ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 32 คลื่นลมหลังม่าน (1)
ยามนั้น หมอเทวดาซังเฉินเก็บสมุนไพรอยู่บนภูเขา เมื่อลงจากเขาเห็นประกาศพระราชโองการของจักรพรรดิต้ายง จึงทราบว่าสุยอวิ๋นใกล้ม้วยมรณา เขาใช้เวลาสามวันรีบเร่งเดินทางพันลี้มาถึงฉางอันจนกระทั่งมาถึงจวนยงอ๋อง สุยอวิ๋นชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่หมอเทวดาฝีมือล้ำเลิศ เจียงเจ๋อจึงรอดมาได้ ทว่านับแต่นั้น ร่างกายก็อ่อนแอกว่าเดิม
…พงศาวดารฉู่ราชวงศ์หนาน บันทึกธาราเคียงเมฆ
เมื่อซังเฉินมาถึงจวนอ๋องก็วิ่งตรงไปยังสวนเหมันต์ จากนั้นก็พาหมอหลวงหลายคนกับเสี่ยวซุ่นจื่อเข้าไปเป็นลูกมือ แล้วปิดประตูไม่ย่างออกมาอีก เพียงสั่งงานสารพัดเป็นบางครั้งเท่านั้น
หลี่จื้อรออยู่นอกประตู หัวใจร้อนรนอย่างยิ่ง
เผยอวิ๋นผู้หายจากอาการบาดเจ็บแล้วได้ยินว่าซังเฉินเดินทางมาถึงจวนยงอ๋องจึงรีบเร่งมายืนรอหน้าประตูด้วย เขารู้สึกขอบคุณเจียงเจ๋อยิ่งนัก หลังจากตนนำวิธีการของเขาไปปรึกษากับสำนัก แม้อาจารย์อาทั้งสองจะไม่เอ่ยอันใด แต่ก็อนุญาตอยู่กลายๆ
ถึงจะขัดต่อหลักเมตตาธรรมของศาสนาพุทธ แต่คงมิอาจใส่ใจถึงขั้นนั้น เผยอวิ๋นเป็นศิษย์ผู้พิทักษ์ธรรมที่พวกเขาทุ่มเทอบรบมา ย่อมไม่อาจปล่อยให้เขาเกี่ยวดองกับสำนักเฟิงอี้ได้อย่างเด็ดขาด ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงตั้งใจแบ่งโอสถชั้นเลิศซึ่งมีติดตัวอยู่เพียงสองเม็ดให้เจียงเจ๋อกินเม็ดหนึ่ง
ทุกคนเฝ้ารออยู่ด้านนอกหนึ่งวันเต็ม จนกระทั่งค่ำวันต่อมาจึงเห็นพวกซังเฉินเดินออกมา สีหน้าอ่อนล้า หมอเทวดาอายุเจ็ดสิบปีแล้ว แม้ชราจนเส้นผมหนวดเคราขาวโพลน แต่ร่างกายยังคงแข็งแรง สองวันนี้หมอหลวงทั้งหลายแทบจะต้องผลัดเวรกันมาลงสนาม แต่เขากลับไม่ก้าวออกจากประตูห้องแม้แต่ก้าวเดียว
ซังเฉินก้าวออกจากประตูห้องมาก็เห็นหลี่จื้อ เขาเดินเข้าไปคำนับ ข้าขอบคุณยิ่งนักที่องค์ชายยอมลำบากทุ่มเท หากมิได้องค์ชายใช้ยาล้ำค่าต่อชีวิตเอาไว้ เกรงว่าสุยอวิ๋นคงรอข้ามาช่วยไม่ทัน
ในที่สุดหลี่จื้อก็โล่งอก เขาทรุดกลับไปนั่งบนเก้าอี้ที่เหล่าองครักษ์ยกมาให้แล้วเอ่ยอย่างเหนื่อยล้า ท่านหมอซัง ข้าต่างหากต้องขอบคุณท่านที่ช่วยท่านเจียงกลับมาได้
