ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 55 ผูกวาสนามงคล (2)
คนว่างงานเช่นข้ากลับไปยังสวนเหมันต์ ผู้ที่ติดตามข้ามานอกจากเสี่ยวซุ่นจื่อก็ยังมีจิงฉือผู้มิใคร่เต็มใจอีกคน เขาลำบากแทบแย่กว่าจะเอาชีวิตรอดมาจากการละเล่นในวงสุราอันชวนปวดหัวนั่นได้ กำลังอยากจะหาที่ฝึกหมัดเท้า ขยับกระดูกกระเดี้ยวสักรอบ คิดไม่ถึงว่ากลับถูกข้าเรียกเข้ามาในสวนเหมันต์
จิงฉือมองแผ่นหลังของเจียงเจ๋ออย่างหดหู่ ในใจคร่ำครวญขึ้นมาอีกหน บัณฑิตอ่อนแอผู้นี้ได้รับบัญชาจากองค์ชายให้คอยคุมตน ยามปกติเขาก็ไม่ชอบบัณฑิตผู้เขียนกาพย์กลอนพวกนี้อยู่แล้ว แม้ใต้บัญชาของยงอ๋องมีขุนนางบุ๋นไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นเสนาธิการผู้ชำนาญกลศึก จิงฉือเคารพคนเหล่านั้นแต่มิใคร่จะยุ่งด้วย ส่วนบัณฑิตผู้นี้ เขายังไม่เคยเห็นอีกฝ่ายออกอุบายวางกลยุทธ์มาก่อน ทั้งวันเอาแต่หลบอยู่ในสวนเหมันต์ เดินมากหน่อยก็หอบแฮกเหมือนจะขาดใจตาย ทว่ายงอ๋องกลับเชื่อถือเขายิ่งนัก แล้วยังให้พวกตนฟังคำสั่งเขาอีก เรื่องเมื่อคืนวานที่เจียงเจ๋อส่งเขาไปทำงานประหลาด จนถึงบัดนี้จิงฉือยังงงงวยไม่หาย
องครักษ์ของเจียงเจ๋อตามเข้ามาในสวนเหมันต์ แม้เจียงเจ๋อติดตามยงอ๋องออกไปข้างนอก องครักษ์ที่คอยปกป้องเจียงเจ๋อก็ยังต้องตามออกไปด้วย พวกเขาไปประจำตำแหน่งสำคัญอย่างชำนาญและรวดเร็ว สวนเหมันต์กลายเป็นป้อมปราการเหล็กอันแน่นหนาอย่างว่องไวยิ่งนัก จิงฉือเบ้ปาก ในใจคิดว่าคนผู้นี้ถูกงูกัดครั้งเดียวกลัวเชือกไปเสียพันปี ทันใดนั้นเองจิงฉือพลันรู้สึกว่าร่างกายหนาวยะเยือก เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นดวงตาเย็นเยียบประหนึ่งน้ำแข็งคู่หนึ่ง เสี่ยวซุ่นจื่อนั่นเองที่เหลือบเห็นสีหน้าของเขา แล้วใช้สายตาเป็นคำเตือน จิงฉือสะท้านเฮือก เขาเลื่อมใสวรยุทธ์ของเสี่ยวซุ่นจื่อยิ่งนักจึงรีบก้มศีรษะลง
ข้ากลับมาถึงเรือนพักก็เรียกจิงฉือเข้ามาแล้วหยิบตำราพิชัยสงครามซุนวูเล่มหนึ่งขึ้นมาวางบนโต๊ะอ่านหนังสือ จากนั้นเอ่ยเรียบๆ หากท่านท่องตำราเล่มนี้ได้ ข้าจะปล่อยท่านไป จิงฉือตาโตอ้าปากค้างจ้องตำราบางจ้อยเล่มนั้น รอยยิ้มขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ข้ายิ้มแย้มเอ่ยว่า ข้าร่างกายไม่แข็งแรง วันนี้คงไม่สอนท่านแล้ว นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ข้าจะสอนท่านวันละครึ่งชั่วยาม เวลาที่เหลือท่านต้องคัดเนื้อหาที่ข้าสอนท่าน ข้าทราบว่าท่านรู้ตัวอักษรอยู่บ้าง เอาเป็นว่า ท่านท่องกับคัดตำราที่ห้องด้านข้างก็แล้วกัน เสี่ยวซุ่นจื่อจะคอยคุมท่าน เอาละ ท่านไปขนสัมภาระย้ายมาสวนเหมันต์เถอะ
