ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 5 โหมโรง (1)
ข้านั่งอยู่ในห้องอันหรูหราบริเวณชั้นสองของหอน้อยแห่งหนึ่งอย่างสบายอารมณ์ เมื่อมองผ่านหน้าต่างออกไปจะพบป่าไผ่ด้านนอก ทำให้รู้สึกราวกับได้ย้อนกลับไปอยู่ที่หนานฉู่อีกครั้ง ตอนนี้ข้าเป็นซือหม่าของจวนยงอ๋องแล้ว นับว่ามีตำแหน่งสำคัญยิ่ง แต่ข้ากลับชอบพาเสี่ยวซุ่นจื่อปลอมตัวออกท่องเที่ยวเสียมากกว่า แม้ยงอ๋องจะบอกให้ข้าระวังความปลอดภัยของตนหลายครั้งแล้วก็ตาม
ตอนนี้ข้ายังขาดตัวเลือกสำคัญที่จะไปอยู่ข้างกายรัชทายาท น่าเสียดายที่ข้าไม่พอใจคนที่ยงอ๋องแนะนำมา คนที่จะทำหน้าที่นี้ต้องมีนิสัยเสเพลจึงจะเหมาะกับนิสัยของรัชทายาท อีกทั้งคนผู้นี้ต้องเชี่ยวชาญการประจบประแจงจึงจะได้รับความโปรดปรานจากรัชทายาท นอกจากนี้ยังต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถเหนือผู้คนอีกด้วยจึงได้จะรับความเลื่อมใสจากอีกฝ่ายได้ คนเช่นนี้หายากจริงๆ คนที่ยงอ๋องแนะนำมานั้น แม้จะพอฝืนให้ผ่านไปได้ แต่ข้ายังหวังว่าจะได้พบคนที่เหมาะสมยิ่งกว่า
ข้านั่งอยู่ไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออก เฉินเจิ่นและหานอู๋จี้เดินเข้ามา นี่เป็นสถานที่ที่ข้าเตรียมไว้ก่อนแล้ว หอสุราแห่งนี้มีชื่อเสียงในต้ายงเป็นยิ่งนัก อีกทั้งจิงซุ่นชิงผู้เป็นเจ้าของหอสุราก็เป็นญาติผู้น้องของข้าด้วย เมื่อสองปีก่อนตอนข้ารักษาอาการป่วยอยู่ที่หนานฉู่ ยามที่หอกลไกสวรรค์กำลังแตกหน่อ จิงซุ่นชิงก็มาขอพึ่งพาอาศัยข้าแล้ว สาเหตุเป็นเพราะเขามีเรื่องขัดแย้งกับน้าชาย
กล่าวไปแล้วมารดาของข้าเกิดในตระกูลอันทรงเกียรติ จิงซื่อก็เกิดในครอบครัวบัณฑิตที่ยอดเยี่ยมไม่เป็นสองรองใครในเจียซิ่ง ทว่าหลังจากที่มารดาจากโลกนี้ไป บิดาของข้าก็เกิดกระทบกระทั่งกับพวกเขาครั้งใหญ่เพราะที่ดินของบ้านที่พวกเราอาศัยอยู่ทั้งหมดล้วนเป็นท่านตามอบให้บิดา หลังจากมารดาตายจาก ท่านน้าที่ไม่ลงรอยกับบิดาก็มาข่มขู่ต้องการริบที่คืนไป หากกล่าวกันตามเหตุผลแล้ว ทรัพย์สมบัติเหล่านี้ล้วนอยู่ภายใต้ชื่อบิดาข้า พวกเขาไม่มีอำนาจเรียกกลับคืน แต่บิดาข้ามีนิสัยหยิ่งทะนง เมื่อถูกท่านน้าก่นด่าสร้างความอัปยศครั้งแล้วครั้งเล่าจึงยอมละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความโกรธเกรี้ยว จากนั้นจึงพาข้าเดินทางออกจากเจียซิ่ง ทั้งยังบอกข้าเรื่องคุณธรรมน้ำใจของตระกูลจิงอย่างกระจ่างแจ้งอีกด้วย ดังนั้นเมื่อข้าได้เป็นจ้วงหยวนแล้ว จิงซื่อจึงไม่มีหน้ามาขอประนีประนอมกับข้าอีก
