายครั้งครา แม้สำนักเฟิงอี้อยากจัดการเขาเพียงไรแต่ก็จนใจที่อีกฝ่ายเป็นผู้นำทัพเรือที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง สำนักเฟิงอี้หาร่องรอยเขาไม่เจอและไม่เคยส่งคนไปสังหารเขาอย่างจริงจัง เพราะจะอย่างไรตอนหลี่หยวนยังเยาว์ก็เคยได้รับการดูแลและชี้แนะจากพระเชญฐภคินีผู้นี้ จึงให้ความเคารพองค์หญิงใหญ่ท่านนี้เป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้หลี่หยวนยังสังหารสามีของนาง บีบบังคับให้นางต้องตาย ดังนั้นจึงรู้สึกผิดกับหลานชายผู้นี้มาตลอด แม้จะออกคำสั่งโจมตีขับไล่ แต่ไม่เคยต้องการชีวิต
ความแค้นระหว่างสำนักเฟิงอี้ที่มาจากองค์ชายผู้หนึ่งและหลานชายของจักรพรรดิผู้หนึ่งกลายเป็นความเจ็บปวดอันยิ่งใหญ่ที่ต้องเก็บซ่อนไว้ในใจของเจ้าสำนักเฟิงอี้ แต่นี่มิได้หมายความว่าพวกเขาจะสั่นคลอนอำนาจอิทธิพลของสำนักเฟิงอี้ได้ หากไม่ใช่ว่าสำนักเฟิงอี้กลัวจะส่งกระทบต่อเรื่องอื่น เกรงว่าพวกเขาคงสิ้นชีพไปนานแล้ว แม้จะเป็นเช่นนี้ ปัจจุบันชิ่งอ๋องหลี่คังก็ทำได้เพียงก่อความผิดอย่างกำเริบเสิบสานอยู่ที่ตงชวน และเป็นเพราะเขากีดกันสำนักเฟิงอี้ ทำให้จักรพรรดิต้ายงหลี่หยวนส่งกองทัพมาแทรกแซงที่ตงชวนเพื่อควบคุมและจับตาดูการกระทำของชิ่งอ๋อง สำนักเฟิงอี้เคยวางกับดักยั่วยุให้เจียงหย่งเข้าโจมตีกองทัพนี้แล้ว หากมิใช่ว่าผู้ใต้บัญชาของเจียงหย่งใช้ความตายมาหยุดยั้ง เกรงว่าเจียงหย่งคงถูกจับกุมไปนานแล้ว ดังนั้นช่วงหลังๆ มานี้ ชื่อเจียงหย่งจึงเริ่มหายไป
เมื่อดูข้อมูลของสำนักเฟิงอี้เสร็จสิ้น ในใจข้าก็ทั้งตะลึงทั้งตื่นเต้น นี่เป็นองค์กรที่แข็งแกร่งและน่าหวาดกลัวจริงๆ เป็นศัตรูผู้แข็งแกร่งซึ่งข้าจะต้องต่อกรโดยมิอาจเลี่ยง เจ้าสำนักเฟิงอี้นางนี้ก็นับเป็นอัจฉริยะขั้นสะเทือนแผ่นดินจริงๆ เมื่อพิศดูจากพฤติกรรมของนาง แม้ดูคล้ายเสี่ยงอันตราย แต่ด้วยฐานะปรมาจารย์และระดับวรยุทธ์ของนางทำให้นางราวกับเดินอยู่บนพื้นราบไร้ซึ่งอุปสรรคใด วางแผนทำตามเป้าประสงค์ได้อย่างถูกต้องครบครัน มีทั้งความสามารถและแผนการอันแยบยล มิน่าเล่า ยงอ๋องจึงถูกนางกดดันจนแทบหายใจไม่ออก
อย่างไรก็ตาม ข้ากลับมีความยินดีพลุ่งพล่านจนใจเต้นแรง หากบีบให้ศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้สิ้นหวังได้ เช่นนั้นควรเป็นความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตข้าเลยกระมัง หากจะบอกว่าข้าสวามิภักดิ์ต่อยงอ๋องเพียงเพราะซาบซึ้งในบุญคุณของเขา เช่นนั้นเป้าหมายของข้าในตอนนี้ก็คือกำจัดสำนักเฟิงอี้ หากสำนักเฟิงอี้ไม่สั่งสอนลูกศิษย์ผู้หยิ่งยโสออกมา เพียวเซียงจะตายได้อย่างไร เหลียงหวั่น เหลียงหวั่น เจ้าเพียงคนเดียวยังไม่พอชดเชยชีวิตภรรยาสุดที่รักของข้า
[1] ซ่อนสาวสวยในห้องทอง หมายถึงชุบเลี้ยงนางบำเรอเอาในในบ้าน