จิงฉือตกตะลึง ขณะที่กำลังจะปฏิเสธก็เห็นดวงตาของบัณฑิตอ่อนแอผู้นั้นฉายแววแน่วแน่ จึงเอ่ยออกไปอย่างไม่รู้ตัว ทราบแล้ว ใต้เท้า
หลังจากจิงฉือออกไป เสี่ยวซุ่นจื่อก็ถามอย่างไม่พอใจ คุณชายไยต้องสิ้นเปลืองความคิดกับคนหยาบกระด้างเช่นนี้ มิสู้พักรักษาตัวให้มากจะดีกว่า
ข้าเอ่ยอย่างนิ่งสงบ ดูจากท่าทางและนิสัย คนผู้นี้เป็นคนจงรักภักดีตรงไปตรงมา เด็ดขาดกล้าหาญเป็นที่สุด หากร่ำเรียนกลศึกเสียบ้าง องค์ชายก็จะมีแม่ทัพที่ภักดีมิแปรเปลี่ยนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน คนผู้นี้ให้ความสำคัญกับมิตรภาพที่สุด วันหน้าข้าย่อมมีเครื่องป้องกันเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่าง ไยจะมิยินดีทำ เจ้าไปสั่งการให้ค่ายลับส่งคนเข้าใกล้ฉินหย่ง ดีที่สุดทำให้ได้รับความเชื่อใจจากเขา หัวหลิวกับลี่ว์เอ่อร์ล้วนเป็นคนที่คัดเลือกมาจากกลุ่มแฝง ให้เฉินเจิ่นเลือกสักคนมาทำงานนี้ กลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วต้องก่อเรื่องใหญ่แน่ พวกเราสมควรรามือได้แล้ว คนที่เหลือจะจัดการเช่นไร พวกเจ้าลองตรองดู แต่ค่ายลับต้องเหลือคนไว้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งให้ข้าใช้งาน อีกครึ่งหนึ่งจัดการส่งพวกเขาไปแฝงอยู่ในหมู่ชาวบ้าน วันหน้าพวกเราจะได้ใช้งานพวกเขาได้
เสี่ยวซุ่นจื่อพยักหน้าเงียบๆ คืนวันนี้ข้าจะไปจัดการ พวกเราเตรียมพร้อมมานานแล้วคงไม่ยุ่งยากมากนัก คุณชาย หลี่อันกับหลู่จิ้งจงเสียมารยาทเกินไปแล้ว หากคุณชายมิได้ทำงานใหญ่อยู่ ข้าคงปลิดชีวิตของพวกเขาเสียนานแล้ว
ข้าเอ่ยเรียบๆ วันหน้าชีวิตของพวกเขา เจ้าย่อมเป็นคนไปเอามาแน่นอน
คืนนั้นข้าได้ทราบว่าหลังผ่านการถกเถียงหน้าพระพักตร์ ฉินชิงก็ได้รับคำสั่งไปกวาดล้างกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วดังคาด แม้รัชทายาทออกตัวสนับสนุนให้ฉีอ๋องออกโรงสุดกำลัง แต่ยงอ๋องกล่าวมีเหตุผล กลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วเล็กๆ กลุ่มหนึ่งย่อมมิจำเป็นต้องส่งอ๋องคนหนึ่งไปกวาดล้าง ฉินชิงตัวเลือกนี้ถูกพระทัยจักรพรรดิอย่างยิ่ง หลังจากยงอ๋องกลับมาก็บอกข้าว่าเขาสังเกตเห็นรัชทายาทกับฉีอ๋องลอบส่งคนไปด้วย ส่วนสำนักเฟิงอี้ ตอนนี้ยงอ๋องยังมิทราบว่าได้ส่งคนไปหรือไม่ แต่ลองคิดดูก็รู้ว่าพวกเขาคงมิอยู่เฉย