ญาติผู้น้องของข้าคนนี้มีคุณสมบัติย่ำแย่อยู่บ้าง เขาไม่ชอบเรียนหนังสือจึงไม่ได้รับความโปรดปรานจากท่านน้า ทั้งยังไปพัวพันกับหญิงรับใช้ในตระกูลคนหนึ่งจนหญิงรับใช้นางนั้นตั้งครรภ์ ท่านน้ารู้เข้าจึงทำแท้งเด็กและขายหญิงรับใช้นางนั้นออกไป ทั้งยังบังคับให้ญาติผู้น้องแต่งกับคู่หมั้นทันที ความจริงขอเพียงญาติผู้น้องรับหญิงรับใช้นางนั้นมาเป็นนางข้างห้องได้ พวกเขาสองคนก็พอใจมากแล้ว ทว่าท่านน้ากลับตัดสินใจไม่ยอมให้ญาติผู้น้องล่วงเกินตระกูลฝ่ายหญิงเด็ดขาด ผลคือญาติผู้น้องของข้าบันดาลโทสะอย่างหนักถึงขั้นพาหญิงรับใช้นางนั้นหนีไปที่เจี้ยนเย่และมาขอพึ่งพาข้า
ข้ามีความประทับใจต่อญาติผู้น้องคนนี้ไม่เลวนัก แม้เขาจะไม่ชอบเรียนหนังสือ แต่ยามกระทำเรื่องใดล้วนปราดเปรื่อง ได้ยินว่าเขาเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินและเรื่องเล็กใหญ่ในตระกูลมานานแล้ว คู่หมั้นของเขาคือสตรีจากตระกูลพ่อค้าของหนานฉู่ และเป็นเพราะพ่อตาเห็นความสำคัญในความสามารถของเขาจึงได้ตกลงหมั้นหมายขึ้นมา ส่วนท่านน้าของข้ากลับมองว่าญาติผู้น้องคนนี้ไม่อาจสร้างชื่อเสียงใดๆ จึงคิดให้เขาเกาะกิ่งไม้ใหญ่กิ่งนี้ไปอย่างง่ายดาย ผู้ใดจะทราบว่าญาติผู้น้องกลับลักลอบชอบพอกับหญิงรับใช้จนล่วงเกินตระกูลคู่หมั้น ทำให้ท่านน้าโกรธหนัก
ข้าทั้งรู้สึกเห็นใจญาติผู้น้อง ทั้งมีความแค้นต่อท่านน้า จึงจัดแจงให้ญาติผู้น้องไปพบเจ้าหอกลไกสวรรค์ แน่นอนว่าหานอู๋จี้เจ้าของหอกลไกสวรรค์ย่อมให้ความสำคัญกับญาติผู้น้องเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังช่วยอุปถัมภ์ให้เขาทำกิจการการค้าอีกด้วย และเพื่อมิให้ถูกกดดันจากครอบครัวของคู่หมั้น เขาจึงข้ามแม่น้ำเดินทางมายังต้ายง ตอนนั้นหนานฉู่และต้ายงยังคงธํารงไว้ซึ่งความกลมเกลียวเบื้องหน้า ญาติผู้น้องจึงหยั่งเท้าอยู่ในต้ายงได้โดยไร้ซึ่งอุปสรรคใด
ญาติผู้น้องคนนี้ของข้านับเป็นพ่อค้ายอดอัจฉริยะจริงๆ เพียงไม่ถึงสองปี เงินหนึ่งแสนตำลึงที่ข้าลงทุนไปในตอนแรกก็เพิ่มพูนขึ้นมาหลายเท่า เขาอาศัยการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างต้ายงและหนานฉู่จนสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้ ทั้งยังนำเงินทุนไปลงทุนในกิจการอื่นได้ทันกาล และเพราะเครื่องทอผ้าที่ข้าปรับเปลี่ยนให้เขา กอปรกับความปราดเปรื่องมากความสามารถของเขา ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในพ่อค้ารายใหญ่แห่งวงการผ้าไหมได้ในที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อหนึ่งปีก่อนพ่อตาของเขาก็มาหาถึงที่ ไม่เพียงแต่จะขอประนีประนอมกับเขา ทั้งยังส่งคู่หมั้นของเขามาให้ด้วย