ซังเฉินยิ้มเล็กน้อย ข้ากับสุยอวิ๋นสนิทสนมกันดุจปู่หลาน ข้าช่วยเขาเป็นเรื่องธรรมดา ทว่าแม้ยามนี้เขาปลอดภัยแล้ว แต่ต่อจากนั้นยังต้องใส่ใจบำรุงอีกมาก ข้าคงต้องรบกวนองค์ชายแล้ว
หลี่จื้อรีบลุกขึ้นเอ่ยว่า แน่นอน ท่านหมอซังไม่ต้องบอก ข้าก็ย่อมเชิญท่านหมอให้อยู่ที่จวนอ๋องชั่วคราวอยู่แล้ว ไม่ว่าต้องการสิ่งใด ท่านหมอโปรดบอกข้า ข้าจะไม่ให้ท่านหมอผิดหวัง
ซังเฉินพยักหน้า ตอบว่า ข้าเหนื่อยแล้ว โปรดเตรียมที่พักให้ข้าสักหน่อย วันพรุ่งนี้ข้าจะมารักษาสุยอวิ๋นต่อ ข้าอยู่ที่สวนเหมันต์แห่งนี้ก็แล้วกัน จะได้ดูแลร่างกายของสุยอวิ๋นได้ตลอด
หลี่จื้อรับปาก เขาให้คนเตรียมที่พักสำหรับซังเฉินไว้นานแล้ว
เวลานี้เอง พระชายาก็ส่งคนมากล่อมให้หลี่จื้อกลับเรือนหลังไปพักผ่อน หลายวันมานี้หลี่จื้อแทบจะกินนอนอยู่ที่สวนเหมันต์ ไม่ได้กลับไปแม้แต่น้อย ตอนนี้ในที่สุดเขาก็วางใจได้แล้วจึงกลับที่พำนัก พระชายานำชายารองทั้งสองกับเหล่าหญิงรับใช้มาปรนนิบัติหลี่จื้ออาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ หลังจากรับประทานอาหารรสโอชาหนึ่งมื้อ หลี่จื้อก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลับใหลอย่างหมดห่วง
เมื่อตื่นขึ้นมาก็ตะวันโด่งแล้ว หลี่จื้อลุกขึ้น หญิงรับใช้สองนางเข้ามาช่วยหลี่จื้อแต่งตัว หลี่จื้อยิ้มถามว่า พระชายาเล่า?
พระชายาเดินเข้ามาจากด้านนอกแล้วยิ้มตอบ องค์ชาย มีเรื่องน่ายินดีเพคะ เมื่อครู่สวนเหมันต์ส่งคนมารายงานว่าเจียงซือหม่าฟื้นแล้ว
หลี่จื้อยินดียิ่งนัก หมอเทวดาช่างสมคำร่ำลือจริงๆ ผ่านไปคืนเดียว สุยอวิ๋นก็ฟื้นแล้ว
พระชายาอดหัวเราะไม่ได้ องค์ชาย ผ่านไปสองวันแล้วเพคะ ท่านหลับครั้งนี้ปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น ท่านหมอซังมาตรวจ บอกว่าหลายวันนี้ท่านเหน็ดเหนื่อยกายใจเกินไป ขอเพียงนอนสักตื่นก็จะดีขึ้นเอง
หลี่จื้อยิ้มเจื่อน มิน่าข้าจึงหิวโหยยิ่งนัก รีบนำอาหารมาเร็ว ข้าต้องไปสวนเหมันต์เยี่ยมท่านเจียง
พระชายาจูงมือหลี่จื้อมารับประทานอาหารด้านนอก ระหว่างที่เดินก็เอ่ยไปพลาง ประเดี๋ยวองค์ชายพาโหรวหลันไปด้วยเถิด ที่ผ่านมาหม่อมฉันไม่กล้าบอกเรื่องเจียงซือหม่ากับนาง นางร้องไห้โยเยมาหลายหนแล้ว
หลี่จื้อพยักหน้า ก็ดี เจ้าไปกับข้า หลังจากนั้นเข้าวังไปบอกฉางเล่อสักคำ
พระชายามองหลี่จื้ออย่างประหลาดใจ องค์ชายมิใช่บอกว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสมหรือ
หลี่จื้อยิ้มเจื่อน พอฉางเล่อรู้ว่าเจียงซือหม่าบาดเจ็บหนักก็ยกโสมดำที่เสด็จพ่อประทานแก่นางให้ข้าครึ่งต้นทันที สองวันก่อนยังส่งคนมาถามว่าต้องการอีกครึ่งต้นหรือไม่ หากหมอเทวดามาไม่ทัน เกรงว่าข้าคงต้องไปขอหยิบยืมโสมดำมาจริง ดูท่าฉางเล่อคงมีใจให้เจียงซือหม่าลึกซึ้ง แม้ข้าช่วยให้นางสมหวังไม่ได้ แต่ก็ไม่ต้องการให้นางกังวลเช้าจรดค่ำ
พระชายาพยักหน้า ก็ดี เอาเช่นนี้เถิด หม่อมฉันจะพาโหรวหลันเข้าวัง อ้างว่าพาไปเยี่ยมจ่างซุนกุ้ยเฟย แม้เด็กคนนี้อายุน้อยแต่เฉลียวฉลาดน่ารัก ฉางเล่อชมชอบนางยิ่งนัก
หลี่จื้อพยักหน้า พระชายาจึงเอ่ยต่อ องค์ชาย แม้ท่านจะปล่อยพวกแม่ทัพฉินไป แต่หลายวันนี้ก็ส่งคนไปจับตาอยู่ตลอด แล้วยังทำอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง เมื่อวานฉินฮูหยินจึงเดินทางมาเยี่ยมเยือนด้วยตนเอง นางบอกหม่อมฉันว่าไม่มีทางเป็นการกระทำของฉินชิงแน่ กระนั้นแม่ทัพใหญ่ก็กักตัวฉินชิงไว้สอบสวนอย่างละเอียดแล้ว
หลี่จื้อตอบอย่างเย็นชา เรื่องเหล่านี้รอข้ากับสุยอวิ๋นหารือกันเสร็จค่อยว่ากันเถิด หากเขาเป็นผู้กระทำ ข้าย่อมไม่ละเว้นเขาแน่
พระชายาเอ่ยขึ้นอย่างลังเล องค์ชาย ยามนี้ท่านกับรัชทายาทเป็นประหนึ่งน้ำกับไฟ หากล่วงเกินแม่ทัพใหญ่ฉินอีก หม่อมฉันคงวางใจไม่ลงจริงๆ อีกทั้งตระกูลเซี่ยโหวก็ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทยิ่งนัก บุตรีจิ้งเจียงอ๋องครั้งนี้ก็มาตามคำสั่งของบิดา ไม่ว่าล่วงเกินผู้ใดล้วนยุ่งยากนัก
หลี่จื้อชะงักครู่หนึ่งก็เอ่ยอย่างไม่แยแส ไม่ใช่ปัญหา เรื่องบางเรื่องช้าเร็วย่อมต้องจัดการ หากฉินชิงทำเรื่องเช่นนี้จริงย่อมเสื่อมเสียเกียรติวงศ์ตระกูล
พระชายาเอ่ยอย่างระมัดระวัง หม่อมฉันคิดว่าเด็กคนนี้ไม่มีทางทำเช่นนั้น แม่ทัพใหญ่สั่งสอนบุตรอย่างเคร่งครัด เด็กคนนี้กมลสันดานดีงาม แม้มุทะลุอยู่บ้าง แต่การลอบยิงธนูทำร้ายคนเช่นนี้ เขาไม่มีทางทำ
หลี่จื้อลังเลแต่มิกล่าวอันใด เขาเคยถามฉินชิงด้วยตนเองแล้ว ฉินชิงไม่ปิดบังเรื่องราวในวันนั้นแม้แต่น้อย เขามั่นใจว่ามีคนยุแยงฉินชิง แต่เขาไม่แน่ใจว่าฉินชิงตกหลุมพรางหรือไม่ ถึงอย่างไรเรื่องวันนั้น นอกจากเจียงเจ๋อ ก็ไม่มีประจักษ์พยานเหลือรอดมาเป็นคนที่สอง แม้ฉินชิงจะกล่าวความจริง แต่ก็มิอาจตัดความเป็นไปได้ที่เขาอาจอาศัยจังหวะที่มีคนลอบสังหารซ้ำเติม แต่เรื่องนี้สำคัญยิ่ง หลี่จื้อไม่ต้องการบอกพระชายา จึงเอ่ยขึ้นเรียบๆ ข้าจะตัดสินอย่างเป็นธรรม