หลังจากนั้นข้าก็ยุ่งอยู่กับการสั่งสอนลูกศิษย์ผู้โง่เขลา แม้เขาเห็นตัวหนังสือเป็นต้องง่วงเหงาหาวนอน แต่อย่างไรก็ไม่เกเรเท่าลู่ช่านสมัยอดีต ดังนั้นข้าจึงสอนตำราไปพร้อมกับยกเรื่องจริงจำนวนหนึ่งมาเล่าดึงความสนใจของเขา แม้เริ่มแรกจิงฉือจะฟังอย่างเบื่อหน่าย แต่ไม่นานก็ถูกชักจูงให้สนใจจนได้ ถึงเขาไม่เข้าใจกลศึก ทว่าสู้รบในกองทัพมานานปี ไม่นานเขาจึงเริ่มถามข้อสงสัยจากประสบการณ์ของตนเอง หนึ่งคนถามหนึ่งคนตอบเช่นนี้จนการเรียนคืบหน้า
ผ่านไปสองสามวันจิงฉือก็ฟังอย่างกระตือรือร้น ทุกวันยามเช้าตรู่เขาจะตั้งหน้าตั้งตาคอยข้าตื่นอยู่ด้านนอก ยามบ่ายข้าบังคับให้เขาคัดตำรา เขาก็อดทนทำจนเสร็จ แม้ตัวอักษรที่มีรอยหมึกหยดเป็นด่างดวงเหล่านั้นจะทำให้ข้าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้มิออกก็ตาม ครึ่งเดือนผ่านไป ข้าก็นับว่าสั่งสอนตำราพิชัยสงครามซุนวูจบครบรอบหนึ่งอย่างถูไถ ทว่าอาจเพราะนิสัยเป็นเหตุ จวบจนสุดท้ายเขาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจการใช้กลอุบายในตำราเล่มนี้นัก ข้ามิได้ฝืน ตำราพิชัยสงครามซุนวูบางแต่เนื้อหาลึกซึ้ง แม้แต่ตัวข้าเองก็มิกล้าพูดว่าแตกฉานทั้งหมด นับประสาอะไรกับคนผู้นี้ ข้านึกถึงยามสอนตำราพิชัยสงครามซุนวูให้แก่ลู่ช่านเมื่อครั้งกระโน้น เขาถามหนึ่งข้อ ขบคิดเข้าใจได้สิบอย่าง ช่างฉลาดเฉลียวยิ่งนัก เพียงแต่เขาหัวดื้ออยู่บ้างก็เท่านั้น อาจเป็นเพราะชาติกำเนิด เมื่อข้าสอนถึงบทที่ว่าด้วยหลักเก้าประการในการรับมือสถานการณ์ เขาจึงมักฉงนอยู่เสมอ แม้เขาใช้กลยุทธ์การศึกได้ไม่ธรรมดา แต่น่าเสียดายที่เข้าใจความเลวร้ายในจิตใจคนน้อยเกินไป
วันนี้ข้าสั่งให้จิงฉือปิดหนังสือแล้วคัดตำราทั้งเล่ม เมื่อข้าเห็นตัวอักษรที่เหมือนมีเหงื่อไหลเป็นสายฝนของเขา ข้าก็นึกเสียใจอีกหนที่ให้เขาคัดอักษรบนโต๊ะอ่านหนังสือของข้า เอาเถิด มองไม่เห็นใจย่อมสงบ ข้าหลับตานอนบนตั่งนุ่มแล้วค่อยๆ เข้าสู่ห้วงฝัน ทันใดนั้นเสียงฝีเท้ารีบร้อนก็ดังมาแต่ไกล ข้าลืมตาทันที จากนั้นจึงเห็นหลี่จื้อเดินเข้ามาพร้อมเพลิงโทสะที่ลุกโชน