อันที่จริงแม้คู่หมั้นของเขาจะมีนิสัยดื้อรั้น แต่ก็มิใช่คนไร้เหตุผล ดังนั้นญาติผู้น้องจึงร่วมมือกับพ่อตาทำให้กิจการของเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว พ่อค้าทุกคนล้วนให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ พวกเขามองออกว่าหนานฉู่ตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นทั้งสองจึงเตรียมย้ายกิจการและทรัพย์สินส่วนหนึ่งมาที่ต้ายงนานแล้ว ซึ่งญาติผู้น้องก็คือผู้บุกเบิก
ตอนแรกข้าคิดไม่ถึงว่าญาติผู้น้องคนนี้จะโดดเด่นเพียงนี้ เมื่อเริ่มลงทุนครั้งแรก พวกเราตกลงกันว่าหอกลไกสวรรค์จะถือหุ้นห้าส่วนสิบ ภายหลังญาติผู้น้องคิดการใหญ่ เสนอซื้อหุ้นคืนในราคาห้าแสนตำลึง แน่นอนว่าญาติผู้น้องเสนอราคาสูงเสียดฟ้าให้แก่พวกเราแล้ว แต่ข้าก็มิอาจทำเกินไปนัก ยิ่งไปกว่านั้น แต่ไหนแต่ไรมาหอกลไกสวรรค์ก็ไม่ทำเรื่องใดให้ผู้ร่วมงานลำบากใจเกินไป ดังนั้นจึงขายหุ้นออกไปในราคาที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม หลังจากการประชุมของสมาชิกหอ สุดท้ายก็ตัดสินใจเหลือหุ้นไว้หนึ่งส่วน ญาติผู้น้องรู้ถึงอำนาจของสมาคมกลไกสวรรค์เป็นอย่างดีจึงบรรลุข้อตกลงโดยพึงพอใจทั้งสองฝ่าย ญาติผู้น้องเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคุณธรรมน้ำใจมาก แม้จะไม่รู้ว่าข้ามีความเกี่ยวพันกับหอกลไกสวรรค์ ก็ยังคงส่งของขวัญมาให้ข้าครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อขอบคุณคำแนะนำในตอนนั้นของข้า
คราวนี้้ข้าถูกยงอ๋องจับตัวเป็นเชลย เมื่อมาถึงต้ายง เฉินเจิ่นและคนอื่นๆ ก็มารอข้าที่ต้ายงแล้ว กิจการของญาติผู้น้องมีคนของข้าอยู่มาก แม้พวกเขาจะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องค่ายลับ แต่ยังคงจดจำบุญคุณที่ค่ายลับมีต่อพวกเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขามีคุณสมบัติค่อนข้างโดดเด่น หลายคนจึงกลายเป็นสมาชิกฝ่ายดูแลกิจการที่สำคัญ เมื่อรวมเข้ากับฐานะของหอกลไกลสวรรค์ ทำให้ค่ายลับไปมาอย่างอิสระในกิจการของญาติผู้น้อง