ไม่ว่าอย่างไร จวนยงอ๋องก็นับว่าสงบลงชั่วคราว หลายวันที่ผ่านมา ผู้คนในจวนอ๋องทั้งเบื้องบนเบื้องล่างล้วนวุ่นวาย วันนี้ในที่สุดสถานการณ์ก็สงบ แน่นอนว่าคลื่นใต้น้ำที่กำลังถาโถมมาย่อมมิใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้
ณ จวนรัชทายาท หลู่จิ้งจงอ่านข่าวกรองที่อยู่ในมือแล้วนิ่งอึ้ง ก่อนจะฉีกแผ่นกระดาษเป็นชิ้นๆ ด้วยความโมโห ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงลุกขึ้นเดินออกจากห้อง เมื่อเดินไปถึงประตูห้องโถงก็เห็นด้านในกำลังร้องเพลงเต้นรำครื้นเครง หลู่จิ้งจงส่ายหัว จากนั้นเดินเข้าไปอย่างเงียบเชียบ เขาเห็นรัชทายาทหลี่อันนั่งสบายใจอยู่บนตำแหน่งประธาน กำลังมองท่วงท่าชดช้อยของนางระบำเหล่านั้นอย่างเกียจคร้าน เมื่อเห็นหลู่จิ้งจงเดินเข้ามา ทั้งยังมีสีหน้าไม่ดี หลี่อันจึงโบกมือ เมื่อเหล่านางระบำและนักดนตรีล้วนถอยออกไปแล้ว เขาจึงเอ่ยถาม เหตุใดเส้าฟู่จึงกังวลเช่นนี้ มิใช่แค่เจียงเจ๋อรักษาชีวิตเอาไว้ได้เท่านั้นหรือ เป้าหมายของพวกเราเดิมทีก็ไม่ใช่ชีวิตเขาอยู่แล้ว
หลู่จิ้งจงเอ่ยอย่างกลัดกลุ้ม องค์ชาย หลายวันนี้กระหม่อมอ่านข่าวกรองอย่างละเอียดแล้วพบว่าพวกเราพลาดครั้งใหญ่
หลี่อันชะงักแล้วลุกขึ้นนั่งตัวตรง เหตุใดเส้าฟู่จึงเอ่ยเช่นนี้
หลู่จิ้งจงตอบว่า องค์ชาย ก่อนหน้านี้กระหม่อมคิดว่าแม้เจียงเจ๋อเป็นยอดคนแห่งแคว้น แต่กล่าวตามจริง พวกเราก็มิได้ขาดอัจฉริยะด้านบุ๋นบู๊ ดังนั้นแม้ความสามารถในการวางกลยุทธ์การศึกและการเมืองของเขาจะไม่ธรรมดา กระหม่อมก็มิได้สนใจนัก หลังจากองค์ชายขึ้นครองราชย์ หากเขายินยอมถวายการรับใช้ ค่อยใช้งานเขาก็ยังไม่สาย ถึงอย่างไรองค์ชายก็ยังมิได้เป็นจักรพรรดิ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนรวบรวมผู้กล้ามากความสามารถจนทำให้จักรพรรดิคลางแคลงพระทัย