ข้ายิ้มน้อยๆ สั่งว่า เสี่ยวซุ่นจื่อ รินชาให้องค์ชาย ให้ท่านคลายโทสะสักหน่อย มีเรื่องหนักหนาประการใดหรือ องค์ชายจึงมีสภาพเช่นนี้
เมื่อหลี่จื้อเห็นเจียงเจ๋อ มิทราบเพราะเหตุใดเพลิงโทสะในอกจึงค่อยๆ ลดลง แล้วเมื่อเห็นจิงฉือที่นั่งงงอยู่ตรงนั้น บนหน้ามีรอยคราบหมึก บนโต๊ะข้าวของเละเทะ เขาก็หัวเราะพรืดออกมาอย่างอดไม่อยู่ แล้วนั่งลงรับชาหอมที่เสี่ยวซุ่นจื่อส่งให้ หลังจากดื่มเข้าไป ความโกรธเสี้ยวสุดท้ายก็มลายหาย จิงฉือรีบลุกขึ้นขอตัว ข้าจึงหัวเราะเอ่ยว่า ท่านห้ามแอบเกียจคร้าน ไปคัดที่ห้องด้านข้าง หากลอบดูตำรา อย่าโกรธเคืองหากข้าลงโทษท่านให้คัดตำราจนฟ้าสาง
จิงฉือรีบลั่นวาจาสาบานว่าจะไม่แอบดู เขายังไม่ลืมเหตุการณ์ที่ข้าทดสอบเขาครั้งก่อนแล้วเขาแอบดูตำรา เขาจึงถูกข้าลงโทษให้คัดตำราพิชัยสงครามซุนวูสิบจบเต็มๆ คืนวันนั้นเขาไม่ได้นอนแม้แต่งีบเดียว
หลังจากจิงฉือออกไป ข้าก็เอ่ยอย่างนิ่งสงบ เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ
หลี่จื้อเอ่ยอย่างเย็นชา ฉินชิงมีความสามารถจริงๆ กลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วละโมบอยากสร้างความชอบจึงก่อความวุ่นวายหลายครั้ง ฉินชิงจงใจปล่อยคนหนีไป หลังจากนั้นจึงจับได้ยกรัง แม้มีคนหนีไปได้บ้าง แต่ก็ก่อเรื่องใหญ่โตไม่ได้แล้ว น่าเสียดายฮั่วจี้เฉิงหนีไปได้ แม้งานนี้ยังมีจุดที่ไม่เรียบร้อยอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าน่าพอใจ
กบฏกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วที่ถูกจับเป็นเชลยยอมรับสารภาพว่าสมคบกับขุนนางกรมคลังลักลอบค้าอาวุธเถื่อน ฉินชิงเป็นคนยุติธรรมตรงไปตรงมาผิดคาด เขาส่งมอบคำสารภาพรวมถึงพยานทั้งหมดไปถึงหน้าพระพักตร์ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงหลักฐานแวดล้อมเท่านั้น เพราะมิมีผู้ใดชี้ความผิดรัชทายาทกับชุยยางได้ ถึงอย่างไรฮั่วจี้เฉิงก็หนีไปแล้ว ดังนั้นรัชทายาทจึงปัดความผิดพ้นตัวต่อหน้าพระพักตร์ได้อย่างหมดจด เขาบอกว่าขุนนางกรมคลังแอบทำการลับหลัง ชุยยางได้รับคำสั่งจากเขาให้ตรวจสอบความจริงเรื่องข่าวลือการลักลอบขายอาวุธจนถูกกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่วลอบสังหาร