หอสุรานี้ก็เป็นหนึ่งในกิจการของญาติผู้น้องที่อยู่ในต้ายงเช่นกัน ชื่อว่าหอเจียงหนานชุน (วสันต์แห่งเจียงหนาน) เน้นขายสุราอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของหนานฉู่ เป็นที่นิยมในหมู่ผู้สูงศักดิ์ของต้ายงอย่างยิ่ง ญาติผู้น้องของข้าคนนี้ไม่เลวจริงๆ เมื่อรู้ว่าข้าถูกจับตัวเป็นเชลยก็เดินทางมาที่ฉางอันด้วยตนเอง คิดพยายามเพื่อข้าเต็มกำลัง ใช้เส้นสายที่มีร้องขอความเห็นใจจากยงอ๋องหลายครั้งหลายครา แต่จะอย่างไรก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งข้ากลายเป็นซือหม่าของจวนยงอ๋อง ยงอ๋องจึงค่อยรู้ว่าญาติผู้น้องคนนี้ใช้เส้นสายเพราะคิดช่วยเหลือข้า พาให้รู้สึกชื่นชมเขายิ่งนัก ดังนั้นคราวนี้ข้าจึงออกจากจวนมาจิบสุราที่หอสุราเจียงหนานชุนได้อย่างง่ายดาย เพราะถึงอย่างไรคงไม่มีใครติดต่อสมคบกับเถ้าแก่ของที่นี่เพื่อวางแผนร้ายใส่ข้าได้แน่ นอกจากนี้ยงอ๋องยังส่งองครักษ์ยอดฝีมือมาคุ้มครองข้าหลายคนด้วย มิเช่นนั้นยงอ๋องคงไม่วางใจเรื่องความปลอดภัยของข้า
ข้ามองเฉินเจิ่นและหานอู๋จี้ แย้มยิ้มเล็กน้อยก่อนกล่าว ช่วงนี้เจ้าทั้งสองสุขสบายดีหรือไม่ ผู้แซ่เจียงกระทำตามอำเภอใจ ทำให้เจ้าทั้งสองเป็นห่วงแล้ว
ทั้งสองสบตากัน จากนั้นหานอู๋จี้จึงกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า ผู้น้อยสิ้นเปลืองความคิดจิตใจมากมายเพื่อเตรียมแผนแสร้งตายให้คุณชาย น่าเสียดายที่เสียเปล่า คุณชายถูกยงอ๋องทำให้หวั่นไหวเสียแล้ว คุณชายจะต้องชดเชยให้กับความพยายามนี้ของพวกเรานะขอรับ
เฉินเจิ่นกลอกตาใส่เขาครั้งหนึ่ง กล่าววาจาเหลวไหลให้น้อยหน่อยเถิด ไม่ทราบผู้ใดกล่าวอยู่ตลอดว่าความจริงคุณชายไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายเพื่อแผนแสร้งตายเช่นนั้น พอได้ยินว่าคุณชายเปลี่ยนใจก็ยินดีจนแทบคลั่ง
แม้เฉินเจิ่นจะกล่าวด้วยคำพูดหยอกล้อ แต่ข้ายังคงรู้สึกใจสั่น ข้ามองหานอู๋จี้ ในใจลอบคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนแคว้นสู่ จะเห็นด้วยกับการที่ข้ามาเข้าพึ่งพิงยงอ๋องได้อย่างไร ข้ามองไปยังหานอู๋จี้ด้วยแววตาหวาดระแวง หากคนผู้นี้มีปัญหา มิแปลว่าค่ายลับของข้ามีช่องโหว่หรอกหรือ ทว่าตอนนี้ยังไม่มีสิ่งใดให้ระแคะระคาย