กระหม่อมยังลอบเยาะหยันยงอ๋องอยู่เลยที่ไม่รู้จักระวัง ต่อให้เจียงเจ๋อมีความสามารถสูงส่งปานใด เมื่อไม่ได้เข้ามามีตำแหน่งสำคัญจะทำประโยชน์อันใดได้ เดิมทีกระหม่อมแนะนำให้ลอบสังหารเจียงเจ๋อก็เพียงเพื่อยุแยงยงอ๋องให้ขัดแย้งกับแม่ทัพใหญ่ฉิน คิดไม่ถึงว่าวันนั้นสถานการณ์กลับผิดคาด ถึงกับมีมือสังหารอีกกลุ่มหนึ่งชิงลงมือก่อน แม้พวกเขาล้มเหลวจนคนที่พวกเราส่งไปลงมือสำเร็จ แต่ปฏิกิริยาของยงอ๋องหลังจากนั้น องค์ชายก็เห็นแล้ว กระหม่อมจึงเพิ่งคิดได้ว่า พวกเราอาจเหยียบถูกสิ่งสำคัญของยงอ๋องเข้าแล้ว
หลี่อันพยักหน้า เจ้ากล่าวมีเหตุผล หลายปีนี้พวกเราสร้างความลำบากให้น้องรองไม่น้อย เคยเห็นเขาแสดงท่าทีแข็งกร้าวเช่นนี้เสียที่ไหน ทั้งไปร่ำไห้หน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ ทั้งเคลื่อนกองทัพองครักษ์เข้าเมือง แม้แต่โสมดำที่เสด็จพ่อประทานให้เขาก็ไม่เสียดาย แล้วยังหยิบยืมโสมดำจากองค์หญิงฉางเล่ออีก กระทั่งน้องหกยังส่งของไปประจบ นึกถึงเรื่องนี้ข้าก็โมโห เหตุใดน้องหกจึงเลอะเลือนเช่นนี้ เขายังเห็นข้าอยู่ในสายตาหรือไม่
หลู่จิ้งจงเอ่ยว่า สิ่งเหล่านี้ทำให้กระหม่อมเกิดความสงสัย เมื่ออ่านข่าวกรองเกี่ยวกับเรื่องในอดีตโดยละเอียดจึงเพิ่งตระหนักว่ากระหม่อมพลาดพลั้งแล้ว ก่อนหน้านี้กระหม่อมคิดว่าเจียงเจ๋อผู้นี้เป็นเพียงผู้เก่งกาจในการบริหารบ้านเมืองเท่านั้น แต่เมื่อกระหม่อมทบทวนอย่างละเอียด กลับพบว่าคนผู้นี้เป็นยอดอัจฉริยะผู้ชำนาญการวางกลอุบาย
หลี่อันเลิกคิ้วเป็นสัญญาณให้หลู่จิ้งจงกล่าวต่อไป หลู่จิ้งจงจึงเอ่ยต่อว่า คนผู้นี้สร้างชื่อด้วยความสามารถทางกวี เขาเข้ามาเป็นที่ปรึกษาในสังกัดเต๋อชินอ๋องแห่งหนานฉู่ ตอนแรกกระหม่อมไม่คิดว่าแปลก คิดว่าเขาเพียงต้องการเกาะบารมีเท่านั้น จากข่าวสารที่พวกเราได้มา แม้เต๋อชินอ๋องจะเชื่อถือเขามากยิ่งนัก แต่ก็ไม่เห็นเขาวางกลยุทธ์ใดให้ ถึงจะทราบว่าเขาจัดการกองทัพได้ไม่เลว แต่ก็มิได้สลักสำคัญ
ทว่าหลายวันมานี้กระหม่อมรวบรวมรายงานการรบทั้งหมดของเต๋อชินอ๋องแล้วพบว่าหากมีเจียงเจ๋ออยู่ในกองทัพของเขา กลศึกของเต๋อชินอ๋องจะเปลี่ยนเป็นมากเล่ห์เพทุบาย เหตุการณ์ที่เจียงเจ๋อใช้หนึ่งบทกวีส่งสู่อ๋องสู่ความตาย แม้เล่าลือเป็นตำนาน แต่ผู้คนล้วนคิดว่าเป็นคำสั่งของเต๋อชินอ๋อง เจียงเจ๋อเป็นเพียงผู้ลงมือแทน
แต่ยามนี้เมื่อคิดดูแล้ว ไม่แน่อาจเป็นความตั้งใจของตัวเจียงเจ๋อเอง ทว่าหลังจากนั้นเจียงเจ๋อล้มป่วยอยู่หลายปี ทุกคนจึงมิได้สนใจ หากกระหม่อมไม่ได้อ่านรายงานเกี่ยวกับหนานฉู่อย่างถี่ถ้วนก็เกรงว่าคงค้นไม่พบเรื่องนี้