สุดท้ายเสด็จพ่อจึงได้แต่ให้เขากักบริเวณทบทวนตนเอง เจ้ากรมคลังเหลียงจิ่นเฉียนเดิมทีต้องถูกปลดจากตำแหน่ง แต่อัครมหาเสนาบดีเหวยห้ามไว้ ขอให้เหลียงจิ่นเฉียนทำความชอบชดใช้ความผิด เรื่องเหล่านี้ยังมิสนใจได้ แต่จากนั้นเสด็จพ่อก็ออกราชโองการพระราชทานสมรสให้ฉินชิงกับหลี่หันโยว
ข้าถามขึ้นมา จักรพรรดิมิใช่เพิ่งจะเคยลำเอียงเข้าข้างรัชทายาท องค์ชายมิต้องกังวลใจ วันนี้ผู้มีปณิธานทั่วใต้หล้าทราบโฉมหน้าที่แท้จริงของรัชทายาทแล้ว เรื่องนี้ย่อมบรรลุจุดประสงค์เรียบร้อย แต่การแต่งงานระหว่างหลี่หันโยวกับฉินชิงเหตุใดจึงเร็วเช่นนี้ แม่ทัพใหญ่มิได้คัดค้านหรือ
หลี่จื้อถอนหายใจ หลี่หันโยวลอบติดตามฉินชิงไปปราบกบฏ แล้วยังช่วยชีวิตฉินชิงจากมือสังหารของกลุ่มพันธมิตรจิ่นซิ่ว ทั้งสองได้อยู่ใกล้ชิดกันแล้ว ต่อให้แม่ทัพใหญ่อยากขัดขวางก็ทำมิได้ เกียรติยศของท่านหญิงเชื้อพระวงศ์จะมัวหมองได้เช่นไร เสด็จพ่อตั้งพระทัยจะแต่งตั้งหลี่หันโยวเป็นองค์หญิงจิ้งเจียง ฉินชิงวันนี้ก็กลายเป็นแม่ทัพราชบุตรเขยแล้ว
ข้าถอนหายใจ เรื่องนี้องค์ชายมิได้เตรียมใจไว้ก่อนแล้วหรือ เหตุใดจึงโกรธเกรี้ยวปานนี้
หลี่จื้อเงียบงันครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า เสด็จพ่อทรงออกพระราชโองการให้องค์หญิงฉางเล่อแต่งงานกับเหวยอิง
ข้ามือสั่นวูบหนึ่ง พัดในมือร่วงลงเกลือกฝุ่นดิน ผ่านไปครู่หนึ่งข้าจึงก้มเก็บพัดแล้วเอ่ยว่า นี่ก็มิใช่เรื่องใหญ่อันใด ฝ่าบาทต้องการเลือกเฟ้นพระสวามีให้องค์หญิง องค์ชายย่อมทราบอยู่ก่อนแล้ว คุณสมบัติและความสามารถของเหวยอิงล้วนไม่ธรรมดา ทั้งยังมีนิสัยอ่อนโยนเที่ยงธรรมอย่างหาได้ยาก องค์ชายเองก็หวังให้พวกเขาแต่งงานกันมิใช่หรือ
หลี่จื้อยิ้มขื่นขมเอ่ยว่า สุยอวิ๋น ท่านมิทราบความในใจของน้องข้าจริงหรือ เหตุใดยามปกตินางต้องพกบทกวีของท่านไว้ไม่ห่างตัว เพราะอะไรนางจึงมอบโสมดำพันปีอันหายากมาช่วยชีวิตท่าน ไฉนยามพระชายาพาโหรวหลันไปพบนาง นางจึงเอ็นดูเสมือนบุตรของตน ท่านไม่เข้าใจความรักปานนั้นเชียวหรือ ท่านทราบหรือไม่ เมื่อน้องหญิงได้ยินว่าเสด็จพ่อพระราชทานสมรสให้ นางถึงขั้นตัดเส้นผมของตนบอกว่าจะออกบวชเป็นนางชี ทำให้เสด็จพ่อพิโรธหนัก เสด็จพ่อตรัสกับนางว่าขอเพียงนางเอ่ยปาก ไม่ว่าผู้ใด ท่านจะเรียกมาเป็นพระราชบุตรเขย แต่ฉางเล่อมิยอมเอ่ยปากสักคำ จนตอนนี้ถูกเสด็จพ่อกักบริเวณอยู่ที่วังหลัง สุยอวิ๋น หากท่านมีใจ ข้าจะสู้สุดกำลังพาท่านเข้าวังไปขอพระราชทานสมรส ท่าน ยินดีหรือไม่