จะอย่างไรก่อนหน้านี้หานอู๋จี้ก็อยู่ท่ามกลางการต่อสู้ทุกวันคืน เมื่อเห็นสายตาของข้าพลันรู้สึกหนาวเหน็บในใจ รีบคุกเข่าลงพลางกล่าวว่า คุณชายขอรับ ผู้น้อยมีใจโน้มเอียงไปทางต้ายงจริงๆ หลายวันก่อนพวกเรารอคุณชายอยู่ที่ฉางอัน บังเอิญพบเพื่อนร่วมงานในอดีตคนหนึ่งของข้า เขาเห็นสถานการณ์ของข้าไม่เลวจึงโน้มน้าวให้ข้าเข้าร่วมกับพวกเขาเพื่อสนับสนุนรัชทายาทแคว้นสู่ หวังก่อตั้งแคว้นสู่ขึ้นอีกครั้ง ยามนั้นข้าปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม แต่คนผู้นั้นกล่าวว่าตอนนี้มีคนก่อตั้งกลุ่มต่อต้านแล้ว หากข้าไม่เห็นด้วย เมื่อคนเหล่านั้นเจอตัวข้าย่อมไม่ปล่อยข้าที่เป็นกบฏหลงลืมบรรพชนไปแน่ ผู้น้อยทราบดีว่าคนเหล่านี้เป็นพวกชอบรังแกคนอ่อนแอหวาดกลัวคนแข็งแกร่ง หากคุณชายสวามิภักดิ์ต่อยงอ๋อง หยิบยืมอำนาจของยงอ๋องได้ คนเหล่านี้ย่อมไม่กล้ามาหาผู้น้อยอย่างเปิดเผย
ข้าถอนใจเล็กน้อย ตัวตนของกลุ่มต่อต้านแห่งแคว้นสู่นี่้ข้าไม่รู้สึกแปลกใจนัก แต่ใช้วิธีการเช่นนี้ช่างโง่เขลาเกินไปจริงๆ ก่อนหน้านี้หานอู๋จี้ค่อนข้างต่อต้านต้ายง ตอนแรกที่ข้าต้องการแสร้งตาย แม้เขาจะไม่กล่าวคำใดแต่ก็กระตือรือร้นยิ่งนัก ตอนนี้เมื่อข้าเข้าสวามิภักดิ์กับยงอ๋องเขากลับยินดีและคาดหวัง ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ย่อมเกิดเพราะกลุ่มต่อต้านเหล่านั้น คนผู้หนึ่งที่ละทิ้งอดีตไปแล้วและกำลังมีชีวิตเป็นของตนเอง จะยินยอมกระโดดเข้าไปร่วมกับกลุ่มต่อต้านที่ไร้อนาคตได้อย่างไร กองกำลังเหล่านั้นสร้างคลื่นลมยิ่งใหญ่อันใดไม่ได้จริงๆ
อย่างไรก็ตาม ข้ายังคงกำชับให้หานอู๋จี้และคนอื่นๆ ให้ระวังความปลอดภัยของตนเองให้ดี แม้การลอบสังหารจะเปลี่ยนอำนาจอิทธิพลหลักของแว่นแคว้นไม่ได้ แต่ยังเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตส่วนบุคคลได้ หลังจากขบคิดครู่หนึ่งข้าก็พูดกับหานอู๋จี้ว่า ครั้งต่อไปหากพวกเขามาบีบบังคับเจ้าอีก จงบอกไปว่าเจ้ากำลังทำการค้า ยินดีให้เงินทุนช่วยเหลือพวกเขา แต่ตัวเจ้าจะไม่ยอมเข้าร่วม
หานอู๋จี้กล่าวอย่างงุนงงว่า เหตุใดคุณชายจึงทำเช่นนี้หรือขอรับ
ข้าแย้มยิ้มบางเบา ข้าต้องการให้เจ้าคอยควบคุมการเคลื่อนไหวของพวกเขา เมื่อเป็นเช่นนี้จะมีประโยชน์ต่อข้าอยู่บ้าง ในอนาคตหากต้องการกำจัดพวกเขาก็ทำได้ง่าย
หานอู๋จี้เงียบงันไม่กล่าวคำใด ข้ารู้สึกฉงนนัก กำลังจะกล่าวถามบางอย่าง เสียงของเสี่ยวซุ่นจื่อก็ดังขึ้นข้างหูเสียก่อน คุณชาย เขาเป็นคนแคว้นสู่
ยามนี้ข้าจึงค่อยเข้าใจ แม้เมื่อครู่เขาจะแสดงให้เห็นว่าเขารู้สึกสบายใจที่ข้าไปพึ่งพิงต้ายง แต่มิได้หมายความว่าเขายินดีเห็นกองกำลังต่อต้านแห่งแคว้นสู่พ่ายแพ้